แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 421

จางเต๋อหวั่งยิ้ม “วันนี้พิธีตัดริบบิ้นเปิดเรียน เจ้าลืมแล้วหรือ?”

ลั่วเสี่ยวปิงตะลึง

เธอ รู้สึกเหมือนมีใครเตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ได้ใส่ใจ

จางเต๋อหวั่งเห็นลั่วเสี่ยวปิงลืมไปอย่างแน่นอนแล้ว ก็ไม่ได้โกรธ พูดอย่างยิ้มแย้ม “ลืมแล้วก็ไม่เป็นไร เพียงแค่ตอนนี้ทุกคนต่างก็รอเจ้าอยู่”

ลั่วเสี่ยวปิง “ท่านปู่รอสักครู่ เดี๋ยวข้าก็ไป”

จางเต๋อหวั่งพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้นข้าไปก่อน เดี๋ยวทุกคนจะกังวลว่าเจ้าไปไม่ได้”

หลังจากจางเต๋อหวั่งไปแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็พาเล่อเล่อและไป๋เสาออกไป

โรงเรียนห่างจากบ้านเธอไม่ไกล อยู่ฝั่งตรงข้าม เดินไปก็แค่ครู่เดียว

เพียงแค่ตอนที่เธอเดินผ่านบ้านสี่ บ้านของลั่วต้าโซ่ว ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเงาคนหดตัวกลับไปที่ประตู

คิดไปคิดมา ลั่วเสี่ยวปิงจึงเดินไปทางบ้านลั่วต้าโซ่ว

ประตูไม้ไผ่สวนหน้าบ้านก็ไม่ได้ปิด น่าจะคิดไม่ถึงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะมา เพราะฉะนั้นลั่วฝูซิงไม่ได้จากไป แต่นั่งอยู่ตรงประตูอย่างหดหู่

เห็นลั่วเสี่ยวปิงพาเล่อเล่อมา ลั่วฝูซิงตกใจนิดหน่อย

“พี่เสี่ยวปิง พี่.......”

ลั่วฝูซิงอยากถามนางว่าทำไมถึงมา แต่ว่าพูดถึงตรงนี้ ลั่วฝูซิงก็หยุดลง ก้มหน้าลงอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ คนทั้งคนดูแล้วไม่มีชีวิตชีวาอะไรเลย

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ เหตุที่ลั่วฝูซิงเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเรื่องของลั่วเสี่ยวจู๋

หลังจากเรื่องของลั่วเสี่ยวจู๋ถูกเปิดเผย คนมากมายรู้ฐานะของลั่วเสี่ยวจู๋แล้ว ก็หาบ้านของลั่วต้าโซ่ว

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกลั่วต้าโซ่วไม่รู้เรื่องพฤติกรรมของลั่วเสี่ยวจู๋เลย แต่ไม่ว่ายังไงลั่วเสี่ยวจู๋ก็เป็นลูกสาวของลั่วต้าโซ่ว จึงทำให้ครอบครัวของพวกเขาได้รับผลกระทบมากมายและคำด่าทอ

สุดท้ายเพื่ออนาคตของลูกชายสองคน ลั่วต้าโซ่วจำเป็นต้องประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับลั่วเสี่ยวจู๋

หลังจากเช่นนี้แล้ว ครอบครัวลั่วต้าโซ่วก็สงบไปสักพักหนึ่งจริง แต่ผลกระทบที่เรื่องพวกนี้นำมาให้ก็ไม่ได้จางหายไป

วันเวลาเหล่านี้ ครอบครัวลั่วต้าโซ่วก็เกือบจะไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าคนอื่นอีก

อย่างไรเสียบ้านใครมีลูกสาวแต่งงานไปแล้วทำเรื่องเช่นนี้ ต่างก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นได้อีก

ดังนี้ ลั่วฝูซิงสองพี่น้องก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่มากก็น้อย

แต่ว่าสำหรับเปิดโปงเรื่องเหล่านั้นที่ลั่วเสี่ยวจู๋ทำ ลั่วเสี่ยวปิงไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย

มองดูสภาพตัวหดน้อยเนื้อต่ำใจอย่างชัดเจนของลั่วฝูซิง ลั่วเสี่ยวปิงกลับทำเป็นมองไม่เห็น ถามว่า “วันนี้โรงเรียนเปิดเรียน เจ้ากับพี่ชายเจ้าทำไมไม่ไป?”

ลั่วฝูซิงได้ยิน ก็ตัวแข็งทื่อไปทั้งร่าง “ข้า.......ข้าไม่ไปแล้ว.......”

เขากลัว......

ลั่วเสี่ยวปิงกลับไม่เห็นคำพูดของลั่วฝูซิงเป็นเรื่อง พูดแค่ว่า “ชีวิตเป็นของตัวเอง หนทางอนาคตต้องเดินด้วยตัวเอง โรงเรียนเปิดให้คนในหมู่บ้านและคนที่ช่วยข้าทำงาน โอกาสที่ดีเช่นนี้จะรักษาไว้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า”

พูดไป ลั่วเสี่ยวปิงก็จุงมือของเล่อเล่อ ไม่ได้พูดอะไรมากอีก เดินจากไป

มองดูด้านหลังของลั่วเสี่ยวปิงเดินไปทางโรงเรียน ลั่วฝูซิงมีความตะลึงเล็กน้อย

เวลานี้ ลั่วสื้อซิงที่ซ่อนอยู่ในบ้านก็เดินออกมา เมื่อเดินถึงหน้าประตู ก็มองไปตามทิศทางโรงเรียนอย่างตะลึง

เมื่อก่อนอยู่ในตระกูลลั่ว การเรียนหนังสือเขาไม่มีโอกาส

หลังจากนั้นแยกบ้านกันแล้ว เรียนหนังสือยังคงไม่มีโอกาสของเขา

ไม่ง่ายเลยที่ครั้งนี้มีโอกาสแล้ว แต่ว่า......

ลั่วสื้อซิงมือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น ในสายตามีความไม่เต็มใจ

หรือว่า ชีวิตนี้เขาไม่สามารถเรียนหนังสือได้อีกแล้ว?

ขณะนี้ ลั่วเสี่ยวปิงมาถึงโรงเรียนท่ามกลางการรอคอยของทุกคน

โรงเรียนสร้างขึ้นจากอาสาสมัครของคนหมู่บ้านเฉินเจีย ชาวบ้านของหมู่บ้านต้าซิงและครอบครัวของคนงานในโรงงานต่างก็อาสามาช่วยเหลือ ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์เครื่องมือและฟูจื่อแล้วก็กระดาษล้วนออกโดยลั่วเสี่ยวปิง เพราะฉะนั้นโรงเรียนสร้างเสร็จเร็วมาก หลักๆคือใช้เวลาในการหาฟูจื่อ(ครู)ที่เหมาะสมนานนิดหน่อย

โรงเรียนแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์และห้องเรียนสตรี

ศิลปศาสตร์ เรียกอักษรเป็นหลัก

มีห้องพื้นฐานและห้องหลัก

ห้องพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นวิทยาศาสตร์หรือศิลปศาสตร์ต่างก็ต้องเรียน

ห้องหลักคือห้องที่สำหรับคนที่อยากเรียนต่อ และผลการเรียนผ่าน ถึงจะได้เรียน มีฟูจื่อที่เคยเข้าร่วมการสอบขุนนางมาสอน ไม่อนุญาตให้คนที่ใช้ชีวิตไปวันๆและอยากใช้คำว่า “คนเรียนหนังสือ” มีชีวิตอยู่เพื่อหนีเรื่องบางอย่าง

แน่นอน ไม่ใช้ผลการเรียนเป็นมาตรฐานอย่างเดียว การพัฒนาก็เป็นหนึ่งในการประเมิน

ห้องวิทยาศาสตร์ ก็คือคนที่เรียนอักษรไม่เข้า สุดท้ายก็ไปเรียนคิดเลข อนาคตไปเป็นผู้ทำบัญชีหรือเถ้าเจ้า่พวกนี้

วิศวกรรมศาสตร์ ก็คือสอนทักษะที่หลากหลาย

ส่วนเงื่อนไขของห้องสตรีไม่ยาก ก็คือหญิงสาวบางส่วนเรียนรู้หนังสือบ้าง รู้การคิดเลขบ้าง อนาคตใช้ชีวิตจะไม่ถูกหลอกไม่ถูกรังเจ้า คนที่อยากเรียนปักผ้า ก็จะมีจิ่นเหนียงจากร้านตระกูลอู๋มาสอน แน่นอนว่าหากมีหญิงสาวอยากเรียนฝีมือการทำครัว นั่นก็เป็นไปได้

สรุปแล้ว ไม่ใช่การสอนที่สูงส่งพวกนั้น แต่ว่ามั่นใจได้ว่าสามารถนำมาใช้ได้ เรียนเพื่อการใช้งานก็เป็นเช่นนี้

ลูกหลานของคนหมู่บ้านเฉินเจียและหมู่บ้านต้าซิงแล้วก็คนที่ช่วยลั่วเสี่ยวปิงทำงานล้วนสามารถมาเรียนได้ ทันใดนั้น คนที่ขอบคุณลั่วเสี่ยวปิดเยอะจนนับไม่ถ้วน

หลังจากข่าวการสร้างโรงเรียนถูกลือออกไป เยาวชนรุ่นหลังของหมู่บ้านเฉินเจียและหมู่บ้านต้าซิง ต่างก็มีแม่สื่อเข้ามาถามถ่ายกันมากมาย

ดังนั้น เห็นลั่วเสี่ยวปิงมาแล้ว ทุกคนต่างก็ดีใจกันอย่างมาก

แต่ มีคนขอบคุณลั่วเสี่ยวปิง แน่นอนว่าต้องมีคนไม่พอใจ

ในเวลานี้เอง เสียงที่ไม่ปรองดองก็ดังขึ้น “ก็แค่พวกทำเพื่อหวังชื่อเสียงเท่านั้น ยังคิดว่าตัวเองทำความดีจริงเหรอ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง