ซ่งหลิงหลางพูดไป ก็เดินไปข้างหน้าองครักษ์เหล่านั้น “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก ไปสืบเรื่องของนางผู้หญิงคนนั้น? ยังเจ้าล้งตายต่อข้าก็จะทำให้พวกเจ้าไม่มีชีวิตกลับไปได้อีก”
ท่าทางนี้ ใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างที่สุด ทำให้ใจองครักษ์เหล่านั้นที่ร่างกายบาดเจ็บสาหัส แม้กระทั่งกระดูกหักโมโหอย่างมาก
แต่ พวกเขาก็ทำได้เพียงอดกลั้นความโมโหในใจ อดกลั้นความเจ็บปวด ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างทุลักทุเล
เพียงแต่บาดเจ็บสาหัส ทำให้พวกเขายืนไม่ตรงเลย กระทั่งมีองครักษ์เพราะบาดเจ็บสาหัส ยืนขึ้นมาแล้วก็อาเจียนเป็นเลือดแล้วหัวทิ่มพื้น
มองดูภาพนี้ ซ่งหลิงหลางทั้งตะลึงทั้งโกรธ ตะโกนด่าเสียงดังอย่างไร้ประโยชน์ไม่หยุด......
อีกฝั่งหนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงที่เดินอยู่ข้างหน้าตลอดไม่หันหน้ากลับไปมองฉีเทียนเห้าเลย และไม่มีความหมายที่จะรอฉีเทียนเห้าด้วย
สำหรับฉีเทียนเห้า ช้ากว่าลั่วเสี่ยวปิงอยู่ก้าวใหญ่ รู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงกำลังโกรธ แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่โกรธอย่างชัดเจน เดาออกแค่เกี่ยวข้องกับซ่งหลิงหลาง
ทั้งสองคนเดินผ่านถนนมาเส้นหนึ่ง แต่ก็ยังไม่สามารถได้พูดกัน ส่วนลั่วเสี่ยวปิงก็หยุดเดิน
ลั่วเสี่ยวปิงไม่เคยเป็นผู้หญิงที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง ก็รู้ว่าฉีเทียนเห้าไม่ได้มีใจกับจวิ้นจู่อะไรคนนั้น มิเช่นนั้นไม่เหวี่ยงคนลอยไปขนาดนั้น
แต่ว่าจิตใจของผู้หญิงก็คับแคบ และสัญชาตญาณบอกเธอ ระหว่างจวิ้นจู่คนนั้นกับฉีเทียนเห้าไม่ธรรมดา
เดิมทีเริ่มต้นก็แค่โมโหเล็กน้อย แต่ฉีเทียนเห้าไม่ได้เข้ามาปลอบหรืออธิบายกับเธอเหมือนเมื่อก่อน ก็ยิ่งทำให้เธอโมโหขึ้นมา ความโกรธหนึ่งส่วนก็กลายเป็นห้าส่วนอย่างไร้เหตุ
แต่ เดินมาจนถนนเส้นหนึ่งแล้ว ในที่สุดสติของลั่วเสี่ยวปิงก็ถือว่ากลับมาแล้ว
สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ที่สุดบนโลกก็คือการงอน โดยเฉพาะงอนผู้ชาย เพราะว่าหากไม่เปิดอกคุยกันหน่อย ถ้าอย่างนั้นถึงแม้เธอโมโหจนตาย มันก็ศูนย์เปล่า เพราะว่าความคิดของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน ถ้าหากไม่พูด ผู้ชายก็จะไม่มีวันรู้ว่าเธอโกรธเพราะอะไร
หลังจากคิดจุดนี้จนเข้าใจแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงกลับสงบลงแล้ว
ก็ไม่มีความคิดที่จะเดินตลาดต่อแล้ว แต่เดินกลับไปฝั่งทางกลับด้วยสีหน้าสงบเรียบเฉย
อารมณ์เปลี่ยนแปลงของลั่วเสี่ยวปิง ฉีเทียนเห้ารับรู้ได้ทั้งหมด รู้สึกได้ว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่โกรธแล้ว ฉีเทียนเห้าก็โล่งอก จากนั้นก็เดินเข้าไปจับมือของลั่วเสี่ยวปิงอย่างไร้เสียง
ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้สะบัดทิ้ง แค่ให้ฉีเทียนเห้าจับอย่างตามใจ
เห็นลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้สะบัดทิ้ง ฉีเทียนเห้าก็ยิ่งวางใจแล้ว มือที่จูงมือลั่วเสี่ยวปิงก็แน่นขึ้นอีกนิด
จูงมือไว้ยิ่งทำให้คนรู้สึกอุ่นใจ จูงไว้แล้ว ก็ไม่อยากปล่อยอีก
ดังนั้น ลั่วเสี่ยวปิงกับฉีเทียนเห้าทั้งสองคนก็ไม่สนใจสายตาของผู้คนบนถนน จูงมือกันเดินกลับมาถึงบ้าน
ฉีเทียนเห้าคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอันเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคนต้องรักษาแล้ว ต่อมาก็เป็นเวลาของพวกเขาผัวเมียแล้ว
คิดไม่ถึงว่าเพิ่งถึงบ้าน มีคนรับใช้นำน้ำชามาให้ ลั่วเสี่ยวปิงเทให้ตัวเองแค่เจ้า้วเดียว จากนั้นก็นั่งลง ดื่มเองหนึ่งคำ จากนั้นก็เงยหน้ามองเขา
สายตานี้ ทำให้ฉีเทียนเห้าสันหลังเหยียดตรง สังเกตถึงเรื่องยังไม่จบ
“จวิ้นจู่คนนั้น เป็นใคร?” ลั่วเสี่ยวปิงสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงก็ฟังไม่อารมณ์อะไรไม่ออก
ฉีเทียนเห้าเห็นเป็นแค่คำถามนี้ ก็โล่งอก เข้าไปเอาเจ้า้วน้ำชาในมือลั่วเสี่ยวปิงมา ดื่มเองหนึ่งคำ
ลั่วเสี่ยวปิงมองเจ้า้วเปล่าที่ยังไม่ได้ใช้ที่อยู่ข้างกาน้ำชา ไม่ได้พูด
ฉีเทียนเห้าถึงเริ่มอธิบายฐานะของซ่งหลิงหลาง
ซ่งหลิงหลาง เป็นลูกสาวคนเดียวของอ๋องอี้วซ่งหยุนดา ปีนี้อายุยี่สิบ เกิดสิบห้าค่ำเดือนแปด
อ๋องอี้วเป็นคนมีคุณธรรมอันดีงาม และไม่แย่งไม่ชิง ในอดีตยังเคยลงสนามรบ แต่ทุกวันนี้ยอมที่จะเป็นแค่ท่านอ๋องที่อยู่อย่างเอ้อระเหยคนหนึ่ง นี่ก็คือสาเหตุที่ฮ่องเต้ในวันนี้สามารถให้เขาอยู่ในเมืองหลวงได้
เมื่อก่อนนางใจบุญ สามารถทนต่อคนบางส่วน ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้ก็เป็นเช่นนี้
คนดีรักษา คนเลวใช้พิษ เป็นหลักการของเธอตั้งแต่นี้ไป
เพียงแต่ว่าซ่งหลิงหลางคนนั้นยังไงก็เป็นจวิ้นจู่ และเธอยังไม่รู้สถานการณ์ จึงแค่อยากสั่งสอนเท่านั้น ไม่ได้ทำเรื่องถึงขั้นเด็ดขาด
เพราะฉะนั้นซ่งหลิงหลางก็แค่ทรมานนิดหน่อยเท่านั้น หลังจากเจ็ดวันแล้วพิษก็ถูกถอนเอง
นี่ก็ถือว่าออมมือแล้ว คนระดับเว่ยต้าหรู ถึงจะรู้ในภายหลัง ก็คงจะไม่เพราะเหตุนี้แล้วไม่ดีต่ออานอาน
ฉีเทียนเห้ารู้ว่าลั่วเสี่ยวปิงเข้าใจความหมายของเขาผิด รู้สึกอยากพูดแต่ก็ไม่พูด
เขารู้ว่าตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงรู้ถึงประวัติชีวิตนางบ้างแล้ว แต่ว่ายังไม่รู้ว่าพ่อแม่ของนางเป็นใคร
ถึงแม้ว่าอยากบอกนางหลายครั้ง แต่คิดว่าตอนนี้ท่านเว่ยก็เป็นอาจารย์ของอานอานแล้ว ทั้งสองคนต้องได้เจอกันสักวัน เรื่องก็ต้องรู้ความจริงในวันยังค่ำ
หากตัวเองไปเล่าความจริงให้นางฟังอย่างกะทันหัน กลัวว่าจะทำให้ใจนางเกิดความรู้สึกต่อต้าน
เรื่องนี้ ยังคงเป็นตระกูลเว่ยบอกนางจะดีกว่า อย่างไรเสียบรรยากาศในตระกูลเว่ย นางจะไม่คิดมาก
คิดถึงจุดนี้ ฉีเทียนเห้าจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ทว่า ฉีเทียนเห้าไม่อยากพูดอะไรมาก ไม่ได้หมายความว่าเสี่ยวปิงไม่อยากพูดอะไรมาก
เธอถามฐานะของซ่งหลิงหลางคนนั้น ไม่ได้แค่อย่างรู้ฐานะซ่งหลิงหลางเพียงเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้าขึ้นมองฉีเทียนเห้า น้ำเสียงเย็นชาคิดบัญชีเก่า “ถ้าอย่างนั้น ท่านอ๋องเซ่อเจิ้ง ท่านกับซ่งหลิงหลางคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...