แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 593

จนกระทั่ง เหรินยี่ถังดำเนินการเข้าสู่วันที่สาม ร้านค้าโดยรอบก็ทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบใหม่

อันดับแรกร้านที่อยู่ข้างๆ เหรินยี่ถัง เปิดร้านอาหารเล็กๆ มีชื่อว่า 'ร้านอาหารฝูหม่าน'

เล่ากันว่าร้านอาหารฝูหม่านนี้ ก็เปิดกิจการโดยเจ้าของของหอฝูหม่าน ด้านในล้วนมีอาหารราคาถูก ซึ่งประชาชนคนธรรมดาสามารถจ่ายไหว

ต่อจากนั้น ตรงกันข้ามของเหรินยี่ถังก็เปิดร้านชานม

ซึ่งชานม บัดนี้ซ่งฉงปิงก็ยังไม่ได้ทำออกมาในเมืองหลินอาน

ฉะนั้นเมื่อเปิดร้านชานม ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งไป และคิดตามๆ กันว่าชานมมันคือชาอะไร? หรือว่าผสมชาลงในนม? นี่จะไม่ทำให้มีกลิ่นคาวอย่างมากหรือ?

แต่ทว่า ทุกคนเดาถูกครึ่งหนึ่ง

คนไข้บางคนที่มารับการรักษา หลังจากที่มีความอยากรู้อยากเห็น จึงพากันไปที่ด้านในและซื้อมาถ้วยหนึ่งด้วยความคิดที่อยากจะลอง ทันใด ก็รู้สึกชื่นชอบจนวางไม่ลง

และหลังจากนั้น ก็มีร้านหม่าล่า ร้านปิ้งย่าง ร้านของหวานและอื่นๆ ผุดออกมาราวกับหน่อไม้หลังฝนในฤดูใบไม้ผลิ

ด้วยความที่เคยผ่านร้านชานม แต่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้ คนที่เข้ามาหาหมอจึงเข้าไปดู และซื้อมาชิมคนละแก้ว

จากนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งได้ ถนนเส้นนี้ในที่สุดก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา

เพราะคนที่มาหาหมอ หรือคนในครอบครัวของผู้ป่วย ก็ได้บอกกันปากต่อปาก ถึงอาหารรสชาติล้ำเลิศของที่นี่

เมื่อคนจำนวนมากเล่าต่อๆ กันไป จึงเป็นธรรมดาที่คนจำนวนมากจะเข้ามากินอาหารรสเลิศตามที่บอกว่าไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน

การเปิดร้านเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความนิยมให้กับสถานที่แห่งนี้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการจ้างงานคนยากจนในพื้นที่นี้ด้วย

จนกระทั่งใช้โอกาสนี้ มีคนที่มีฝีมือจำนวนไม่น้อย นำฝีมือของตนเองออกมาขาย

ดังเช่น การทุบหินบนหน้าอก ดังเช่น การใช้ใบไม้สานสัตว์ตัวเล็กแต่ละชนิด และดังเช่นเกี๊ยวยัดไส้ขนาดเล็ก

ที่ปกติเป็นของที่ขายได้ยากอย่างมาก แต่ก็คล้ายกับว่าจะขายได้ดีที่นี่

มีประชาชนดั้งเดิมที่ยากจนแต่มีหัวทางการค้าบางคน กระทั่งคิดถึงการปรับแก้บ้านของตัวเอง เพื่อพัฒนาเป็นโฮมสเตย์

เพราะตาชื่อเสียงของโรงหมอที่แผ่ขยายออกไป อีกทั้งข่าวที่หมอซุนเป็นผู้ตรวจรักษาก็ได้แพร่กระจายออกไป ทำให้คนที่อยู่นอกเมืองหลวงจำนวนไม่น้อยต่างก็ทยอยกันเข้ามารับการรักษา

แต่ในทุกวัน จำนวนผู้ป่วยในโรงหมอก็มีจำนวนจำกัด ครอบครัวของผู้ป่วยบางรายที่ไม่สามารถพักในโรงเตี๊ยมได้ ก็ทำได้เพียงเลือกพักในโฮมสเตย์ที่ด้อยคุณภาพ

ชั่วพริบตา ทางตะวันตกของเมืองก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นมา

จุดประสงค์ของซ่งฉงปิงไม่ใช่เพียงแค่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเท่านั้น

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นั่นก็เพื่อทำให้ประชาชนที่ยากจนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ โดยพื้นฐานของนางแล้วก็คือธุรกิจ แต่ก็ยังต้องหาเงินอยู่

วัตถุดิบที่ผู้คุ้มกันเหล่านั้นขนส่งโดยรถคันแล้วคันเล่า อย่างมากที่สุดก็สามารถใช้ได้กับร้านค้าไม่กี่แห่งทางตะวันตกของเมือง

หากต้องการเปิดสาขาอื่นๆ ในเมืองหลวง เรื่องแรกที่ซ่งฉงปิงต้องทำก็คือสร้างโรงงานใกล้เมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ซ่งฉงปิงจึงเริ่มยุ่งกับเรื่องการสร้างโรงงาน

การเลือกสถานที่หรือสิ่งปลูกสร้าง สำหรับซ่งฉงปิงแล้วล้วนไม่ใช่เรื่องยาก

ที่ยากก็คือ คนที่เลือกมาต้องได้รับการอบรมฝึกสอน

กล่าวโดยสรุป การพัฒนาเศรษฐกิจ จะต้องใช้จำนวนคนไม่น้อย

แต่พนักงานของโรงงานกับร้านค้าก็แตกต่างกัน

ถึงอย่างไรพนักงานในร้านค้าก็จะต้องมีฝีมือ ฉะนั้นทุกสิ่งที่ทำจะต้องผ่านการอบรมอย่างง่ายๆ มาก่อน

ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะถูกจ้างไปด้วยราคาที่สูง นางก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย

แต่เครื่องปรุงรสกึ่งสำเร็จรูปเหล่านี้ที่ผลิตในโรงงาน ก็จะต้องเชื่อถือได้ อีกทั้งจะต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ของนางเท่านั้น

เมื่อคิดมาคิดไปแล้ว ซ่งฉงปิงก็ตัดสินใจไปที่หมู่บ้านชิงเหอ

การปลูกสมุนไพรของหมู่บ้านชิงเหอได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อซ่งฉงปิงไปอีกครั้ง ในหมู่บ้านชิงเหอมีโรงเรือนเป็นแถวๆ ด้านในเต็มไปด้วยต้นกล้าสมุนไพรที่ไม่สามารถต้านทานความเย็นได้

เมื่อซ่งฉงปิงเข้าไป คนของหมู่บ้านชิงเหอที่ไม่ได้ยุ่งอยู่กับงาน และคนระหว่างทางที่ยุ่งอยู่กับงาน สายตาของพวกเขาแต่ละคนต่างก็เหลือบมองบางอย่าง : ความหวัง

เพียงอย่างเดียว ก็คือความหวังของชีวิตความเป็นอยู่

ช่วงเวลานี้ วันเวลาของพวกเขาเมื่อเทียบกับในอดีต ก็ราวกับได้ขึ้นสวรรค์จริงๆ

และเหล่านี้ ล้วนเป็นซ่งฉงปิงที่นำเข้ามา

เพียงซ่งฉงปิงพูดคำนี้ออกมา ชั่วพริบตาในสถานที่ก็เงียบสงบลงเล็กน้อย

ในขณะที่ซ่งฉงปิงกำลังคิดว่าคนเหล่านี้จะไม่ตอบรับ ก็มีชายหนุ่มคนแรกก้าวออกมา

"จวิ้นจู่ ข้าเต็มใจที่จะเซ็นสัญญาสัญญาตายตัว "

"จวิ้นจู่ ข้าก็เต็มใจเหมือนกัน"

มีหนึ่ง ก็มีสอง

ไม่นาน ก็มีแปดเก้าคนที่ก้าวออกมา

ซ่งฉงปิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย "เพราะเหตุใดพวกเจ้าถึงเต็มใจหรือ?"

ข้อสงสัยของซ่งฉงปิง ไม่นานก็มีคนตอบกลับข้อสงสัยของซ่งฉงปิง

"จวิ้นจู่ บัดนี้ลูกๆ หรือน้องๆ ของพวกเราสามารถเรียนได้ ทุกวันพวกเราได้กินอิ่มสวมเสื้อผ้าอบอุ่น พวกเราก็ซาบซึ้งในบุญคุณของจวิ้นจู่อย่างมากแล้ว เพียงแค่ให้พวกเราสองสามคนเซ็นสัญญาสัญญาตายตัว จะเป็นอะไรไปเล่า?"

อีกอย่าง ถ้าหากไม่มีจวิ้นจู่ พวกเขาทั้งหมู่บ้านจะไม่ตายไปแล้วหรือ? แล้วจะไม่ต้องเป็นทาสรับใช้ไปชั่วชีวิตหรือ?

บัดนี้ จวิ้นจู่ถามพวกเขา และให้พวกเขาสมัครใจเอง นี่จึงมีความหมายแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

อีกทั้ง จวิ้นจู่ยังมีเรื่องสำคัญมาถามพวกเขา และบอกว่าต้องการให้เซ็นสัญญาใหม่อีกครั้ง นี่จึงแสดงให้เห็นว่าจวิ้นจู่ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามสัญญาก่อนหน้านี้จริงๆ หลังจากสองสามปีก็จะคืนให้กับพวกเขา

จวิ้นจู่ที่เป็นเช่นนี้ พวกเขาก็วางใจที่จะติดตาม

ซ่งฉงปิงเห็นว่าพวกเขาจริงใจ ก็ยิ้มให้

ก็ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายอีกต่อไป และพาสองสามคนนั้นออกไปโดยตรง

แน่นอนว่า เมื่อพาคนสองสามคนนั้นไป เพื่อทำให้ครอบครัวของพวกเขาสบายใจ ซ่งฉงปิงจึงสัญญาว่าจะให้วันหยุดพักผ่อนสามวันต่อเดือน อีกทั้งยังมีเงินเดือนขั้นพื้นฐานด้วย

สรุปได้ว่า เรื่องนี้ดำเนินการได้อย่างราบรื่นอย่างมาก

หลังจากเลือกคนเรียบร้อยแล้ว ซ่งฉงปิงก็เริ่มฝึกอบรมคน

ซ่งฉงปิงในเวลานี้ไม่ได้รู้เลยว่า แผนการร้ายรอบตัวของนาง ได้เริ่มขึ้นแล้ว........

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง