แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 161

เพียงในเวลานี้ มีคนสองคนหามกล่องแดงใหญ่เดินเข้ามา

ด้านหลังสองคนนั่น ก็มีตามเข้ามาอีกหลายคน ในมือพวกเขาหากมิได้หามกล่อง ก็ถือของเข้ามา ของทุกชิ้นล้วนแต่ใช้ผ้าไหมสีแดงห่อไว้

นี่ ดูแล้วเหตุใดคล้ายสินสอดเยี่ยงนี้?

ในตอนที่ทุกคนกำลังตกใจกัน ฉีเทียนเห้าเอ่ยขึ้น “พี่ป้าน้าอาทั้งหลายต่างก็เห็นแล้ว ถึงห้าปีก่อนข้ากับเสี่ยวปิงจะเคยได้แต่งงานอย่างเป็นทางการภายใต้สักขีพยาน และได้ทำใบสมรสไว้ แต่กลับมีคนไม่อยากเห็นภรรยาข้ามีความสุข วันนี้ข้าจึงอาศัยงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่นี้นำสินสอดมาเติมให้ และบอกกล่าวแด่ทุกคนว่าวันที่หกเดือนหน้าที่หมู่บ้านต้าซิ่งจะเป็นวันที่ข้าและเสี่ยวปิงจะจัดงานแต่งขึ้นใหม่ ถึงเวลาขอเชิญทุกคนมาร่วมดื่มสุรามงคลกัน”

ฉีเทียนเห้าพูดรัวๆ ชาวบ้านต่างตกใจก่อน ไม่นานก็ได้สติ พากันเข้ามาร่วมยินดีกับลั่วเสี่ยวปิงและฉีเทียนเห้า

และกับเมื่อต้องเผชิญหน้าเสียงหนวกหูโวยวายข้างหน้านี่ ลั่วเสี่ยวปิงกลับยืนงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก

พวกเขามิได้แต่งงานกันหลอกๆหรือไง? ทำไมต้องจัดสินสอดมามากมายเอิกเกริกขนาดนี้?

อีกอย่าง วันที่หกเดือนหน้านางต้องแต่งงานแล้ว? เหตุใดตัวนางเองถึงไม่รู้ล่ะ?

ถึงก่อนหน้านี้จะเตรียมตัวทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินต่อหน้าทุกคนหนึ่งครั้ง เพื่อจะได้เป็นการยืนยันให้กับเด็กทั้งสองคน แต่ตั้งแต่ฉีเทียนเห้าเอาใบสมรสเก่านั่นออกมา นางไม่ได้ล้มเลิกความคิดไปแล้วหรือไง?

ใบสมรสยังมี งั้นการกราบไหว้ฟ้าดินดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว น่าจะเป็นอย่างนี้...นะ?

“เทียนเห้าเอ้ย ไม่คิดว่าเจ้าจะปิดบังข้ามาหลายวันก็เพื่อวันนี้ เจ้านี่ช่างดียิ่ง” สีหน้าพึงพอใจของจางเต๋อหวัง ความไม่พอใจกล่าวโทษก่อนหน้านี้เพราะฉีเทียนเห้าไม่เคยปรากฏตัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง

ลั่วเสี่ยวปิง “...” เกิดอะไรขึ้น?

ทำไมเหมือนท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านก็รู้ว่าวันที่หกเดือนหน้าตนจะแต่งงาน? ขนาดตัวเอกอย่างนางยังไม่รู้เลย?

“เสี่ยวปิงเอ้ย ก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านเมี่ยวเจีย เทียนเห้าให้ข้าช่วยเลือกฤกษ์งามยามดีให้วันหนึ่งมิมิใช่รึ? เพราะมีเรื่องของอานอานเลยทำให้ล่าช้าออกไป ไม่ได้เลือกสักที ช่วงก่อนเทียนเห้าเลยมาหาข้าให้ช่วยดูให้หน่อย ข้าคิดว่าวันที่หกเดือนหน้าเป็นวันดี เลยจัดการกำหนดให้พวกเจ้าเลย” จางเต๋อหวังเห็นลั่วเสี่ยวปิงดูยังงุนงงอยู่ คิดไปว่านางคงจะโดนความสุขที่ถาโถมใส่อย่างไม่ทันรู้ตัวจนมึนงง เลยพูดอธิบายอย่างสุขใจ

ลั่วเสี่ยวปิง “....”

หรือว่าคำพูดที่ฉีเทียนเห้าพูดที่หมู่บ้านเมี่ยวเจียไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เพื่อจัดการปิดปากและคำครหา?

ทำไมฉีเทียนเห้ายังไปหาผู้ใหญ่บ้านหาฤกษ์หายามอีกล่ะ? ก็มีใบสมรสปลอมแล้วไม่ใช่หรือไง?

ถึงแม้จะพยายามเตือนตัวเองอย่าคิดจริง เรื่องพวกนี้ก็แค่แสดงละคร แต่วินาทีนี้ลั่วเสี่ยวปิงกลับรู้สึกว่าตนเริ่มหายใจติดขัดขึ้นมา หัวใจก็เต้นเร็วแรงขึ้น มองดูสายตาของฉีเทียนเห้าเริ่มมีแววเคว้งคว้าง

วินาทีนี้นางก็เริ่มมองไม่ออกแล้วเหมือนกัน

“เสี่ยวปิง หลานเขยช่างดียิ่ง สินสอดเหล่านี้อีกเดี๋ยวย่าจะให้คนนำไปเก็บที่บ้านเดิม รอวันที่หกเดือนหน้า เจ้าก็แต่งออกจากบ้านเดิมของเรานะ ย่าจะต้องให้เจ้าออกเรือนอย่างเอิกเกริกมีหน้ามีตาแน่นอน”

ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงยังไม่ได้สติคืนมา ลั่วเฉินซื่อก็ก้าวออกมาพูดแบบนี้

พอพูดจบ ก็ไม่คิดปิดบังความละโมบโลบมากของนางเลย นางพลันวิ่งไปที่กล่องใหญ่กล่องแรก

ในขณะที่คนอื่นยังไม่ได้สติรู้ตัวกัน ลั่วเฉินซื่อก็กระชากผ้าไหมสีแดงที่ปิดบนกล่องออก และเปิดกล่องขึ้น

กล่องแรกใช้ชายร่างกำยำสองคนหามเข้ามา แค่มองก็รู้ว่าหนักมาก เดิมคนในหมู่บ้านก็สงสัยว่าในนั้นคืออะไร พอเห็นการกระทำนี้ของลั่วเฉินซื่อ ก็พากันชะเง้อคอยาวมองไปทางนั้นกัน

ไม่มองยังไม่เท่าไหร่ พอมองก็ตกใจไปตามๆกัน

นั่นเป็นแท่งเงินเต็มหนึ่งกล่อง สีขาวเจิดจ้า วางเรียงกันเป็นระเบียบอยู่ในกล่อง

นี่...เต็มหนึ่งกล่อง ต้องเท่าใดกันนี่?

แทบจะพริบตาเดียว สายตาของคนในหมู่บ้านที่มองคนตระกูลลั่วก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาแค้นใจแล้ว

เงินมากมายเพียงนี้มาเป็นสินสอด มิเคยพบเห็นมาก่อนเลยจริงๆ

อย่าว่าแต่คนอื่น ขนาดลั่วเสี่ยวปิงเองยังไม่เคยเห็นเงินกล่องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

เพียงแต่สายตาทุกคนคืออิจฉาริษยาแค้นใจ ส่วนของนางคือหน้าดำเมี่ยม

ต่างว่ากันว่ามีทรัพย์สินไม่ควรเปิดเผย นี่ยกเงินเต็มกล่องใหญ่หนึ่งกล่องมาแบบนี้ไม่ใช่เรียกร้องให้ขโมยขโจรมาปล้นหรือไง?

ท่านย่าลั่วยิ้มจนตาหยีเห็นฟันชัด “หลานเขยเป็นกระไรรึ? อยากจะช่วยพวกเราขนสินสอดกลับไปรึ? มิเป็นไรดอก พวกเราขนกันเองได้ ขนกันเองได้”

เงินน่ะนะ ขนเองจะรู้ซึ้งดีที่สุด

ท่าทางน่ารังเกียจของท่านย่าลั่ว ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกขายขี้หน้าจริงๆ

นางเป็นอะไรกับพวกเขาล่ะ? อยากจะเอาสินสอดนางไป นางเห็นด้วยแล้วหรือไง?

ลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะพูด ก็เห็นฉีเทียนเห้าส่งสายตามา ลั่วเสี่ยวปิงเลยเงียบปากไป

“สินสอดเหล่านี้ มิได้ให้พวกท่าน” ฉีเทียนเห้าเอ่ยขึ้น เสียงทุ้มเย็นเหมือนเคย

พอท่านย่าลั่วได้ยินคำนี้ สีหน้าเคร่งขรึมลงทันที “เจ้าอยากแต่งงานกับหลานสาวข้า สินสอดไม่ให้ข้าแล้วจะให้ใคร?”

“สินสอดที่ข้าให้เสี่ยวปิง ย่อมต้องเป็นเสี่ยวปิงเก็บเองสิ” ฉีเทียนเห้าพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

พอได้ยินอย่างนั้นท่านย่าลั่วก็โกรธจัดทันที “นางเก็บไว้เอง? จะเป็นไปได้อย่างไร! นางเป็นลูกสาวตระกูลลั่วของข้า สินสอดก็ต้องให้ตระกูลลั่ว ไม่มีลูกสาวที่ไหนออกเรือนแล้วเก็บสินสอดไว้เอง”

นั่นเป็นเงินของนาง ใครก็อย่าคิดแย่งชิง!

ท่าทางท่านย่าลั่วราวกับใครกล้าแย่งชิงเงินกับนาง นางจะเอาชีวิตมันผู้นั้น

แต่ฉีเทียนเห้าไม่หลงกลไม้นี้ของนาง

“เท่าที่ข้ารู้ บัดนี้นางเป็นครัวเรือนหญิงเพียงคนเดียวในหมู่บ้านต้าซิ่ง ใม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลลั่วของท่านเลย” ฉีเทียนเห้าพูดขึ้นลอยๆ

พอคำนี้ออกมา การกระทำของมือคนหลายคนของบ้านเดิมหยุดชะงักลง รวมถึงลั่วเหอซิ่งด้วย ทุกคนล้วนหันไปมองท่านย่าลั่วโดยพร้อมเพรียง

ท่านย่าลั่วได้ยินดังนั้นก็อึ้ง โพล่งออกมาทันทีว่า “เจ้าพูดมั่วอะไร ลั่วเสี่ยวปิงยังอยู่ในตระกูลเรา เป็นคนตระกูลลั่วเรา จะไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราได้อย่างใดกัน?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง