แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 237

หลังจากที่จางเสี่ยวหลิงจากไปพร้อมกับหวังจินเสีย ลั่วเสี่ยวปิงไม่รีบร้อนไปทำเรื่องของตัวเอง แต่สังเกตท่าทีของว่านเสี่ยวยา

หากว่านเสี่ยวยาดูกังวลใจและไม่สบายใจมาก นางก็จะไม่ออกไปข้างนอกแล้ว

แต่ว่านเสี่ยวยาดูเหมือนจะรู้ความมากกว่าที่ลั่วเสี่ยวปิงคิดไว้ ไม่เพียงแต่จะไม่ร้องไห้ แต่ยังเดินตาม อันอันและเล่อเล่อไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีลูกแล้วลั่วเสี่ยวปิงก็เข้าใจดีว่า ที่ว่านเสี่ยวยาเป็นเช่นนี้เพราะความเชื่อมั่นในตัวแม่ของนาง

เพราะความเชื่อมั่น ดังนั้นว่านเสี่ยวยาจึงไม่กลัว

แต่ในทำนองเดียวกัน ถ้าจางเสี่ยวหลิงกลับมาไม่ทันเวลา ความไว้ใจเบื้องต้นนี้ก็จะพังลงในทันที

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง นางพาไป๋เสาออกไปและไปที่บ้านของจางต้าฉวน

ประการแรก วันนี้เดิมทีนางตั้งใจที่จะไปหาจางต้าฉวนอยู่แล้ว และประการที่สอง บ้านของพี่ชายของจางเสี่ยวหลิงนั้นอยู่ติดกับบ้านของจางต้าฉวน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็จะได้ไปดูแลได้

เมื่อคิดได้อย่างนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็พาไป๋เสาออกไป

พึ่งจะเดินไปถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ลั่วเสี่ยวปิงก็เห็นเหยียนขวนเดินเข้ามาทางนี้จากไกลๆ ในตอนที่เหยียนขวนเห็นนาง เขาก็เร่งความเร็วในการเดิน เห็นได้ชัดว่าพุ่งเข้ามาหานาง

เมื่อคิดถึงสีหน้าของเหยียนขวน ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกหนาวสั่น

“ฮูหยิน ท่านเป็นอะไร? ถ้าอากาศหนาว ข้าน้อยจะนำเสื้อคลุมนั้นมาให้ท่าน”เมื่อไป๋เสาเห็นว่าลั่วเสี่ยวปิงตัวสั่น จึงคิดว่าลั่วเสี่ยวปิงหนาว

ลั่วเสี่ยวปิง “จู่ๆข้าก็นึกขึ้นได้ว่าเราน่าจะพาหนานซิงมาด้วย”

อย่างไรเสียหนานซิงก็มีประสบการณ์ในการจัดการกับเหยียนขวน

ไป๋เสาไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงกำลังคิดอะไรอยู่ แต่หลังจากได้ยินลั่วเสี่ยวปิงพูดเช่นนี้ นางก็พูดขึ้น “เช่นนั้นข้าน้อยไปเรียกหนานซิ่งมา?”

ลั่วเสี่ยวปิง “ไม่ต้อง” นางแค่คิดแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนแตกตื่นเพื่อเหยียนขวนคนเดียว

หลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินไปที่บ้านของจางต้าฉวน

อย่างไรก็ตาม ลั่วเสี่ยวปิงประเมินระดับความหน้าด้านของซิ่วฉ่ายเหยียนขวนต่ำไปจริงๆ

“เสี่ยวปิง เจ้ารอข้าก่อน” เหยียนขวนตะโกน เท้าก็ยังวิ่งอยู่ “ปิงเอ๋อร์ รอข้าด้วย พี่ขวนวิ่งไม่ไหวแล้ว…”

ลั่วเสี่ยวปิงถึงกับเซ

ปิง…เอ๋อร์? พี่ขวน?

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกขยะแขยง

ถ้าจำไม่ผิด ถึงแม้ว่าเจ้าของร่างเดิมจะมีสัญญาแต่งงานกับเหยียนขวน แต่ก็ไม่เคยเรียกกันแบบนี้เลยใช่ไหม?

“ฮูหยิน ให้ข้าน้อยจะไปขวางไหมเจ้าคะ?” ไป๋เสาขมวดคิ้ว มองไปทางเหยียนขวนที่กำลังวิ่งมาทางนี้อย่างเย็นชา

กล้าดึงฮูหยินเข้ามาทำเพื่อผลประโยชน์ตามอำเภอใจ ทำลายชื่อเสียงของฮูหยิน สมควรตาย

ลั่วเสี่ยวปิงตั้งสติ มองไปยังทิศทางของเหยียนขวน เห็นเขาเลิกชุดผาววิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้

จากครั้งที่แล้วที่หนานซิ่งขยาดเหยียนขวน ตามหลักต้องไม่เกรงใจเขามากจึงจะถูก เแล้วทำไมเหยียนขวนถึงยังมาที่นี่ในตอนนี้อีก?

ลั่วเสี่ยวปิงไม่คิดหลบ ถึงอย่างไรเขาก็ตามมาแล้ว และถ้าหันกลับมาตอนนี้ก็ดูเหมือนจะจงใจเกินไป อาจจะทำให้นางดูสนใจคนแบบนี้อย่างนั้นแหละ

ดังนั้นเมื่อไป๋เสาถาม ลั่วเสี่ยวปิงจึงบอกว่า "ไม่ต้อง ดูสว่าเขาคิดจะทำอะไร"

เมื่อไป๋เสาได้ยินก็ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงยืนตรงหน้าลั่วเสี่ยวปิงครึ่งก้าวอย่างปฏิบัติตามหน้าที่สุดความสามารถ และเมื่อเหยียนขวนมาถึง นางก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวหนึ่ง ขัดขวางฝีเท้าของเหยียนขวนไม่ให้เข้ามาใกล้อีก

“เจ้า…”เหยียนขวนมองแต่ลั่วเสี่ยวปิง และเมื่อเขาเห็นใครมาขวางทางเขา เขาก็หมดความอดทน

แต่ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นสาวใช้สวยๆคนหนึ่ง แล้วความกระวนกระวายในดวงตาของเหยียนขวนก็หายไป

“ปิงเอ๋อร์ นี่คือสาวใช้ของเจ้าหรือ?” เมื่อเหยียนขวนถามคำถามนี้ ในใจของเขาก็มีความคิดขึ้นมาทันที

ถ้านี่คือสาวใช้ของลั่วเสี่ยวปิง แล้วถ้าตนแต่งงานกับลั่วเสี่ยวปิง สาวใช้คนนี้ก็ต้องอุ่นเตียงให้เขาด้วย?

เมื่อเหยียนขวนได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก

แต่อย่างไรเขาก็ยังจำจุดประสงค์ที่ตัวเองมาหาลั่วเสี่ยวปิงได้ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน เขาจะอดทนไว้ก่อน

ที่ได้รับในวันนี้ เมื่อเขาแต่งงานกับนาง ค่อยเอาคืนทีละเรื่องก็ยังไม่สาย

คิดได้อย่างนี้เหยียนขวนเผยอารมณ์หนึ่ง แล้วมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิงด้วยสีหน้าน้อยใจ “เสี่ยวปิง เจ้าทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร?”

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้พูดอะไร ท่าทางของนางยังคงเย็นชา ไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย

“เสี่ยวปิง ที่ข้ามาวันนี้ เพราะมีธุระกับเจ้า” เหยียนขวนทำหน้าจริงจัง

“อืม มีเรื่องอะไร?” ลั่วเสี่ยวปิงพูดเรียบๆ สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

เหยียนขวนอยากจะพูด แต่เมื่อเขาเห็นไป๋เสาอยู่ด้านข้าง เขาก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อยทันที

“เสี่ยวปิง เห็นแก่ความรักหลายปีของเรา เจ้า ให้เวลาข้าหน่อยได้ไหม? ข้ามีเรื่องสำคัญกับเจ้าจริงๆ” ในตอนที่เหยียนขวนพูด ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยการเว้าวอน

ท่าทีดังกล่าว ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อก่อน เหยียนขวนมักจะแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าเจ้าของร่างเดิมเสมอ ทุกๆครั้งที่เหยียนขวนไม่มีเงินพอจะใช้จ่าย และเจ้าของร่างเดิมนั้นรักเหยียนขวนมาก ดังนั้นจึงไม่สามารถทนต่อท่าทางแบบนี้ของเหยียนขวนได้

เพื่อเหยียนขวนแล้ว นางยอมปักผ้าทั้งวันทั้งคืนแล้วเอาไปขาย

และทุกครั้งที่เหยียนขวนได้เงินไป ก็จะบอกเจ้าของร่างเดิมเสมอว่าเมื่อเขาซิ่วฉายได้แล้ว เขาจะยกเกี้ยวแปดคนหามแต่งนางเข้าตระกูลแน่นอน ก่อนหน้านี้นางลืมความทรงจำนี้ไปแล้ว

แต่ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้ว อาจเป็นเพราะความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิมนั้นลึกซึ้งเกินไป จึงทำให้การแสดงออกของลั่วเสี่ยวปิงเปลี่ยนไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อเหยียนขวนเห็นลั่วเสี่ยวปิงเป็นเช่นนี้ เขาก็รีบพูด “เสี่ยวปิง พวกเราไปคุยกันทางนั้นเถอะ”

พูดพลางชี้ไปที่ป่าเล็กๆซึ่งอยู่ไม่ไกล

ลั่วเสี่ยวปิงได้สติกลับมา มองไปที่เหยียนขวน อารมณ์บางอย่างแวบเข้ามาในดวงตาของนาง แล้วพยักหน้า "ได้..."

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง