"ผู้ใหญ่หนึ่งตำลึง เด็กสองเหวิน"คนใช้ที่ห้ามพวกลั่วเสี่ยวปิงเอาไว้พูด และมองไป๋เสา หนานซิง กับสี่เป่าที่ปรากฏความดีใจบนใบหน้า ในที่สุดสายตาก็ย้ายกลับมาที่ลั่วเสี่ยวปิงและฉีเทียนเห้า"หากพวกเจ้าจะเข้าไป ผู้ใหญ่สองคนกับเด็กอีกสอง ต้องจ่ายสองตำลึงกับอีกสองเหวิน"
คนใช้นึกว่าหนานซิงและไป๋เสาไม่ได้มากับลั่วเสี่ยวปิง ถึงพูดแบบนี้
ลั่วเสี่ยวปิงฉับพลันทันที ไม่น่าทำไมคนในซอยนี้ถึงไม่มาก ที่แท้แล้วต้องเก็บค่าผ่านประตูนี่เอง
สำหรับคนธรรมดา มีของดูก็ไปดูของฟรีไม่ดีกว่าหรือ?
และค่าผ่านประตูก็แพงเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าใครๆล้วนจ่ายไหว
แต่เมื่อก่อนลั่วเสี่ยวปิงได้ไปสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายที่ ค่าผ่านประตูที่แพงขนาดไหนล้วนเคยซื้อมาก่อน ดังนั้น สำหรับค่าผ่านประตูที่แพงขนาดนี้จึงรับได้อยู่
เพราะเราหาเงินมาก็เพื่อนำมาใช้ งานโคมไฟมีแค่ปีละครั้ง ถ้าผ่านเทศกาลโคมไฟไปก็เท่ากับว่าปีใหม่ก็จบสิ้นแล้ว ถ้าตอนนี้ยังไม่ใช้เงินอีก จะเอาเงินไปใช้เมื่อไหร่ล่ะ?
ดังนั้นเลยไม่ได้ลังเลใดๆ ลั่วเสี่ยวปิงหยิบเงินออกมาจ่าย
ผู้ใหญ่สี่คน เด็กสามคน ทั้งหมดสี่ตำลึงกับอีกหกเหวิน
ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของคนใช้คนนั้น พวกเขาก็เดินเข้าไปในถนนที่มีคนเดินค่อนข้างน้อย
หลังจากเข้าไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงถึงพบว่า ที่ๆเสียเงินกับที่ๆไม่เสียเงินต่างกันมากจริงๆ
ทั้งซอยเต็มไปด้วยโคมไฟหลากหลายรูปแบบ มีขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ไม่ว่าเป็นชิ้นไหน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือการทำหรือรูปแบบ โคมไฟข้างนอกล้วนเทียบกับที่นี่ไม่ได้
ในโคมไฟเหล่านี้นอกจากโคมไฟรูปสัตว์ที่เหมือนจริงมากแล้ว สิ่งที่พิเศษที่สุดคือโคมม้าวิ่ง เด็กสามคนดูจนไม่กะพริบตาเลย
เมื่อเทียบกับโคมไฟเหล่านั้น ชั่วเสี่ยวปิงชอบบรรยากาศของถนนนี้มากกว่า
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดสนิท โคมไฟหลากสีก็เหมือนเป็นดวงดาวที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า ส่วนคนที่เดินไปมานั้นล้วนเป็นคุณหนูคุณชายผู้มีตระกูลที่ออกมาเที่ยวเนื่องในโอกาสเทศกาลโคมไฟ
บ้างก็เขินอาย บ้างก็คาดหวัง บ้างก็ขี้อาย ในระหว่างที่เดินผ่าน พวกเขาจะค่อยๆมองไปที่ฝ่ายตรงข้ามทีหนึ่งอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็รีบหลบสายตาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นถึงความไร้เดียงสามาก
เวลานี้ลั่วเสี่ยวปิงถึงนึกขึ้นได้ว่า ในสมัยนี้เทศกาลโคมไฟเป็นวันเลือกคู่ของหนุ่มสาวจำนวนมาก
ไม่น่าทำไมฝั่งนี้ถึงเข้มงวดขนาดนี้แล้ว หากใครๆก็มาได้ งั้นคงจะสูญเสียผลประโยชน์ของคุณชายคุณหนูผู้มีตระกูลเหล่านี้
แต่พฤติกรรมที่คุณชายคุณหนูเหล่านี้ส่งถึงกัน ไม่ใช่สิ่งที่ลั่วเสี่ยวปิงชอบที่สุด จุดสนใจของนางอยู่ที่การสวมใส่ชุดจีนโบราณ และนี่ก็ถือว่าเป็นงานโชว์ชุดจีนโบราณครั้งใหญ่ยิ่ง
ถ้ายอมรับว่า ถึงแม้ข้างนอกทุกคนก็ล้วนใส่ชุดจีนโบราณ แต่ล้วนเป็นคนธรรมดา แม้ชุดที่ใส่ดีขนาดไหนก็ไม่ได้คำนึงอะไรมาก แต่คุณหนูผู้มีตระกูลในนี้ล้วนได้ใส่ชุดหรูหรา และยังมีอีกส่วนหนึ่งได้ถูกออกแบบโดยนาง ซึ่งดูเจริญตามาก
สวยงามมากๆ
และการทายคำใบ้โคมไฟในนี้ ความยากจะยากกว่าข้างนอกตั้งเยอะตั้งแยะ แน่นอนแล้วว่าของขวัญที่ได้ก็จะสอดคล้องกับความยากด้วย
ของขวัญในนี้ไม่ว่าชิ้นไหน ล้วนสามารถกลายเป็นรางวัลใหญ่ของแผงข้างนอก
อานอานก็ได้ไปทายคำใบ้ แต่ถึงแม้เป็นอานอาน ส่วนใหญ่ก็ทายไม่ถูก
สมมุติ'ยกจอกขึ้นเชิญชวนพระจันทร์นวลเด่น'ให้ทายคำทักทายที่สุภาพ แต่อานอานนึกไม่ออก
จนกว่ามีคนเดาออกว่าคำตอบคือ'ชมแสงจันทร์'(ในสมัยจีนโบราณคำว่าชมแสงจันทร์แปลว่าการเชิญชวน) อานอานถึงรู้ตัวในฉับพลัน
สมมุติว่า'เงยมองพระจันทร์บนท้องฟ้าที่สว่างสวาย'ให้ทายชื่อของยาชนิดหนึ่ง และอานอานก็นึกไม่ออก
แต่คำตอบของคำใบ้นี้ ลั่วเสี่ยวปิงทายออกมาได้
คำตอบคือตางกุย(ในภาษาจีนตางกุยนอกจากมีความหมายเป็นยาชนิดหนึ่งแล้ว ยังมีอีกความหมายหนึ่งแปลว่าอยากกลับบ้าน) จากนั้นลั่วเสี่ยวปิงก็ได้รับปิ่นเงินเป็นของขวัญ
ถึงแม้รูปแบบดูธรรมดา แต่อย่างน้อยก็มีมูลค่าครึ่งตำลึง
ลั่วเสี่ยวปิงกลัวว่าอายอานจะรู้สึกเศร้า ยังคิดจะปลอบใจหน่อย แต่ใบหน้าของอานอานไม่มีความเศร้าใดๆเลย
แต่ ในสายตาของลูกชายมีความคาดหวังอยู่ นางในฐานะที่เป็นแม่จะไปทำลายความคาดหวังของลูกชายหรือ?
ไม่ได้แน่นอน!
ถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง แล้วลั่วเสี่ยวปิงก็ฝืนยิ้ม"ได้ รอเดือนสามแม่จะพาไป"
โรงเรียนเต๋อหลินมีชื่อเสียงมากในจังหวัด ตอนที่นางออกไปข้างนอกก็มักจะได้ยินข่าวสารมา
และก่อนหน้านี้หราวชิงหย่าก็เคยกล่าวถึง นายท่านหราวหยูหลินก็เป็นอาจารย์ในโรงเรียนเต๋อหลิน
แน่นอนว่า หราวชิงหย่าก็ไม่ใช่อาจารย์ธรรมดา ปกติก็ไม่รับศิษย์
แต่ไม่ทราบว่าเหตุใด ได้ข่าวว่าปีนี้นายท่านหราวจะไปเลือกรับศิษย์ที่โรงเรียนเต๋อหลิน
ตั้งแต่ที่ได้ยินข่าวนี้มา ไม่ทราบว่ามีนักเรียนกี่คนอยากจะสอบเข้าโรงเรียนเต๋อหลินให้ได้ ปีนี้อานอานก็แค่หกขวบ ไม่ทราบว่าในการคัดเลือกที่เข้มงวดเช่นนี้ จะสอบเข้าได้หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร เด็กอยากเข้า นางก็จะสนับสนุน
หากสอบเข้าไม่ได้ งั้นก็ให้เขาพยายามต่อไป ยังอายุน้อยอยู่มีเวลาตั้งเยอะตั้งแยะ
แต่ลั่วเสี่ยวปิงไม่เคยได้คิดว่าจะใช้เครือข่ายของหราวชิงหย่า
ถ้าพึ่งคนอื่นจะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น เวลาที่พึ่งตัวเองได้ ก็อย่าพึ่งคนอื่นดีกว่า
ลั่วเสี่ยวปิงยอมรับ อานอานดีใจมาก
จากนั้น อานอานก็ไม่ได้ไปทายคำใบ้โคมไฟอีก เพราะเขารู้ความสามารถของตัวเอง ดังนั้นก็ไปชมโคมไฟต่อกับเล่อเล่อและสี่เป่าที่ตื่นเต้นจนไม่ยอมกะพริบตา
หลายคนค่อยๆเดินไปข้างหน้า แต่ตอนที่เดินถึงกลางซอยนี้ อยู่ๆก็มีเสียงวุ่นวายส่งมา......
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...