แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 451

พอกัวหงหยางได้ฟังที่ท่านซุนพูด ปฏิกิริยาแรกแน่นอนว่าไม่เชื่อ

อยู่ดีๆใครจะไปเชื่อว่าจะเกิดเรื่องโรคระบาดขึ้นมาได้?

“ท่านซุน เรื่องแบบนี้ไม่สามารถล้อเล่นได้นะท่าน” กัวหงหยางสีหน้าจริงจัง

ท่านซุนก็ไม่ได้โกรธ เพราะว่าความจริงตอนที่เขารู้เขาก็ไม่ค่อยเชื่อ ชีพจรของเว่ยเจ๋อฉี ความจริงแล้วเขาก็ดูอะไรออกไม่มาก แค่รู้สึกว่าชีพจรอ่อนแรงมาก มีความรู้สึกเหมือนจะสิ้นใจแล้ว

แต่ว่า อาการของบ่าวรับใช้ของเว่ยเจ๋อฉี กลับทำให้เขาไม่เชื่อไม่ได้

โดยเฉพาะยังมีลูกศิษย์ที่ฝีมือทางการรักษาเยี่ยมกว่าเขาและลั่วเสี่ยวปิงรับรองจากการจับชีพจรแล้ว นี่ทำให้เขาจำเป็นต้องเชื่อว่าครั้งนี้เป็นโรคระบาดที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

ความอันตรายของมัน เขาไม่อาจรู้ได้ รู้แค่ว่าสามารถทำให้คนถึงแก่ชีวิตได้

โรคระบาด ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเป็นเรื่องเล็กเลย

โดยเฉพาะโรคระบาดที่สามารถทำให้คนเสียชีวิตได้ เพราะว่ามีการแพร่ระบาด เพราะฉะนั้นโรคระบาดที่ทำให้คนตาย นั่นก็หมายความว่าจะมีคนจำนวนมากเสียชีวิต

เรื่องแบบนี้ต้องพบตั้งแต่เริ่มต้น ทำการป้องกันก่อน มิเช่นนั้นผลลัพธ์ไม่อาจคาดคิดได้

ท่านซุน “ข้าทำการรักษามานานปี ไม่ล้อเล่นแน่นอน”​

กัวหงหยาง “ถ้าตามที่ท่านเห็น โรคระบาดครั้งนี้คืออะไร?”

ท่านซุนส่ายหน้า “ไม่ทราบ”

กัวหงหยางขมวดคิ้ว ท่านซุนรีบพูด “โรคระบาดครั้งนี้ ข้าไม่รู้จริงๆว่าคืออะไร เพราะว่าครั้งนี้เป็นโรคระบาดเชื้อตัวใหม่”

ก็เพราะว่าเป็นเช่นนี้ เรื่องถึงยิ่งจัดการยาก

ฟังถึงตรงนี้ กัวหงหยางก็ยังไม่เชื่อ

แม้กระทั่งท่านซุนยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ถ้าเช่นนั้นเขาจะเชื่อได้อย่างไร?

ถึงแม้ว่าท่านซุนจะเป็นหมอชื่อดังที่ได้รับการเคารพอย่างสูงในเขตนี้ แต่ผู้เป็นขุนนาง ก็ไม่สามารถเชื่อเขาเพราะว่าเขามีชื่อเสียงโด่งดัง

กัวหงหยางกำลังจะพูด ท่านซุนก็ถามขึ้นมาก่อน “ลั่วเสี่ยวปิง ท่านรู้จักไหม?”​

กัวหงหยางในใจบีบแน่น “ข้ารู้จัก”

ท่านซุนถามต่อ “ถ้าเช่นนั้นท่านเชื่อนางหรือไม่?”

กัวหงหยางได้ยินแล้วไม่ได้ตอบคำถามท่านซุนทันที เพียงแค่รักษาความสงบ ดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองท่านซุนอย่างเคร่งขรึม มีความเฉียบแหลมอยู่บ้าง

ท่านซุนถามต่อ “ถ้าเช่นนั้นท่านรู้จักหมอเทวดามู่หยางหรือไม่”

กัวหงหยางขมวดคิ้ว “ท่านอยากพูดอะไร”

วินาทีนี้ ในใจกัวหงหยางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี สองมือของขุนนางที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อนั้นกำหมัดไว้แน่เพราะความรู้สึกของเขา

ท่านซุนสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง พูดว่า “เรื่องนี้ถูกลั่วเสี่ยวปิงและหลานของข้าซุนมูหยางก็คือหมอเทวดามู่หยางยืนยันแล้ว”

“ปัง——”

ถ้วยน้ำชาข้างมือกัวหงหยางตกพื้น แตกแล้ว

“คำพูดนี้จริงหรือ?”

ขณะนี้วินาทีนี้ กัวหงหยางไม่ทันตะลึงที่หมอเทวดามู่หยางกลับเป็นหลานของท่านซุน ทั้งใจเต็มไปด้วยลั่วเสี่ยวปิงและหมอเทวดามู่หยางยืนยันแล้วว่าเมืองหลินอานมีโรคระบาด

โรคระบาดทุกครั้งล้วนต้องมีคนมากมายเสียชีวิต ขุนนางไม่ก็คือตาย หรือไม่ก็คือถามหาความรับผิดชอบหลังเหตุการณ์ ไม่มีอื่นใด

แต่ว่ากัวหงหยางในเวลานี้ห่วงอะไรมากมายไม่ได้ ทิ้งไม่ทิ้งตำแหน่งจะถูกถามหาความรับผิดชอบกับเขาหรือไม่ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น

วินาทีนี้ สิ่งที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือชาวบ้านในเมืองทุกคน

“คือความจริง!”

เมื่อคำนี้ของท่านซุนพูดออกไปแล้ว กัวหงหยางรู้สึกว่าในสมองดังอื้อ มีอยู่ชั่ววินาทีนั้นสมองของเขาหยุดหมุน

ในเวลาสามวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้สบายเลย

น้ำแร่วิญญาณสามารถรั้งชีวิตของเว่ยเจ๋อฉีได้เท่านั้น แต่รักษาเว่ยเจ๋อฉีให้หายไม่ได้

สามวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงทั้งวงล้อมเข็ม ทั้งน้ำแร่วิญญาณ ทั้งยาชนิดต่างๆ ถึงแม้อาการของเว่ยเจ๋อฉีคงที่แล้ว ไม่มีอันตรายต่อชีวิตแล้ว

แต่ว่า โรคระบาดไม่มีวิธีอะไรเลยแม้แต่น้อย

เพราะว่าเว่ยเจ๋อฉีร่างกายอ่อนเพลีย บางทียาบางอย่างลั่วเสี่ยวปิงไม่กล้าใช้ในตัวเว่ยเจ๋อฉี ดีที่ร่างกายของบ่าวรับใช้ข้างกายเว่ยเจ๋อฉีเว่ยหู่ดีกว่าเว่ยเจ๋อฉีมาก อาการก็เบากว่า เพราะฉะนั้นขนาดยาบางตัว ลั่วเสี่ยวปิงล้วนทดลองในตัวเว่ยหู่

หลังจากเว่ยหู่รู้ว่าตัวเองได้รับโรคระบาด ตอนแรกก็รู้สึกหวาดผวาหมดหนทาง หวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก

แต่ว่ารับใช้เจ้านายอยู่ในตระกูลเว่ย คุณภาพทางจิตใจแน่นอนว่าแข็งแกร่งมากพอ ทุกครั้งที่เห็นลั่วเสี่ยวปิงรักษาตัวเองและคุณชายของบ้านตัวเองอย่างใจเย็นและตั้งใจ เว่ยหู่ก็เหมือนถูกโน้มน้าวไปด้วย ในใจก็สงบลงทันที

แน่นอน เป็นไปไม่ได้ทีลั่วเสี่ยวปิงจะหยิบของในช่องว่างอวกาศต่อหน้าเว่ยหู่ เพราะฉะนั้นยาและอาหารอะไรพวกนี้ โดยหลักแล้วล้วนส่งเข้ามาจากข้างนอก แล้วจากนั้นเธอก็เปิดประตูรับ

วันนี้ ยาก็ใช้หมดแล้ว

เพราะว่าเว่ยหู่กำลังเช็ดตัวให้เว่ยเจ๋อฉี เพราะฉะนั้นก็เป็นลั่วเสี่ยวปิงที่ไปเปิดประตูเอายาด้วยตัวเอง

เพราะคำสั่งของลั่วเสี่ยวปิง เขตห้องของเว่ยเจ๋อฉีถูกปิดกั้น ใครก็เข้ามาง่ายๆไม่ได้ คนส่งยาต่างก็วางไว้หน้าห้อง จากนั้นก็ออกไปแล้ว

เพราะฉะนั้นตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงเปิดประตู ก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย และไม่ได้มองไปในสวนบ้าน แค่เปิดประตูห้อง ก้มหัวแล้วหยิบของถุงใหญ่บนพื้น

ของเหล่านี้ล้วนเป็นของในรายการที่เธอจด วางอยู่บนถาดอาหารที่เธอใช้หมดและฆ่าเชื้อแล้ว ให้คนจัดเตรียมตามรายการของเธอ

แต่ทว่า หยิบของแล้วจะลุกขึ้นมา ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ยินเสียงสูดอากาศ แล้วก็ เสียงร้องไห้

ลั่วเสี่ยวปิงมือแน่น เหมือนเดาอะไรออกแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจับของในมือแน่น กดทับอารมณ์เหล่านั้นที่จะพุ่งออกมา แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเรียบเฉย

แต่ว่า ตอนที่เห็นคนของตระกูลเว่ยที่อยู่กันเต็มหลังเส้นกั้นที่ถูกไป๋เสากั้นไว้ มือของลั่วเสี่ยวปิงของอดสั่นไม่ได้

คาดไม่ถึง มากันหมดเลย.......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง