แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 163

ถูกรึ?

บางคนรู้สึกว่าไม่ถูกล่ะ แต่พวกเขาไม่กล้าพูด

ไม่กล้าพูด ไม่ได้แปลว่าไม่กล้าคิด สายตาพวกเขาสะท้อนความคิดของพวกเขาออกมา

สำหรับสายตาพวกนั้น ลั่วเสี่ยวปิงไม่สนใจสักนิด

เหล่าคนที่มามุงดูแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นพวกลมพัดไปทางไหนก็ล้มไปทางนั้นอยู่แล้ว พวกเขาไม่ออกเสียงช่วยพูดแทนตระกูลลั่วเดิมในตอนนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่าพวกเขามีคุณธรรมมากพอแล้ว

เพราะมันดีกว่าตอนที่นางพึ่งย้อนเวลามามากนักแล้วไม่ใช่หรือไง?

ส่วนพอแม่ม่ายหลี่พูดจบ และส่งสายตาท้าทายมาให้นาง นางไม่ได้สนใจ เพียงแต่มองท่านย่าลั่วด้วยสายตาเย็นเยียบพลางว่า

“ทำไม ท่านมีลูกหลานเยอะขนาดนี้ไม่มีใครกตัญญู ต้องให้คนที่โดนท่านขับไล่จากตระกูลเกือบจะอดตายอย่างข้ามากตัญญู? ยิ่งไปกว่านั้นห้าปีก่อนพวกท่านก็เขียนหนังสือตัดขาดสัมพันธ์ให้ข้าแล้ว บัดนี้ข้าก็กลายเป็นครัวเรือนหญิง พวกท่านยังจะมาหน้าด้านให้ข้ากตัญญู ถ้าข่าวนี้ลือออกไป ใครจะกล้ามาแต่งงานกับหญิงสาวในหมู่บ้านเรา? เกิดแต่งไปแล้วโดนบ้านแม่หน้าด้านมาบอกให้กตัญญูให้ถึงที่สุดจะทำอย่างไร?” ระหว่างพูด ลั่วเสี่ยวปิงหันไปมองเหล่ลั่วเหอซิ่งด้วยสายตาหยามหยัน “ถ้าเยี่ยงนั้นงานเลี้ยงวันนี้เราก็อย่ากินเลย ไปที่หยาเหมินตัดสินดูสิ มองดูว่าคนบ้านลั่วซิ่วฉายในหมู่บ้านเราเป็นพวกอันธพาลไร้คุณธรรมหรืออย่างไรกัน? เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากจะฟ้องร้องขึ้นมาจริงๆ จะส่งผลกระทบต่อการสอบในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้าของลั่วซิ่วฉายหรือไม่?”

พอลั่วเสี่ยวปิงพูดร่ายมารัวๆเยี่ยงนี้ ท่านย่าลั่วไม่ร้องโหยหวนละ ลั่วเหอซิ่งสีหน้าปั้นยาก คนของบ้านเก่าตระกูลลั่วพากันลนลาน จากนั้นสายตาเหล่าคนมุงที่มองดูลั่วเสี่ยวปิงก็กลายเป็นสงบลง

พวกวิญญูชน โดยเฉพาะพวกที่มีชื่อเสียง แทบจะทุกบ้านล้วนคาดหวังว่าจะมีวิญญูชนคนหนึ่งนำพาทั้งตระกูลทะยานขึ้นฟ้ารุ่งเรืองเกรียงไกร ดังนั้นเมื่อต้องต่อกรกับตระกูลเยี่ยงนี้ ใช้ชื่อเสียงของวิญญูชนมาข่มขู่นี่แหละรับรองไม่ผิดเพี้ยนแน่

ยังไงซะ หากชื่อเสียงไม่ดีก็จะถูกตัดสิทธิ์เข้าสอบ

ไม่มีสิทธิ์เข้าสอบ เท่ากับว่าทำลายความหวังของทั้งตระกูล

สำหรับเหล่าคนมุงก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

เพราะลั่วเสี่ยวปิงพูดว่าอะไรนะ? ลั่วเสี่ยวปิงบอกว่า หนังสือตัดขาดสัมพันธ์นั่นห้าปีก่อนบ้านเก่าตระกูลลั่วก็ให้นางมาแล้ว

ห้าปีมานี้ลั่วเสี่ยวปิงใช้ชีวิตยังไงทุกคนต่างยังจำได้ เรียกได้ว่าเกือบจะอดตายแล้ว บ้านเก่าตระกูลลั่วไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย ไม่เพียงไม่ช่วยเหลือ ยังเคยซ้ำเติมด้วยซ้ำ ดังนั้นตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงทำไมต้องสนใจพวกบ้านเก่าด้วย?

แน่นอน สิ่งสำคัญที่สุดคือประโยคที่ลั่วเสี่ยวปิงพูดว่า “ถ้าข่าวนี้ลือออกไป ใครจะกล้ามาแต่งงานกับหญิงสาวในหมู่บ้านเรา?”

เรื่องการแต่งงานสำคัญต่อทุกหมู่บ้านมาก

ปกติลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วจะช่วยเหลือบ้านแม่สักหน่อยเป็นเรื่องสมควร บ้านแม่ไปอาศัยขอข้าวของที่บ้านสามีที่มีฐานะดีกว่าก็เป็นเรื่องที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง แต่จะให้ลูกสาวที่ออกเรือนไปแล้วกลับมากตัญญูรู้คุณขนาดนี้ให้บ้านแม่นี่ดูจะไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

เพราะเรื่องกตัญญูรู้คุณอะไรนี่ ในยุคนี้เป็นเรื่องที่ลูกหลานควรทำ

แน่นอน ยกเว้นครัวเรือนที่ไม่มีลูกหลาน

เพียงแต่เกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้น คนในหมู่บ้านยิ่งได้เห็นถึงพลังต่อสู้ของลั่วเสี่ยวปิง พลางคิดกันว่า จะทำใครไม่พอใจก็ห้ามทำให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่พอใจ มิเช่นนั้นจุดจบต้องอนาถแน่

สำหรับตระกูลลั่ว ถึงจะไม่ได้มีจุดจบอนาถมาก แต่เจอเรื่องวันนี้ไป น่ากลัวไม่ว่าจะด้วยหน้าตาหรือเหตุผลของบ้านเก่าตระกูลลั่วก็หมดเกลี้ยงไม่เหลือหลอแล้ว

โดนคนในหมู่บ้านใช้สายตาหยามหยันมองมา คนบ้านเก่าตระกูลลั่วต่างรู้สึกไม่ดีกันทั้งนั้น และรู้สึกว่าเสียหน้าอย่างมาก แต่ไม่มีใครขยับ

ไม่อยากให้จบลงง่ายๆแบบนี้ แต่ก็คิดวิธีเอาชนะลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ จะเอาอนาคตของลั่วเหอซิ่งไปเสี่ยงก็ไม่ได้จริงไหม?

ดังนั้นพริบตาเดียวสถานการณ์ก็เข้าสู่สภาพกระอักกระอ่วน

ท่านซุนเห็นภาพนี้ได้แต่ถอนหายใจ

เรื่องภายในของคนอื่น คนนอกอย่างเขาไม่อาจและไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามได้ ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวปิงคนเดียวยับรับมือได้ ยิ่งไม่ต้องการให้เขาเข้าไปยุ่งแล้วล่ะ

สำหรับสองสามีภรรยาอู่วิ่นเฉิงก็มีสีหน้าลำบากใจ ใครให้พวกเขาเป็นคนนอกกันล่ะ?

ส่วนโอวหยางฉี่หยู่ แน่นอนยืนดูละครฉากใหญ่อยู่ข้างๆน่ะสิ

ล้อเล่นน่า มีคนนั้นอยู่ จะเอาเขาไปทำอะไร?

“แม่นางลั่ว เรื่องในวันนี้ข้าน้อยเห็นทั้งหมด หากแม่นางลั่วมีสิ่งใดต้องการให้ช่วยเหลือ ตระกูลหราวของเราต้องทำอย่างสุดความสามารถแน่”

ในขณะที่ลั่วเหอซิ่งครุ่นคิดจะหาทางเกาะตระกูลหราวเพื่ออนาคตอันสดใสของตนอย่างตื่นเต้น กลับได้ยินคำนี้เข้า ประหนึ่งมีน้ำเย็นหนึ่งถาดราดลงบนหัวเขา จากนั้นก็มองไปยังพ่อบ้านตระกูลหราวด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

เพียงแต่พ่อบ้านตระกูลหราวไม่ได้มองลั่วเหอซิ่ง และมองลั่วเสี่ยวปิงพลางว่าต่อไป “แม่นางลั่ววางใจเถิด ถึงนายท่านของเราจะไม่มีอำนาจอันใด แต่ลูกศิษย์ลูกหามากมายอยากจะลบล้างชื่อเสียงคนคนหนึ่งเป็นเรื่องง่ายดายนัก”

คำพูดนี้เท่ากับพ่อบ้านตระกูลหราวยอมรับแล้วว่าเขาเป็นคนของตระกูลหราวที่เก่งกาจนั่นในอำเภอ

เพราะตระกูลหราวที่สามารถกล่าวว่ามีลูกศิษย์ลูกหามากมายและสามารถลบล้างชื่อเสียงของคนได้อย่างง่ายดายนั้น นอกจากในอำเภอนั่นก็มิมีผู้ใดแล้ว

ทุกคนพากันสีหน้าตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าลั่วเสี่ยวปิงจะรู้จักกับตระกูลหราว และตระกูลหราวยังติดค้างน้ำใจลั่วเสี่ยวปิงอีกด้วย นี่มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากจริงๆ

เทียบกับความตกตะลึงและเลื่อมใสของทุกคนแล้ว สีหน้าลั่วเหอซิ่งกลับไร้ซึ่งสีเลือด สายตาแดงก่ำ

พ่อบ้านตระกูลหราวนั่น คงมิใช่พูดว่าจะลบล้างชื่อเสียงตน

หากเป็นเช่นนั้น งั้นเขา...

ลั่วเหอซิ่งกัดฟันกรอด จ้องมองลั่วเสี่ยวปิงเขม็ง ราวกับถ้าลั่วเสี่ยวปิงกล้ารับปากพ่อบ้านตระกูลหราว เขาจะพุ่งเข้าไปกัดนางจนตายก็ไม่ปาน

ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่ได้มองลั่วเหอซิ่ง แต่มองไปทางพ่อบ้านตระกูลหราว

นางไม่คิดเลยว่าตนเองจ่ายเงินแลกของกับคนตระกูลหราวแล้ว พ่อบ้านตระกูลหราวนี่ยังพูดอย่างนี้ออกมาในวันนี้ได้

แสดงท่าทีชัดแจ้งว่าจะช่วยเหลือนาง

เพียงแต่ว่า พวกเขาจ่ายเงินแลกของกันแล้ว ถ้ารับปากเรื่องนี้ เท่ากับว่านางติดค้างตระกูลหราวแล้วล่ะ

นางไม่อยากติดค้างครั้งนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง