แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 299

จากปากของฉีเทียนเห้า ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้รู้อีกว่าที่ลั่วเสี่ยวอวี่ไปอ่อยหูชุนเซิงที่หมู่บ้านหูเจีย แท้จริงแล้วก็เป็นฝีมือของลั่วเสี่ยวจู๋

ดังนั้น แม้หูชุนเซิงผู้นี้จะได้ใหม่ลืมเก่า ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ตอนแรกที่หูชุนเซิงยังไม่นอกใจลั่วเสี่ยวจู๋ ลั่วเสี่ยวจู๋ก็ลอบวางแผนแก้แค้นไว้แล้วงั้นเหรอ? ตอนนี้ก็ยิ่งวางแผนให้หูชุนเซิงขาดลูกสิ้นหลานสืบสกุลอีก นี่มันเกลียดแค้นชิงชังขนาดไหนกัน?

ลั่วเสี่ยวปิงถามฉีเทียนเห้า ฉีเทียนเห้ากลับส่ายศีรษะ “จากข้อมูลที่สืบมา น่าจะไม่มีความเกลียดแค้นอะไร”

เขาหยุดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยต่อว่า “ที่บอกเจ้าเรื่องพวกนี้ เพราะอยากให้เจ้าระวังนางไว้หน่อย คนผู้นี้ไม่ใช่เล่นๆ ซ้ำยังเจ้าคิดเจ้าแค้นมากอีกต่างหาก”

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า

แม้ไม่มีฉีเทียนเห้ามาบอกนาง นางก็ต้องระวังลั่วเสี่ยวจู๋ไว้อยู่แล้ว

หลังจากที่ตื่นมาในวันนั้น ลั่วเสี่ยวจู๋ก็แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก คนแบบนี้อยู่ให้ห่างๆจะดีที่สุด

เพียงแต่......

ลั่วเสี่ยวปิงมองฉีเทียนเห้าอย่างสงสัย “ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงคิดจะสืบเรื่องนาง?”

โดยเฉพาะก่อนหน้าที่ฉีเทียนเห้าไม่อยู่บ้าน จู่ ๆก็ไปสืบเรื่องลั่วเสี่ยวจู๋ ซ้ำยังสืบได้ชัดเจนขนาดนี้ นี่มันไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย

ฉีเทียนเห้า “วันนั้นที่ข้ากับเจ้าแต่งงานกันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ก็เลยให้คนจับตาดูไว้”

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า ในใจกลับกำลังครุ่นคิดถึงการกระทำของลั่วเสี่ยวจู๋หลังจากที่ตื่นมา

ตอนนั้นนางนึกว่าลั่วเสี่ยวจู๋ข้ามมิติมาเหมือนนาง แต่หลังจากที่พิสูจน์ดูแล้วกลับพบว่าไม่ใช่

ตอนนี้......

จู่ ๆลั่วเสี่ยวปิงก็พลันชะงัก ก่อนจะเบิกตาโพลง

นาง......เหมือนจะมีความคิดบางอย่างที่ไม่โตพอ

“เป็นอะไรงั้นเหรอ?” เห็นสีหน้าลั่วเสี่ยวปิงผิดปกติ ฉีเทียนเห้าก็เอ่ยถาม

ลั่วเสี่ยวปิงมองฉีเทียนเห้าอย่างยากที่จะอธิบาย ท้ายที่สุดก็ส่ายหัว ไม่พูดตอบอะไร

ความคิดของนางน่าพิศวงจนเหนือความคาดหมายเกินไป ก่อนจะพิสูจน์ได้ก็อย่าเพิ่งพูดจะดีกว่า

ลั่วเสี่ยวปิงไม่พูด ฉีเทียนเห้าก็ไม่ถามอีก

หลังจากที่ทั้งคู่คุยกันเสร็จ ก็ไม่ได้อยู่ในห้องต่อ เพราะถ้าขืนยังอยู่ต่อไป เกรงว่าคนด้านนอกคงจะคิดว่าพวกเขาทำอะไรบางอย่างในห้องจริงๆแน่

ขณะเดียวกัน ณ ตระกูลลั่ว

ประตูตระกูลลั่วปิดสนิท ทุกคนนั่งอยู่ในห้อง ต่างเผยสีหน้าไม่สู้ดี

จู่ๆ ย่าลั่วก็หันไปมองจ้าวซื่อ “ครั้งนี้ได้เงินเท่าไหร่?”

จ้าวซื่อใจกระตุกวูบ สีหน้าแข็งทื่อ พลางเอ่ยถามอย่างลำบากใจว่า “ท่านแม่ถามเรื่องนี้ทำไม?”

ย่าลั่วเผยสีหน้าถมึงทึง “ทำไม? ยายแก่อย่างข้าถามไม่ได้หรือไง?”

จ้าวซื่อส่ายหัว “ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น......”

เห็นย่าลั่วยังใช้แววตาเคลือบแคลงจ้องมองตนเอง แม้ในในจ้าวซื่อจะรู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังคงเอ่ยว่า “ก็ไม่ได้เยอะมาก แค่สิบตำลึง ”

ฟ่านลี่ฮัว “ตระกูลจูของเมืองอำเภอคือตระกูลใหญ่ ไม่ว่ายังไงรับภรรยาน้อยก็ไม่มีทางจะให้เงินแค่สิบตำลึง หรอกมั้ง?”

ย่าลั่วย่ำเท้าอย่างโมโห “นี่ไม่เห็นยายแก่อย่างข้าอยู่ในสายตาเกินไปแล้ว คิดว่าข้าหลอกง่ายสินะ?”

“จ้าวชุนฮวานั่นช่างบังอาจนัก แม้จะตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่ข้าก็ยังคงเป็นแม่ยายของนาง นางกล้าเนรคุณต่อข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”

ฟ่านลี่ฮัวไม่ปริปาก ย่าลั่วพูดต่อว่า “บอกว่ามีแค่สิบตำลึง คิดว่ายายแก่อย่างข้าจะเชื่อจริงๆงั้นเหรอ? เงินพวกนั้นเป็นของเหอซิ่งหลานรักข้า หนังหน้าอย่างนางเนี่ยนะยังคิดจะเก็บเงินไว้ใช้? ไม่ส่องกระจกดูตัวเองบ้างเลย”

นอกหน้าต่างห้อง หลังจากที่ลั่วเจียซิ่งพาลูกเมียกลับห้องแล้ว จ้าวซื่อก็แสร้งทำเป็นลืมของกลับมาเอา ยืนฟังนอกห้อง พลันได้ยินคำนี้พอดี จ้าวซื่อเผยสีหน้าไม่สู้ดี โมโหจนกลับห้อง

หลังจากกลับมาที่ห้อง จ้าวซื่อก็มองลูกชายสองคน “พวกเจ้าทั้งสองต่างเป็นหลานของท่านยาย แต่ในใจของท่านยาย พวกเจ้ากลับไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้ลั่วเหอซิ่งด้วยซ้ำ”

ลูกชายทั้งสองของจ้าวซื่อลั่วว่านซิงกับลั่วว่างซิ่งฟังแล้ว สีหน้าก็เผยแววสลดอย่างปิดไม่มิด

หลานของตระกูลลั่ว ไม่ว่าจะเป็นบ้านสองหรือลั่วเจียซิ่งของบ้านใหญ่ ทุกคนต่างใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดที่ว่า ‘เทียบลั่วเหอซิ่งไม่ติด’ รวมถึงเรื่องตัดขาดความสัมพันธ์ในครั้งนี้เองก็เป็นเพราะลั่วเหอซิ่ง ทุกคนต่างรู้ดีอยู่แก่ใจ

“ดังนั้น ตระกูลจูให้เงินพวกข้าเท่าไหร่ ถึงตีให้ตายพวกเจ้าก็ห้ามหลุดปากออกไปเด็ดขาด รอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว แม่จะเอาเงินพวกนี้หาทางออกให้พวกเจ้า ข้าจะคอยดู ว่าตกลงลูกชายที่ฟ่านซื่อกำเนิดเก่ง หรือลูกชายข้าเก่งกันแน่”

คำพูดของจ้าวซื่อ ทำให้ลั่วว่านซิงและลั่วว่างซิ่งตาเป็นประกาย พลันพยักหน้ารับปากรัวๆ

จ้าวซื่อเห็นดังนั้น ความอึดอัดในใจก็สลายหายไปเล็กน้อย พลันนึกได้ว่าจะเก็บซ่อนเงินไว้ให้ดี จึงบอกให้พวกเขาออกไป

ส่วนภายในห้อง ฟ่านลี่ฮัวเห็นย่าลั่วก่นด่ามาครึ่งวัน จนในที่สุดก็เทน้ำแก้วหนึ่งให้ย่าลั่วดื่มชุ่มคอ ปากก็พลางพูดปลอบว่า “น้องสะใภ้ก็พูดไม่ผิด อีกอย่างเงินนั่นก็แลกมาด้วยตัวลูกสาวนาง พวกข้าไม่มีสิทธิ์ใช้หรอก”

เอาเงินในมือจ้าวซื่อมาไม่ได้ ในใจฟ่านลี่ฮัวเองก็ไม่สบอารมณ์มากมาย

ทว่าเมื่อเทียบกับเงินในมือของจ้าวซื่อและที่นางไม่พอใจจ้าวซื่อ สิ่งที่นางสนใจมากกว่าคือเงินพวกนั้นของลั่วเสี่ยวปิง กับที่นางไม่พอใจลั่วเสี่ยวปิง

ดังนั้น เมื่อเห็นว่าย่าลั่วกำลังจะด่าจ้าวซื่อต่อ ฟ่านลี่ฮัวก็รีบเอ่ยทันทีว่า “ข้าว่านะ เสี่ยวปิงนั่นยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้ว ไม่เห็นพวกข้าอยู่ในสายตาเลยสักนิด คนในหมู่บ้านต่างเชิดชูลั่วเสี่ยวปิงเป็นผู้นำ เกรงว่าคราวหลังตระกูลลั่วพวกข้าคงจะยิ่งใช้ชีวิตลำบากในหมู่บ้านแล้ว”

เป็นไปอย่างที่คิด ย่าลั่วได้ยินฟ่านลี่ฮัวพูดดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที

เนิ่นนาน แววตาเฉียบแหลมของย่าลั่วก็เป็นประกายแวบหนึ่ง “ข้ามีวิธีแล้ว----“

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง