หลังจากกลับไปยังบ้านเก่าตระกูลลั่ว ลั่วเหอซิ่งยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ไม่ว่าท่านย่าลั่วและฟ่านซื่อจะพากันหมุนเวียนเกลี้ยกล่อมยังไง สีหน้าลั่วเหอซิ่งก็ยังคงไม่ดีขึ้นมา
“เจ้าใหญ่ เจ้าคอยอยู่เป็นเพื่อนเหอซิ่ง ข้าจะไปย่างเนื้อให้เหอซิ่ง” ท่านย่าลั่วบอก จากนั้นก็วิ่งเข้าห้องครัวไป
หลังจากที่ลั่วเหอซิ่งแสดงพรสวรรค์ในด้านการร่ำเรียนออกมา ท่านย่าลั่วก็ยกลั่วเหอซิ่งขึ้นหิ้งเสมือนบรรพบุรุษมารักใคร่เลย และมีแต่ลั่วเหอซิ่งที่ทำให้ท่านย่าลั่วยอมเอาเนื้อมาทำอาหาร
แน่นอน เนื้อที่ท่านย่าลั่วย่างออกมาก็ให้ลั่วเหอซิ่งกินคนเดียว คนอื่นคิดจะแตะต้องไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ฟ่านซื่อเห็นแม่สามีตนจากไป ถึงหันไปบอกลั่วเหอซิ่งว่า “เหอซิ่ง ตอนนี้นังแพศยานั่นตัดขาดสัมพันธ์กับเราแล้ว เราจะทำอย่างไรดี?”
ลั่วเหอซิ่งกลับไม่ได้ตอบคำถามฟ่านซื่อในทันที แต่กลับมองฟ่านซื่อด้วยสายตามาดร้าย พลางถามว่า “เรื่องที่ห้าปีก่อนท่านย่าก็เขียนหนังสือตัดขาดสัมพันธ์ ท่านรู้หรือไม่?”
พอฟ่านซื่อได้ยินคำถามลั่วเหอซิ่ง ก็เบนสายตาหลบอย่างวัวสันหลังหวะ ไม่กล้ามองลั่วเหอซิ่ง
พอเห็นแม่ตนเองเป็นเช่นนี้ ลั่วเหอซิ่งยังมีอะไรไม่เข้าใจอีก?
ถ้าเขารู้แต่แรกว่ามีหนังสือนั่น ก็ไม่ถึงกับต้องเสียทั้งหน้าตาและเหตุผลไปในวันนี้แล้วมิใช่รึ? จำเป็นต้องแผนการล้มเหลวเยี่ยงนี้?
“เหอซิ่ง เจ้าฟังแม่นะ ตอนนั้นที่มีหนังสือนั่นเพราะท่านย่าเจ้ากังวล ว่านังแพศยานั่นจะเกาะติดบ้านเราเลยเขียนให้ผู้ใหญ่บ้าน แม่เองก็ลืมไปแล้ว” พอเห็นสายตาผิดหวังในดวงตาลูกชาย ฟ่านซื่อรีบอธิบายรัวเร็ว
ชาตินี้นางหวังว่าลูกชายคนนี้จะช่วยให้นางได้มีชีวิตสุขสบาย จะมาผิดใจกันเพราะเรื่องนี้ไม่ได้
“ลูกเอ้ย ถ้าเจ้าอยากได้บ้านนั้นของนาง แม่จะคิดหาทางอีกทีดีหรือไม่?” ฟ่านซื่อถามอย่างระมัดระวัง
จากนั้นต่อให้เจอกับการเอาอกเอาใจของฟ่านซื่อ ลั่วเหอซิ่งยังคงไม่สบอารมณ์อยู่ดี
“เอาล่ะท่านแม่ เรื่องนี้พอแค่นี้ ลูกจะไปอ่านหนังสือต่อแล้ว ขอตัวก่อน”
ลั่วเหอซิ่งพูด และไม่สนใจการรั้งตัวของฟ่านซื่อ เดินก้าวเท้าออกไป ฟ่านซื่อได้แต่ยัดเงินเล็กน้อยใส่มือลั่วเหอซิ่ง
ท่านย่าลั่วเดินออกมาจากห้องครัวเพราะได้ยินเสียง และได้เห็นแค่แผ่นหลังลั่วเหอซิ่งที่ผลุนผลันจากไป
รอจนลั่วเหอซิ่งมาถึงหน้าหมู่บ้าน ยังได้กลิ่นหอมของอาหาร และได้ยินเสียงบรรยากาศครื้นเครงในเรือนใหญ่นั่น มันทำให้สีหน้าเขายิ่งดุดันขึ้นมา
ลั่วเสี่ยวปิง ฝากไว้ก่อนเถอะ!
แววตาลั่วเหอซิ่งมีแววมาดร้าย จากนั้นสะบัดชายเสื้อจากไป
เพราะการจากไปของลั่วเหอซิ่ง อาหารกลางวันของบ้านเก่าตระกูลลั่วเลยช้าไปอีกหนึ่งชั่วยามกว่าเวลาปกติ
บนโต๊ะอาหาร สีหน้าฟ่านซื่อและท่านย่าลั่วล้วนไม่สู้ดีนัก และบนโต๊ะอาหารที่เดิมควรจะมีเนื้อ กลับมีเพียงผักกาดขาวต้มไม่กี่จาน ไม่เจอจานเนื้อเลยสักนิด
“ท่านย่า ข้าอยากกินเนื้อ...”
พอเห็นอาหารบนโต๊ะที่ไม่มีเนื้อเลย ลั่วว่างซิ่งร่ำร้องบอก
ทั้งๆที่เขาได้กลิ่นท่านย่าทำอาหารเนื้อแท้ๆ
“ปึ้ง!”
ในใจท่านย่าลั่วมีไฟสุมอยู่แล้ว พอลั่วว่างซิ่งร้องออกมา ก็ทำให้ไฟโกรธของนางระเบิดผลุงออกมา
“กินกินกิน ทำไมไม่กินตายไปเลย? ไม่ดูว่าตัวเองเป็นยังไง มีสิทธิ์ได้กินเนื้อรึ?” ท่านย่าลั่วด่ากราด
อันที่จริงในฐานะหลานชายคนเล็กของบ้านเก่าตระกูลลั่วอย่างลั่วว่างซิ่ง ถือว่าได้รับความรักมากอยู่ ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ได้รับการเลี้ยงดูจนอ้วนอย่างนี้
แต่ความรักนั่นกลับเทียบไม่ติดกับลั่วเหอซิ่งเลย ต่อหน้าลั่วเหอซิ่ง ลั่วว่างซิ่งที่ได้รับความรักก็เป็นเพียงแค่หญ้าหางสุนัขปลายแถวเท่านั้น คนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
หลานคนอื่นๆพากันทำตัวเงียบราวจักจั่นในหน้าหนาว ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
พวกบ้านสี่ยิ่งถอยหลังอย่างหวาดกลัว ช่วยไม่ได้ ฐานะของบ้านสี่ในตระกูลลั่วต่ำที่สุด เอะอะก็โดนด่าโดนตีตลอด
จากนั้นเวลานี้เอง กลับได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจจากลั่วเสี่ยวอวี่ของบ้านสอง “อ๊า พี่สี่ ท่านเหยียบโดนข้าแล้วนะ”
พอลั่วเสี่ยวอวี่อุทานคราวนี้ ทำให้สายตาทุกคนพุ่งมองไปที่ลั่วเสี่ยวจู๋ของบ้านสี่
แต่คำพูดนี้ฉีเทียนเห้ากลับไม่กล้าพูดอย่างน่าประหลาด
ต้องรู้นะ ด้วยฐานะของเขา มีหรือจะมีเวลาที่ไม่กล้าพูด?
แต่ตอนนี้เขาไม่เพียงไม่กล้าพูด ยังไม่กล้าทำให้ลั่วเสี่ยวปิงโกรธอีกด้วย
เขามองออกแล้ว ถ้าตนไม่พูดเปิดอก ลั่วเสี่ยวปิงคงจะโกรธและไม่สนใจตนเองจริงๆแน่
“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่อยากพูด” ฉีเทียนเห้าปรับตัว เห็นลั่วเสี่ยวปิงหมุนร่างหันมามองตน ฉีเทียนเห้าพูดต่อ “ของพวกนั้นข้าเอามาเป็นสินสอดให้เจ้าจริงๆ”
เพราะตอนนี้เขาไม่อยากแต่งงานหลอกๆแล้ว
ลั่วเสี่ยวปิงหมุนร่างเตรียมเดินจากไป ไม่อยากฟังฉีเทียนเห้าพูดจาเพ้อเจ้อ
อืม ถ้าจะไม่สนใจความเต้นเร็วแรงของหัวใจได้ล่ะก็.....
“แน่นอน ข้ามีประโยชน์อย่างอื่นเหมือนกัน” ฉีเทียนเห้าเพิ่มเติมทันเวลา
ลั่วเสี่ยวปิงหยุดฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หมุนกลับมา
ฉีเทียนเห้าส่งสินสอดมามันไม่ธรรมดา นางรู้ดี ไม่งั้นระดับฝีมือของฉีเทียนเห้า ท่านย่าลั่วมีหรือจะสามารถเปิดกล่องใหญ่นั่นต่อหน้าทุกคนได้?
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นแค่สินสอด ฉีเทียนเห้าจะอาศัยจังหวะต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้? พวกขุนนางตำแหน่งใหญ่โตถึงจะใช้การให้สินสอดต่อหน้าทุกคนมาเพิ่มหน้าตาชื่อเสียง แต่ในชนบท เงินทองมากมายขนาดนั้นมีแต่จะดึงดูดความละโมบจากคนอื่น
มีเงินไม่ควรเปิดเผย ในชนบทเป็นเรื่องจำเป็นมาก
สำหรับฉีเทียนเห้าอยากจะทำอะไรอันที่จริงนางก็พอเดาได้อยู่บ้าง แต่การคาดเดาก็คือการคาดเดา นางอยากฟังว่าฉีเทียนเห้าจะพูดยังไง
“ข้าอยาก...”
“เสี่ยวปิง ช่วยด้วย---“
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...