แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 63

เวลานี้ ในที่สุดจางเอ้อหลางก็คิดขึ้นมาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

ความสัมพันธ์ก็คือเฉินต้าจ้วง สามีเก่าที่หย่ากับลั่วเสี่ยวเหมยคนนั้น

ไม่โทษที่จางเอ้อหลางไม่รู้ เป็นเพราะลั่วเสี่ยวปิง วันที่ลั่วเสี่ยวเหมยแต่งงาน พวกเขาทั้งบ้านล้วนไม่ได้ไป จึงไม่รู้ว่าลั่วเสี่ยวเหมยแต่งงานกับใคร

แต่เรื่องที่ลั่วเสี่ยวเหมยถูกหย่า คนหมู่บ้านเฉินเจียก็มีน้ำใจ ไม่ได้ป่าวประกาศสาเหตุที่ถูกหย่าออกไป ดังนั้นทุกคนต่างไม่รู้ว่าทำไมลั่วเสี่ยวเหมยถึงถูกหย่า

ตอนนี้ฟังตาเฉินพูดเช่นนี้ แสดงว่าลั่วเสี่ยวเหมยแอบไปมีคนอื่น นอกใจเฉินต้าจ้วง

จางเอ้อหลางเห็นใจเฉินต้าจ้วงมาก แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ เขาทนเห็นคนอื่นมาพูดใส่ร้ายพี่เสี่ยวปิงไม่ได้

“สิ่งที่ลั่วเสี่ยวเหมยทำ พวกเจ้าไปหาลั่วเสี่ยวเหมย หรือไปหาตระกูลลั่วก็ได้ ทำไมต้องมาหาพี่เสี่ยวปิง?” จางเอ้อหลางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “พี่เสี่ยวปิงคือพี่เสี่ยวปิง ตระกูลลั่วคือตระกูลลั่ว พวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแต่แรกแล้ว พวกเจ้าจะเอามาพูดรวมกันไม่ได้?”

พูดเสร็จ จางเอ้อหลางลั่วมองดูลั่วเสี่ยวปิงพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่เสี่ยวปิงเราไปกันเถอะ พวกเขาไม่ให้รักษา เราก็ไม่ต้องสนใจ”

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูแม่ของต้าจ้วงที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่หยุดมองหันตัวเดินออกไป

เป็นความจริง กรรมชั่วที่ลั่วเสี่ยวเหมยกระทำไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง หลังจากรู้เรื่องดีแล้ว นางก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว

ส่วนการรักษา คนอื่นไม่อนุญาต นางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องหน้าด้านไปช่วยคนอื่น

ไม่แน่คนอื่น ยังจะเห็นว่านางรู้สึกผิด

เห็นทั้งสองคนหันตัวเดินออกไป ตาเฉินกับเฉินต้าจ้วงมองหน้ากัน

หรือว่า พวกเขาเข้าใจคนอื่นผิดแล้วจริงๆ

แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินว่าหมู่บ้านต้าซิงยังมีคนนามสกุลลั่วคนอื่นอีกนี่

ทั้งสองคนต่างก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผล หากไม่ใช่เป็นเพราะเช่นนี้ ตอนนั้นที่ลั่วเสี่ยวเหมยกระทำเรื่องแบบนั้น หลังจากที่ตระกูลเฉินหย่าแล้วก็ควรที่จะพูดป่าวประกาศออกไปแล้ว

หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้ถูกบีบบังคับ ตาเฉินก็ไม่ เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเฉินต้าจ้วงขนาดนี้

“ลุง….” เฉินต้าจ้วงมองดูตาเฉินมีเรื่องจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก

ลังเลอยู่สักพัก รูปร่างสูงใหญ่ของเฉินต้าจ้วงก็วิ่งออกจากประตู ไล่ตามลั่วเสี่ยวปิงไป

“แม่นางลั่วเมื่อกี้หากมีสิ่งที่ทำให้ไม่พอใจ แม่นางลั่วระบายความโกรธออกมาได้เลย ขอร้องแม่นางลั่วช่วยแม่ของข้าด้วย” เฉินต้าจ้วงพูดพร้อมกับคุกเข่าลง

ลั่วเสี่ยวปิงหยุดฝีเท้า หันไปมองดูท่าทีร้องขอของเฉินต้าจ้วงเงียบอยู่สักพัก แล้วในที่สุดก็พยักหัว

ถือว่าเป็นคนที่น่าสงสาร

ยังเป็นคนที่น่าสงสารอย่างที่โกรธไม่ลงด้วย

ยังไงก็มาเจอแล้ว ถึงแม้จะถูกเข้าใจผิด แต่จะให้นางใจแข็งแล้วก็เดินจากไปนางก็ทำไม่ได้

ครู่หนึ่ง ลั่วเสี่ยวปิงก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเตียงของแม่ต้าจ้วง เอามือวางจับดูชีพจรของแม่ต้าจ้วง แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

อัมพาต หรือโรคอันตรายที่เกิดจากเส้นเลือดในสมองผิดปกติ ความดันเลือดผิดปกติ ทำให้เกิดลม ร้อนใน เสมหะ บิดงอ เกิดภาวะสมองพิการ อุดตันเส้นเลือดเลือดในสมอง ล้มลงหมดสติฉับพลัน เห็นภาพซ้อน ปากเบี้ยว พูดติดขัด

ลั่วเสี่ยวปิงจับชีพจรให้แม่ต้าจ้วงเสร็จแล้ว แล้วก็ตรวจดูอาการของนาง เคาะฟันของนางที่กัดแน่น มือกำแน่น แขนขากระตุก ตาขาว แดง ลิ้นเหลือง โดยพื้นฐานแล้วแม่ต้าจ้วง เป็นกลุ่มอาการหายใจถี่โจมตีหัวใจ ปิดกั้นอวัยวะภายใน

ในตำราแพทย์แผนจีน ต้องใช้ยาที่มีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณขับระบายลมร้อนก่อน แล้วบรรเทาอาการด้วยการฝังเข็มและการนวด

ในใจลั่วเสี่ยวปิงรู้แล้วว่าอาการเป็นยังไง จึงลุกขึ้นมา

“ เป็นยังไงบ้าง แม่นางลั่วแม่ของข้ายังพอมีทางรักษาไหม?” เฉินต้าจ้วงถามขึ้นอย่างร้อนใจ

“มี” น่าขำ เภสัชกรอัจฉริยะอย่างนางปรากฏตัว หากแค่อัมพาตก็รักษาไม่ได้ ไม่เป็นการทำลายเส้นทางการทำมาหากินหรือ

“มีกระดาษพู่กันไหม?” ลั่วเสี่ยวปิงถามขึ้น

เฉินต้าจ้วงฟังแล้วก็อับอาย

บ้านของเขาจน ขายทุกอย่างในบ้าน เพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ ยังจะมีกระดาษพู่กันตรงไหน?

“บ้านข้ามี ข้าไปเอา” ตาเฉินที่เงียบอยู่ตลอดหันเดินออกไปจากห้อง

ไม่นาน ตาเฉินก็เอากระดาษที่ค่อนข้างเหลืองกับพู่กันกลับมา

“เข้ามาสิ”

ลั่วเสี่ยวปิงพูดเพียงประโยคเดียว แล้วก็หันเดินเข้าห้องไป

รอเมื่อตาเฉินกับเฉินต้าจ้วงกลับมาถึงห้อง ก็เห็นกุงซื่อลืมตาแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น สีหน้ากุงซื่อก็ดูดีขึ้นมาก

เพียงแต่ปากยังเบี้ยวเล็กน้อย คนก็เหมือนจะขยับไม่ได้

“แม่ ในที่สุดแม่ก็ฟื้น” เฉินต้าจ้วงดีใจจนน้ำตาไหล

กุงซื่อพูดอ้าได้สองที ไม่สามารถพูดเป็นคำออกมาได้ ร้อนใจจนน้ำตาไหล

“เจ้าเพิ่งอัมพาต นี่เป็นอาการปกติ รอหลังจากทานยาแล้วก็จะหาย” ลั่วเสี่ยวปิงกลัวสภาพจิตใจกุงซื่อส่งผลกระทบอาการป่วย จึงพูดขึ้น

จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงหันไปมองดูเฉินต้าจ้วง พร้อมพูดขึ้นว่า “หากอยากให้แม่ของเจ้าหายดี เจ้าต้องเรียนฝีมืออย่างหนึ่งกับข้า ต่อไปใช้นวดให้แม่ของเจ้า นางก็จะหายกลับมาเป็นปกติ”

เฉินต้าจ้วงได้ยินว่าแม่ของตนเองยังสามารถหายกลับมาเป็นปกติ ก็ตื่นเต้นดีใจจนจะคุกเข่าลง

ลั่วเสี่ยวปิงรีบพูดห้ามขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องคุกเข่า ข้าไม่ชอบให้คุกเข่าแบบนี้”

พูดเสร็จก็ไม่พูดอะไรมากอีก เริ่มรักษาในทันที

ลั่วเสี่ยวปิงกดศอก ปลายแขน บนจุดฝังเข็มหลายสิบจุดของกุงซื่อให้ดูหลายรอบ รอเฉินต้าจ้วงเรียนรู้คล่องแล้วค่อยปล่อยมือ

ความจริงแล้ว ใช้วิธีฝังเข็มจะดียิ่งกว่า แต่ตามความทรงจำที่นางรู้ ฝีมือการฝังเข็มในยุคสมัยนี้ถือเป็นถ่ายทอดโดยส่วนตัว นางไม่อยากเปิดเผยตัวตนในทันที

เฉินต้าจ้วงรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของลั่วเสี่ยวปิงอย่างมาก เอาเงินก้อนสุดท้ายในบ้านออกมา พร้อมพูดขึ้นอย่างอับอายว่า “แม่นางลั่ว ตอนนี้บ้านข้าสามารถจ่ายค่ารักษาได้เพียงเท่านี้.....”

ลั่วเสี่ยวปิงมองดูเงินในมือเฉินต้าจ้วงแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องแล้ว เงินพวกนี้ เจ้าเก็บไว้ซื้อยาให้แม่ของเจ้าเถอะ”

ใบสั่งยาที่นางเขียนให้ราคาไม่ใช่ถูกๆ

พูดเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินออกไปข้างนอก

“แม่นางลั่ว รอก่อน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง