แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 613

ซ่งฉงปิงลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้เหล่าข้าหลวงที่อยู่หน้าประตูจวนแม่ทัพ ต่างก็เห็นซ่งฉงปิง และคารวะซ่งฉงปิง

ซ่งฉงปิงพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็เห็นจีฮูหยินเดินออกมาพร้อมกับคนใช้ของจีเหวินจุน

ที่แท้จีเหวินจุนก็มาถึงเมื่อหลายวันก่อน เพียงแต่เก็บตัวอยู่ในจวนและไม่ออกไปไหน

เมื่อเห็นซ่งฉงปิง แววตาของจีฮูหยินก็เปล่งประกาย

แต่ไม่นานก็สงบลง และเห็นแววตาที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่งของซ่งฉงปิง

ในเวลานี้สีหน้าของจีเหวินจุนดูกลัดกลุ้ม และคนทั้งคนก็ดูเหมือนเงียบไม่พูดไม่จา

ต่อมาเป็นพระราชโองการ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นพระราชโองการพระราชทานการแต่งงาน

ผู้ที่ได้รับพระราชทานการแต่งงานคือคนตระกูลมู่ หลานชายแท้ๆ ของฮองเฮา มู่กุ้ยเหริน บุตรคนที่สามของมู่ต้าฮ่าว

บทสรุปนี้ทำให้ซ่งฉงปิงขมวดคิ้ว

ในเวลานี้ฝ่าบาททรงต้องการเป็นทองแผ่นเดียวกันหรือ?

เมื่อเห็นท่าทางที่อยากจะร้องไห้ของจีเหวินจุน ซ่งฉงปิงก็กำมือแน่นขึ้น

หลังจากอ่านพระราชโองการพระราชทานการแต่งงานแล้ว หัวหน้าขันทีที่ประกาศพระราชโองการก็มองไปที่ซ่งฉงปิงและถามว่า “เจียเล่อจวิ้นจู่ทรงคุ้นเคยกับแม่นางจี?”

ขันทีที่ประกาศพระราชโองการสีหน้าดูสงสัย

“ไม่ถึงกับคุ้นเคย จีฮูหยินเพียงแค่นัดให้ข้ามาตรวจดูอาการเท่านั้น”

จีเหวินจุนเข้ามาในเมืองหลวงพร้อมกันกับซ่งฉงปิง และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไร

แต่หลังจากที่จีเหวินจุนเข้ามาในเมืองหลวง ก็ไม่ค่อยใกล้ชิดกับซ่งฉงปิงมากนัก และไม่มีใครรู้ว่าพวกนางเป็นเพื่อนสนิทกันหรือไม่

ในตอนนี้ขันทีถามเพียงเพื่อความแน่ใจ

ดูจากท่าทางของจีฮูหยิน ซ่งฉงปิงก็รู้ว่าต้องตอบโต้อย่างไร

เมื่อขันทีที่ประกาศพระราชโองการได้ยิน ก็ถามโดยไม่รู้ตัวว่า “จีฮูหยินนัดหมายอย่างไร?”

เมื่อได้ยิน ซ่งฉงปิงก็หัวเราะเยาะ “ทำไม? ท่านสนใจเรื่องตรวจรักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตผู้คนด้วยหรือ?”

เมื่อขันทีที่ประกาศพระราชโองการได้ยิน สีหน้าก็ตื่นตระหนก และรีบกล่าวด้วยความเคารพว่า “บ่าวมิกล้า”

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นบ่าว บางอย่างพวกเขาก็ไม่ควรถามจริงๆ

พูดจบก็พาข้าหลวงจากไป

หลังจากออกไปไกลแล้ว ขันทีที่ประกาศพระราชโองการก็สั่งข้าหลวงที่อยู่ข้างๆ ว่า “หลังจากกลับไปแล้ว เรื่องนี้หากฝ่าบาททรงไม่ตรัสถาม พวกเราก็ไม่ต้องพูด ต้องระวังคนไม่ดีจะทำให้ขุ่นเคือง มิเช่นนั้นกี่หัวก็คงไม่พอให้ตัด เข้าใจหรือไม่?”

เมื่อข้าหลวงคนอื่นๆ ได้ยินก็ตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

และซ่งฉงปิงก็รอให้เหล่าข้าหลวงไปกันให้หมด ก่อนที่จะพาไป๋เสาเข้าไปในจวนแม่ทัพ พร้อมกับจงเมิ่งจูและจีเหวินจุน

เพียงแต่หลังจากเดินเข้าไปในจวนแม่ทัพ จงเมิ่งจูก็ไม่ได้พูดคุยกับซ่งฉงปิง แม้แต่จีเหวินจุนก็ไม่พูด ดูเหมือนเฉยเมยมาก

ซ่งฉงปิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากเหลือบมองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ พวกนาง

นางรู้เรื่องเกี่ยวกับชายแดนไม่น้อย

ฉีเทียนเห้าเคยบอกกับนาง

ในตอนนี้เนื่องจากปัญหาเรื่องเสบียงอาหาร จีซิงยี่จึงไม่ใช่ฝ่ายสนับสนุนฮ่องเต้อีกต่อไป สิ่งเหล่านี้เป็นการทำอย่างลับๆ และฮ่องเต้ซ่งหยุนจางไม่รู้

แต่ไม่รู้ก็ไม่รู้ ซ่งหยุนจางต้องการกุมจีซิงยี่ไว้ในมือ จึงให้จงเมิ่งจูแม่ลูกเข้ามาในเมืองหลวง และยังให้จีเหวินจุนเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลมู่

หากเดาไม่ผิด คนรับใช้เหล่านี้ล้วนเป็นสายข่าวข้างกายของฮ่องเต้ไม่มากก็น้อย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซ่งฉงปิงก็สำรวมสีหน้าท่าทาง

จนกระทั่งมาถึงเรือนของจงเมิ่งจู ซ่งฉงปิงก็ตรวจชีพจรให้จงเมิ่งจู

นอกจากความกังวลแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา

แต่ซ่งฉงปิงขมวดคิ้วและกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าต้องตรวจดูร่างกายของฮูหยินอย่างละเอียด”

เมื่อจงเมิ่งจูได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ดูเป็นกังวล “ร่างกายของข้ามีอะไรผิดปกติหรือ? ”

ซ่งฉงปิงส่ายหัว “มิใช่เช่นนั้น เพียงแค่ต้องการตรวจฮูหยินอย่างละเอียด”

เมื่อจงเมิ่งจูได้ยินก็พยักหน้า หลังจากนั้นก็สั่งด้วยเสียงหนักแน่น “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปรอข้างนอกเถอะ”

ในขณะพูดก็มองไปที่ซ่งฉงปิงอีกครั้ง “ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าไม่สามารถต้อนรับเจ้าได้อย่างเหมาะสม ต้องขอโทษจริงๆ”

เมื่อมาถึงเมืองหลวง การเคลื่อนไหวทั้งหมดของนางก็ถูกจำกัด

ไม่มีทางเลือกจริงๆ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่งฉงปิงก็ส่ายหัว “เหวินจุนเป็นเพื่อนของข้า น้าจงก็เป็นเพื่อนเสด็จแม่ของข้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโชคชะตา ย่อมต้องเป็นเช่นนี้”

จงเมิ่งจูก็ถอนหายใจเช่นกัน

ก่อนหน้านี้คิดว่าซ่งฉงปิงเหมือนกับเว่ยหวินซี แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นลูกของเว่ยหวินซีจริงๆ

บางครั้งโชคชะตาก็เป็นสิ่งที่น่าประหลาดมาก

หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ไม่ทำให้สายข่าวนั่นสงสัย จึงไม่ได้พูดคุยมากนัก

และยังทะเลาะกันต่อหน้าสายข่าวนั่นอีกด้วย

“เจียเล่อจวิ้นจู่อย่าคิดว่าตนเองถูกคนยกย่องให้สูงส่ง แล้วจะพูดไร้สาระว่าผู้อื่นป่วยได้ ข้าสบายดี” จงเมิ่งจูเปิดประตูด้วยท่าทางที่โมโห และชี้ไปที่ประตู “เจียเล่อจวิ้นจู่เชิญกลับไปเถอะ ที่นี่ไม่ต้อนรับท่าน”

ซ่งฉงปิงสีหน้าเย็นชา และจากไปโดยไม่พูดอะไร

เมื่อเห็นเช่นนี้ สายข่าวก็ดูสับสนงุนงง

นางก้าวไปข้างหน้าและถามจงเมิ่งจู “ฮูหยินป่วยเป็นอะไรหรือ?”

จงเมิ่งจู “ข้าไม่ได้ป่วย”

หลังจากนั้นประตูก็ปิด

เมื่อเห็นเช่นนี้ สายข่าวก็รายงานสถานการณ์ในทันที ต่อมาหมอหลวงก็มา

หลังจากการตรวจวินิจฉัย หมดหลวงก็ยากที่จะเอ่ยปาก สุดท้ายก็อ้ำๆ อึ้งๆ และบอกว่าจงเมิ่งจู เป็นโรคของสตรี

เมื่อจงเมิ่งจูได้ยิน สีหน้าก็ซีดขาวในทันที

ในยุคนี้ ถึงอย่างไรการป่วยเป็นโรคของสตรีก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี

แต่เป็นเช่นนี้ก็ทำให้สายข่าวนั่นโล่งใจ

ในเวลานี้ที่หน้าประตูจวนอ๋อง เงาร่างสีเหลืองจางๆ ปรากฏขึ้นที่นั่นด้วยสีหน้ากังวล......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง