จางต้าฉวนพูดประโยคนี้ออกไป ทำเอาจงฮั่นแทบอยากจะกระอักเลือดออกมา
เดิมทีเขาคิดว่าหากเกี่ยวดองกับตระกูลหวังไม่สำเร็จก็หาตระกูลอื่น แต่ความหมายของจางต้าฉวน คือต้องการจะขัดขวางการแต่งงานกับคนที่เหมาะสมของตระกูลตนเอง
จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร
ถ้าหากลูกชายของตนเองแต่งงานกับสะใภ้ที่ไม่มีอะไรเลย ไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลจงได้ แล้วตระกูลจงจะแต่งนางเข้าบ้านมาทำไม
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของจงฮั่นก็ขรึมลง กัดฟันพูดเสียงลอดไรฟัน “ได้”
เพียงแต่ตอนที่พูดประโยคนี้ ดวงตาที่หลุบลงของจงฮั่นมีแววชั่วร้ายวาบผ่านไป
สกุลจางทำให้เขาต้องเสียเปรียบ เขาไม่มีทางปล่อยไปแน่
สุดท้าย สนองคำขอของจางต้าฉวน ทั้งสองตระกูลถอนหมั้นกันอย่างราบรื่น
ตอนที่เดินออกมาจากประตูบ้านตระกูลจง ที่สุดจางต้าฉวนก็รู้สึกโล่งใจเปลาะหนึ่ง เพียงแต่ใบหน้าเขาไม่ได้แสดงออกถึงความยินดี แต่กลับจากไปอย่างเร่งรีบด้วยความกังวล
จงฮั่นตกเป็นรองในเรื่องการถอนหมั้น นั่งอยู่ให้ห้องโถงด้วยสีหน้าที่ไม่ดี
จงจิ่งหลินก็กลับเข้าบ้านมาช่วงฟ้ามืดพอดี
เดิมทีจงฮั่นต้องการจะตำหนิจงจิ่งหลิน แต่เห็นบาดแผลบนใบหน้าของจงจิ่งหลิน คำตำหนิที่กำลังจะออกจากปากถูกกลืนกลับเข้าไปทันที เอ่ยถามอย่างร้อนใจว่า “นี่เจ้าเป็นอะไร ถูกใครทำร้ายมา”
จงจิ่งหลินได้ยินพ่อของตนเองถามเช่นนี้ ย่อมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างตรงไปตรงมา เล่าจบแล้วก็พูดว่า
“ท่านพ่อ ข้าต้องการให้จางเอ้อหลางติดคุกหัวโต”
สำหรับเรื่องที่จงจิ่งหลินถูกทำร้ายนั้นผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว ทำไมจึงได้กลับบ้านตอนนี้
หึ นั่นย่อมเป็นเพราะว่าจงจิ่งหลินมุดหัวไปหาความสุขใส่ตัวมา เพิ่งจะออกมาตอนนี้
พอจงฮั่นได้ยินว่าเป็นสกุลจางอีกแล้ว ก็ฟาดมือลงไปที่โต๊ะที่อยู่ข้างๆ เอ่ยอย่างโมโหว่า “รังแกกันเกินไปแล้ว”
พูดแล้ว จงฮั่นก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยกับจงจิ่งหลินว่า “จิ่งหลิน พวกเราไปในอำเภอ ข้าจะทำให้จางเอ้อหลางไม่ได้ตายดี”ฃ
จงจิ่งหลินได้ยินแล้วก็นิ่งอึ้งไป “ท่านพ่อ ตอนนี้หรือ นี่มันมืดแล้ว……”
เขาถูกทำร้ายช่วงเย็น หลังจากลาคุณหนูหวังแล้วก็ไปบริหารร่างกาย ตอนนี้ยังเหนื่อยอยู่เลย อยากจะพักผ่อน ไม่อยากจะไปไหน
จงฮั่นกลับจ้องมองจงจิ่งหลิน เอ่ยเสียงเข้มว่า “ไปตอนนี้ ”เกรงว่าทิ้งไว้นานจะไม่ดี
แน่นอนว่า ที่จงฮั่นกระตือรือร้นเช่นนี้ นอกจากอยากจะระบายอารมณ์ขุ่นเคืองที่มีแต่สกุลจางแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลคือ จัดการกับสกุลจาง ก็เหมือนกับจัดการกับตระกูลจู
ส่วนตระกูลจู ได้ยินมาว่าตอนนี้สนิทกับตระกูลฮัว
เอาใจตระกูลจูก็เท่ากับเอาใจตระกูลฮัว เมื่อคำนวณดูแล้ว ตนเองก็สามารถใกล้ชิดกับตระกูลฮัวได้มากขึ้น
เพียงแต่เมื่อคิดถึงจุดนี้ จงฮั่นก็แทบจะอดใจไม่ไหวที่จะจัดการกับคนของสกุลจาง
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ว่าทำไมครอบครัวเล็กๆอย่างสกุลจางจึงได้ทำให้ตระกูลฮัวที่เป็นถึงพ่อค้าราชวงศ์ถึงกับลงมือจัดการเอง แต่ก็ช่างมันเถอะ ประจบเอาใจได้แล้วค่อยว่ากัน
การเคลื่อนไหวของตระกูลจง ย่อมอยู่ในสายตาของลั่วเสี่ยวปิง เพียงแต่ลั่วเสี่ยวปิงไม่ใส่ใจ
ที่นางรออยู่ก็คือการเคลื่อนไหวของตระกูลจง แต่คิดไม่ถึงว่าตระกูลจงจะยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ถึงขั้นนี้ เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก
“ในเมื่อพวกเขาจะฟ้องร้อง เช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเขาไปแล้วไม่มีทางได้กลับมา”ลั่วเสี่ยวปิงหัวเราะ สายตากลับมีแววเย็นชา
ครั้งนี้ นางจะทำเรื่องพิทักษ์คุณธรรมขจัดภัยให้ชาวบ้านสักครั้ง
วันรุ่งขึ้น เป็นเพราะว่าสองพ่อลูกตระกูลจงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษจางเอ้อหลางที่ที่ว่าการแต่เช้า ฉะนั้นจึงมีการเปิดศาลที่ว่าการเพื่อสอบสวนคดี
จงจิ่งหลินนั้นถูกหามเข้ามาในศาล เขาถูกพันด้วยพันแผลทั้งตัว ผ้าที่พันอยู่บนศีรษะมีเลือดซึมออกมา ดูแล้วน่าอนาถมาก
เป็นเพราะว่าส่วนใหญ่แล้วกัวหงหยางจะใช้วิธีการสอบสวนโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะฉะนั้นเมื่อหยาเหมินเกิดการเคลื่อนไหว ก็จะมีชาวบ้านมามุงดู
เมื่อเห็นว่าจิ่งหลินถูกทำร้ายจนเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้หนำซ้ำยังต้องให้คนหามเข้ามาในศาล ต่างก็แสดงความเห็นใจต่อจงจิ่งหลิน และประณามคนที่ทำร้ายอย่างรุนแรง
จงจิ่งหลินหันไปมองจงฮั่นอย่างตื่นตระหนก แต่จงฮั่นกลับมองไปทางที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ
ที่ปรึกษาเห็นดังนั้น จึงได้เอ่ยกับกัวหงหยางว่า “ใต้เท้า อาการบาดเจ็บบนร่างกายของจงจิ่งหลินสาหัสจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้าเชิญท่านหมอมาจะเป็นการยุ่งยาก……”
“ข้าตัดสินคดีความ ต้องการให้เจ้ามาออกความคิดเห็นด้วยหรือ”กัวหงหยางมองไปทางที่ปรึกษาด้วยสีหน้าเย็นชา
ที่ปรึกษาคนนี้เป็นคนที่นายอำเภอคนที่แล้วทิ้งเอาไว้ ปกติแล้วการทำหน้าที่ของนายอำเภอในแต่แห่งจะมีเวลาสามปี แต่ว่าผู้ใต้บังคับบัญชานั้นไม่เปลี่ยน
ปกติแล้วที่ปรึกษาได้ประพฤติมิชอบเล็กๆน้อยๆลับหลังเขาก็ถือเสียว่ามองไม่เห็น แต่การที่เขากล้าเอ่ยปากเสนอแนะในศาลอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้นับเป็นครั้งแรก
กัวหงหยางสีหน้าไม่พอใจนัก ในใจกำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ที่ปรึกษาคนนี้ออกไปจากศาล ไม่เช่นนั้นคนที่อยู่ด้านล่างทั้งหมดคงจะคิดว่าเขากัวหงหยางเป็นคนที่พูดง่าย
ที่ปรึกษาไม่รู้ถึงความคิดของกัวหงหยางในตอนนี้ เพียงแต่เห็นสีหน้าไม่น่าดูของกัวหงหยาง ก็ได้แต่พูดคำเดียวว่า ‘มิกล้า’และไม่กล้าจะพูดอีกแม้แต่ประโยคเดียว
ในขณะที่สองพ่อลูกตระกูลจงกำลังร้องขึ้นในใจอย่างพร้อมกันว่าที่ปรึกษาเชื่อใจไม่ได้ เหมือนเรื่องกำลังจะพังแล้ว กัวหงหยางก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องพิสูจน์แผลอีก แต่กลับถามจางเอ้อหลาง“จางเอ้อหลาง ทำไมเจ้าจึงได้ลงมือทำร้ายผู้อื่น ยังทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บถึงเพียงนี้”
สองพ่อลูกตระกูลจงรู้สึกโล่งใจเพราะกัวหงหยางไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการพิสูจน์บาดแผลอีก และได้ยินจางเอ้อหลางเปิดปากเอ่ยขึ้นว่า
“เรียนใต้เท้า จงจิ่งหลินคนนี้เดิมทีเป็นว่าที่สามีของน้องสาวข้าน้อย แต่กลับไปพัวพันกับหญิงอื่นในช่วงที่ยังหมั้นหมายกันอยู่ เมื่อวานข้าน้อยได้ยินจงจิ่งหลินกล่าววาจาเหยียดหยามน้องสาวต่อหน้าหญิงอื่น จึงข่มอารมณ์ไม่อยู่ลงมือทำร้ายเขาขอรับ”
พูดแล้ว จางเอ้อหลางยังคงมองไปทางจงจิ่งหลินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห
ชาวบ้านที่มามุงดูได้ยินเข้า เดิมทีที่รู้สึกเห็นใจจงจิ่งหลิน ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสีหน้าดูถูก
ถุย
ตอนที่เป็นว่าที่สามีก็ไปพัวพันกับคนอื่นยังจะมีหน้ามาฟ้องร้องอีก ถูกตีตายก็ไม่ผิด
และขณะเดียวกันจงจิ่งหลินก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า “ใต้เท้า ข้าถูกใส่ร้าย จางเอ้อหลางพูดจาเหลวไหล”
เวลานี้จงฮั่นไม่พูดจา ได้แต่มองจางเอ้อหลาง เมื่อครู่ตอนที่ได้ยินจางเอ้อหลางพูด ไม่รู้ทำไม เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยถูกต้อง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...