ทุกคนต่างคนต่างพูด ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนรน
ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่อุบไว้อีกแล้ว พูดว่า “ข้ายังคงหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถเพาะปลูกข้าว......”
คำพูดของลั่วเสี่ยวปิงพูดออกไป สีหน้าชาวบ้านก็มีแววแห่งความผิดหวังเล็กน้อย
โดยเฉพาะพวกที่ปลูกข้าวมาทั้งชีวิต ครอบครัวก็เป็นได้แค่ชาวนาที่ทำได้เพียงอิ่มท้อง
พวกเขารู้อย่างชัดเจนว่าลำพังพึ่งพาเพียงผลผลิตในที่ท้องนา พวกเขาจะได้ผลลัพธ์อย่างไร
ลั่วเสี่ยวปิงกวาดมองสายตาของพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้รีบพูด
เธออยากลองดูทัศนคติของพวกเขา ดูว่าคนเหล่านี้จะกล่าวโทษเธอเพราะความผิดหวังหรือไม่
หากเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือมากมายนัก
เพราะว่าใจคนนั้นล้วนเหมือนบ่อน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้นบ่อ ถ้าหากต่อจากนี้เธอทำอะไรไม่ได้เป็นดั่งความคาดหวังของพวกเขา หากเธอยังต้องถูกพวกเขาต่อว่า สู้แบ่งแยกขอบเขตให้ชัดเจนดีกว่า ดีกว่าสร้างปัญหาที่ไม่จำเป็นมากมายให้กับตัวเอง
แต่ผลลัพธ์คือดี ถึงแม้มีคนไม่น้อยผิดหวังต่อคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนพูดจาต่อว่า หรือคิดอยากจะพูดตัดคำพูดลั่วเสี่ยวปิง
นี่ก็เป็นเพราะคนที่มาในวันนี้ล้วนเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่ไม่ใช่เหล่าแม่บ้านที่ขาดความรู้
เห็นผลลัพธ์นี้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิดพอใจมาก จึงพูดต่อ “แต่ว่า แน่นอนว่าไม่เหมือนการเพราะปลูกสมัยก่อน ข้าจะให้เมล็ดพันธุ์กับพวกเจ้า ผลผลิตต้องเยอะกว่าเดิมแน่นอน”
เมล็ดพันธุ์ที่แช่ด้วยน้ำแร่วิญญาณสามารถเพิ่มผลผลิต จุดนี้นางได้ให้จางเอ้อหลางไปพิสูจน์แล้ว
ถึงแม้ตอนนี้ภาคใต้ยังไม่มีผลผลิต แต่ว่าต้นกล้าที่งอกออกมานั้นก็พิสูจน์ปริมาณผลผลิตในภายหลังได้แล้ว เธอสามารถเชื่อมั่นและวางใจให้ชาวบ้านไปทดลองได้
ได้ยินว่าสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตได้ แสงแห่งความหวังก็ลุกขึ้นในสายตาของข้าวบ้าน
จางเหล่าฮั่นก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “งั้น......สามารถเพิ่มขึ้นเท่าไหร่?”
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน สิ่งที่ชาวนารักที่สุดก็คือข้าว หากไม่ใช่ผลผลิตน้อยเกินไป จะมีใครไม่อยากเพาะปลูกข้าว?
ได้ยินแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็คำนวณในใจครู่หนึ่ง
คนส่วนใหญ่ในต้าชิ่งปลูกข้าว ผลผลิตเยอะที่สุดอยู่ในพื้นที่ราบของภาคใต้ สามารถมีผลผลิตสองสามร้อยกิโลกรัม
ฝั่งหมู่บ้านต้าชิ่งใกล้ชายแดนตะวันตก พื้นที่ค่อนข้างเป็นดินจืดไร้ปุ๋ย ผลผลิตมีแค่เพียงประมาณสองร้อยกิโลกรัม ที่นาระดับสองยิ่งมีผลผลิตเพียงหนึ่งร้อยกิโลกรัม รวมแล้วระดับก็อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง
ในสมัยปัจจุบัน ยุคศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด หยวนเหล่าได้ทำให้นาข้าวมีผลผลิตมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมต่อไร่แล้ว ยุคศตวรรษที่ยี่สิบสองก็ถึงระดับที่นั่งตากลมใต้ต้นข้าวสูงแล้ว
ถึงแม้น้ำแร่วิญญาณของเธอจะพัฒนาเมล็ดพันธุ์ได้ แต่ก็เด่นออกนอกกรอบเกินไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงทำการแทรกแซงเมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณผลผลิตทางภาคใต้ที่ให้จางเอ้อหลาง ตามที่จางเอ้อหลางเขียนในจดหมาย คาดว่าสามารถให้ผลผลิตข้าวได้ถึงห้าหกร้อยกิโลกรัม
ห้าหกร้อยกิโลกรัมสำหรับหมู่บ้านต้าซิง นั่นก็เท่ากับว่าเพิ่มขึ้นสามเท่าแล้ว
คิดถึงจุดนี้ ลั่วเสี่ยวปิงพูดอย่างถ่อมตัว “อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มผลผลิตได้สองเท่า”
คำพูดนี้ของลั่วเสี่ยวปิง ทำให้ชาวบ้านเฮฮาไปตามกัน
สองเท่าเหรอ!
นั่นมันแนวคิดอะไร?
นั่นมันสามารถทำให้พวกเขากินอิ่ม และยังสามารถมีอาหารเหลือไปขายได้
ท่ามกลางความดีใจของทุกคน ลั่วเสี่ยวปิงก็ทิ้งประโยคสำคัญอีก “ข้าหวังว่าที่นาของพวกเจ้ายังคงปลูกข้าว พื้นที่แห้งก็ปลูกพริก”
พอสงครามมาถึง ผู้อพยพเต็มเมือง จะมีผู้คนมากมายอดตาย
เพราะฉะนั้นเวลานี้สามารถเพาะปลูกข้าวยังไงก็เป็นเรื่องที่ดี
ลั่วเสี่ยวปิงจึงเจรจาอย่างดีกับพวกเขา อีกสามวันนับจากนี้ มาเซ็นสัญญาและรับเมล็ดข้าวกับเมล็ดพริก และให้พวกเขาไปแจ้งกับชาวบ้านที่ไม่ได้มา แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าเป็นใคร ขอแค่ตั้งใจทำนาไม่มีใจว่อกแว่ก ล้วนเซ็นสัญญานี้ได้ทั้งนั้น
แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงก็พูดคำไม่ดีไว้ล่วงหน้า บอกหากมีใครนำของรั่วไหลออกไป ก็เจอกันที่ศาล ไม่ยอมมืออ่อนแน่นอน
ถึงแม้จะมีข้อเสนอนี้อยู่ แต่ชาวบ้านก็ยังคงจากไปอย่างดีใจ
เมื่อชาวบ้านจากไปไม่นาน หนานซิงก็กลับมาแล้ว
หนานซิงไปหมู่บ้านหลี่เจียมา และไปในเมืองมา สืบเรื่องที่ควรสืบมาทั้งหมดแล้ว
คนที่ไปหาคนตระกูลหลี่ที่หมู่บ้านหลี่เจียคือลั่วเจียซิ่ง ลั่วเจียซิ่งไปเพราะฟังคำสั่งของยาลั่ว แต่ก่อนไปได้ไปพบลั่วเหอซิ่ง
ตอนแรกย่าลั่วอยากให้คนของหมู่บ้านหลี่เจียมากีดกั้นลั่วเสี่ยวปิง ลั่วเหอซิ่งคิดแล้ว ก็ให้ลั่วเจียซิ่งพูดต่อหน้าคนหมู่บ้านหลี่เจียมากมาย
ท่ามกลางนี้คนที่สามารถเป็นเมียน้อยในตระกูลฉี สามารถกินอยู่อย่างสบาย และให้ย่าเถียนไปใช้ชีวิตปั้นปลายในบ้านลั่วเสี่ยวปิง เป็นผู้ใหญ่ในตระกูลฉี ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความคิดของลั่วเหอซิ่ง
ย่าเถียนเป็นคนฟุ่มเฟือย สิ่งที่ควรพูดไม่ควรพูด ต่อหน้าคนหมู่บ้านหลี่เจียล้วนพูดออกไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นจะสืบก็ง่ายมาก
แต่สาเหตุที่พวกย่าเถียนมาถึงหลังปีใหม่นั้น ก็เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้หิมะปิดล้อมภูเขา พวกเขาออกมาไม่ได้
ส่วนหนานซิงไปในเมือง ก็เพราะจะสืบเบาะแสของลั่วเหอซิ่ง
ตอนนี้ลั่วเหอซิ่งกลับมาในเมืองอีกแล้ว ใช้จ่ายเปลี่ยนไปเป็นฟุ่มเฟือย มนุษยสัมพันธ์ดูเหมือนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ติดพนัน เรื่องนี้คนรอบข้างไม่รู้
ฟังหนานซิงรายงานจบ แววตาลั่วเซี่ยวปิงก็ส่อแววเย็นชา
ตระกูลลั่วถูกทำให้แตกแยกไปหมดแล้วยังสามารถกระโดดโลดเต้นได้แบบนี้อีก ไม่ใช่เพราะอาศัยว่าลั่วเหอซิ่งเป็นซิ่วฉายหรอกหรือ ชื่อเสียงยังอยู่หรือ?
คิดไปมาลูกคนโตและคนรองของตระกูลลั่วที่ไปใช้แรงงานหนักก็ใกล้จบแล้ว ฉวยโอกาสมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้ตระกูลลั่วดีกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...