แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 579

ในเมื่อไม่ให้ถาม เช่นนั้นก็ไม่ถามแล้ว

ถึงอย่างไรถามไปก็ไม่ได้ข้อสรุป

แต่คนคนนี้มาจุดมุ่งหมายคืออะไรกันแน่?

ซ่งฉงปิงมองโม่เวิ่น สายตาเรียบเฉย นัยน์ตาแฝงด้วยคำถาม

เห็นอย่างนี้ โม่เวิ่นยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า“ได้ยินว่าเจียเล่อจวิ้นจู่ เก่งด้านวิชาทางการแพทย์ นี่ไม่ตั้งใจมาดู ไม่เคยคิดเลยว่าจะจับพลัดจับผลูได้ช่วยเจียเล่อจวิ้นจู่ไว้ได้”

นัยน์ตาโม่เวิ่นมีรอยยิ้ม แต่มักจะรู้สึกว่ามีอะไรที่ถูกเขาปิดซ่อนอยู่

เหมือนกับมีม่านหนึ่งชั้นบังอยู่ มองไม่ชัด สัมผัสไม่ได้

ซ่งฉงปิงแสยะริมฝีปากขึ้น ยิ้มเยาะกล่าวว่า“ตามความหมายของคุณชายโม่ ข้าจะต้องขอบคุณท่านหรือ?”

โม่เวิ่นกล่าวว่า“นั่นไม่ต้องหรอก เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”

ซ่งฉงปิงหัวเราะเหอะๆในใจ

ชายคนนี้ หน้าด้านเอาเรื่องเลย

สีหน้าเย็นชาลง ซ่งฉงปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“เข้ามาในห้องผู้หญิงยามวิกาล นี่คุณชายโม่จะเป็นผู้มักมากบ้าตัณหา ?”

ขณะที่พูดคำนี้ ซ่งฉงปิงไม่ได้ละสายตาไปจากใบหน้าของโม่เวิ่นเลย นางอยากจะหาพิรุธบนใบหน้าของเขา

จากนั้น โม่เวิ่นได้กระโจนตัวไป คนก็ไปนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างแล้ว

“ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่เหมือนว่า พระชายารองทำร้ายท่านครานี้ไม่สำเร็จ ยังจะมีแผนการอื่นอีกนะ——”

ระหว่างที่พูด เสียงของโม่เวิ่นเปลี่ยน หัวเราะคิกคักกล่าวว่า“เอาอย่างนี้หรือไม่ ท่านร่วมเดินทางกับข้า? ข้ารับรองว่าท่านจะไม่พบเจอเรื่องวุ่นวายเช่นนี้”

ซ่งฉงปิงมองโม่เวิ่นด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้พูดอะไร

โม่เวิ่นไม่ได้ยินคำตอบของนาง แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร เพียงแค่ยิ้มกล่าวว่า“ช่างเถิดๆ ท่านเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ค่อยมาหาข้า จำไว้ล่ะ ข้าชื่อโม่เวิ่น อาศัยอยู่ที่เฉิงหนาน”

พูดแล้ว ไม่รอให้ซ่งฉงปิงได้สติกลับมา เขาก็กระโดดหายวับไปต่อหน้าต่อตาของซ่งฉงปิง

ซ่งฉงปิงมองหน้าต่างและขมวดคิ้วเป็นปม

โม่เวิ่นผู้นี้พูดจากระทำการต่างๆ มักจะทำให้คนรู้สึกดูไม่ออกไม่เข้าใจเลย

แต่หลังจากที่โม่เวิ่นออกไปแล้ว จมูกของซ่งฉงปิงสูดดมได้กลิ่นยาแบบเบาบางภายในห้อง

ซ่งฉงปิงเองก็ไม่มั่นใจว่าเป็นของตัวเอง หรือว่าเป็นกลิ่นที่โม่เวิ่นทิ้งไว้

ซ่งฉงปิงยังคงไม่ได้เข้านอนเหมือนเดิม นางนั่งรออยู่สักพักหนึ่ง

ไม่นาน อั้นหวู่จึงได้ปรากฎตัวขึ้น

ซ่งฉงปิงหลุบตาขึ้นมองอั้นหวู่ อั้นหวู่กล่าวด้วยสีหน้าละอายใจว่า“จวิ้นจู่ คนหายไปแล้ว”

ซ่งฉงปิงได้ยินแล้วพยักหน้า

คนจะหายไป นางคาดเดาได้นานแล้ว

และผลสรุปนี้ ยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าโม่เวิ่นคนนี้ไม่ธรรมดา

ส่วนจุดประสงค์ของโม่เวิ่น นางไม่สามารถมองออกได้เพียงชั่วครู่

อีกด้านหนึ่ง สวนหวู่

หูหยานเฉียนเองก็นอนไม่หลับ

วันนี้แผนการล้มเหลว ทำให้หูหยานเฉียนไม่พอใจมาก

หลายปีมานี้ นางล้มเหลวน้อยครั้งมาก ความล้มเหลวครั้งนี้ มันทำให้นางเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง

ไม่ว่าอย่างไร หูหยานเฉียนฝืนกล้ำกลืนความเดือดดาลนี้ไม่ได้

หลังจากนอนไม่หลับพลิกไปพลิกมา หูหยานเฉียนจึงเรียกหยานยีมาเข้าพบ

“เจ้านาย มีเรื่องอันใดจะรับสั่งหรือ”หยานยีกล่าวด้วยสีหน้าเคารพ

“สั่งการลงไป จัดการก่อนกำหนด”

หยานยีฟังแล้ว จึงรีบไปทำตามคำสั่ง

หยานยีออกไปแล้ว อารมณ์ของหูหยานเฉียนดีขึ้นมาก

หลังจากวันนี้ นางจะทำให้ซ่งฉงปิงไม่มีที่ยืนพลิกตัวกลับมาได้ชั่วชีวิต”

ทางด้านนี้ แผนการของหูหยานเฉียนนั้นซ่งฉงปิงไม่รู้เรื่องเลย

ไป๋ซู่กล่าวว่า“……”กระเป๋าสตางค์ข้าล่ะ?

ไป๋ซู่เกิดไวต่อความรู้สึกฉุกคิด เพิ่งจะได้สติกลับมาว่าเกิดอะไรขึ้น

“ปึก——ปึก——”

แต่ไม่รอให้ไป๋ซู่ร้องตะโกนว่า“กระเป๋าสตางค์ของข้าถูกขโมยแล้ว——”ก็ได้ยินเสียงของหนักหล่นลงกระทบพื้น

จ้องมองดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กหนุ่มสองคนนั้นที่ชนตัวเองเมื่อครู่

ในมือของหนึ่งในเด็กหนุ่มถือกระเป๋าสตางค์ของตัวเองอยู่

คนที่ทิ้งเด็กหนุ่มลง แน่นอนว่าเป็นองครักษ์ของจวนอ๋องที่ตามซ่งฉงปิงอยู่ไม่ไกล

เดิมพวกคนที่เสียใจว่าไม่ได้ลงมือก่อนเด็กหนุ่ม พอเห็นเด็กหนุ่มท่าทางอนาถเช่นนี้กับองครักษ์ที่แข็งแกร่งติดตามเหล่าแม่นางอยู่ด้านหลัง แต่ละคนเลยต่างพากันโล่งอก

โชคดี คนที่ลงมือไม่ใช่พวกเขา

ซ่งฉงปิงกวาดสายตามองคนบริเวณโดยรอบอย่างราบเรียบ รู้ว่าได้ถึงตอนเชือดไก่ให้ลูกดูแล้ว ถึงได้มองไปทางเด็กหนุ่มสองคน

ไป๋ซู่เดินมาหยิบกระเป๋าสตางค์ตัวเองกลับคืนไป มองเด็กหนุ่มสองคนด้วยความไม่พอใจ “เรื่องดีๆไม่ทำ ทำแต่เรื่องไม่ดี กระเป๋าสตางค์ข้า พวกเจ้ากล้าขโมย เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะแจ้งศาลจับเอาตัวพวกเจ้าไป”

ขณะที่พูด ใบหน้าเล็กของไป๋ซู่แดงระเรื่อ

ความเป็นจริง นางอาย

เพราะปฏิกิริยาตัวเองค่อนข้างช้าเลยรู้สึกเขินอาย

เวลานี้ได้เห็นหัวโจกผู้กระทำผิด จะไม่ชดเชยกลับมาได้หรือ?อย่างไรก็ตามหนึ่งในเด็กหนุ่มที่อายุมากหน่อย เห็นท่าทางสีหน้าของไป๋ซู่แดงระเรื่อ ถึงกับชะงักทันที มันเป็นความรู้สึกที่ตัวเองเจอภาพมายานางฟ้าลงมาโลกมนุษย์

ส่วนอีกคนที่อายุน้อยหน่อย พอได้ยินว่าจะแจ้งศาล เลยรีบโขกศีรษะคำนับเป็นพัลวัน

“ขอร้องละพี่สาว พี่สาวอย่าแจ้งศาลเลย ครั้งหน้าพวกเราจะไม่ทำอีกแล้ว”

เด็กหนุ่มที่มองตาค้างคนนั้น พอได้ฟังสหายร่วมขบวนการอ้อนวอน เลยจะอ้อนวอนด้วย

แต่หลังจากเหลือบมองไป๋ซู่แล้ว เกิดมีความอับอายขายหน้า ปากขมุบขมิบเผยอกล่าวว่า”แค่แม่นางไม่แจ้งศาล ให้พวกข้าทำอะไรก็ย่อมได้”

พอเด็กหนุ่มที่อายุน้อยหน่อยได้ยิน จึงรีบคล้อยตาม กล่าวว่า“ใช่ๆๆ แค่แม่นางไม่แจ้งศาล จะให้พวกข้าทำอะไรก็ได้หมดเลย”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง