แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 683

ชั่วขณะ กลุ่มขุนนางยังไม่ทันเข้าใจในความหมายของฉีเทียนเห้า

แม่ของลูกอ๋องเซ่อเจิ้ง?

ชายาของอ๋องเซ่อเจิ้ง?

อ๋องเซ่อเจิ้งมีลูกตั้งแต่เมื่อไร? แล้วมีชายาตั้งแต่เมื่อไร?

แต่ เมื่อสายตาของทุกคนตกอยู่กับมือที่ฉีเทียนเห้าจูงซ่งฉงปิงแล้วก็ตะลึงงันไปทันที

ความหมายของอ๋องเซ่อเจิ้ง...คงไม่ใช่ว่า...เจียเล่อจวิ้นจู่ก็คือชายาของเขา คือแม่ของลูกเขาหรอกนะ

ครั้นนึกถึงเรื่องที่เจียเล่อจวิ้นจู่มีลูกสองคนแล้ว ขุนนางที่สนับสนุนให้แต่งงานก็ตกใจจนโง่งมไปในพริบตา

“ตุบ...ตุบ...”

เสียงหัวเข่าคุกเข่าลงกับแผ่นหินสีเขียวดังอย่างต่อเนื่อง

สุดท้าย ขุนนางทั้งหมดก็เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังยืนอยู่ห่างๆ

เป็นที่ชัดเจนว่าคนที่เหลือต่างเกลี้ยกล่อมให้เจียเล่อจวิ้นจู่ไปแต่งงาน

ฉีเทียนเห้ากวาดมองคนเหล่านั้นด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบ “ข้ากลับไม่รู้ว่าชายาของข้า ชายาของต้าชิ่งอ๋องเซ่อเจิ้ง จวิ่นจู่แห่งแคว้น กลับถึงขั้นที่ต้องไปแต่งงาน พวกเจ้าว่า ต้าชิ่งของพวกเราจะจบสิ้นแล้วหรือไม่?”

คำพูดผิดต่อคุณธรรมแห่งฟ้าขนาดนี้ นอกจากฉีเทียนเห้า เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยอีก

เหล่าขุนนางพากันเงียบสนิท เวลานี้อย่าว่าแต่ส่งเสียงเลย พวกเขาแทบจะหารูมุดอยู่แล้ว

หนวดของอ๋องเซ่อเจิ้ง ใครกล้ากระตุก

แต่พวกเขากลับกระตุกหนวดของอ๋องเซ่อเจิ้งในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่รู้

เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ขุนนางขี้ขลาดจึงเริ่มสั่นเทิ้ม

“อ๋องเซ่อเจิ้งไว้ชีวิตด้วย...”

ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดในวงขุนนางที่เปล่งคำพูดนี้ขึ้นมา

เมื่อนั้น ‘อ๋องเซ่อเจิ้งไว้ชีวิตด้วย’ ประโยคนี้ก็ดังระงมราวกับมีพลังติดต่อ

แต่ เวลานี้ฉีเทียนเห้ากลับเงียบ

บรรยากาศเงียบเชียบสงบชวนให้ขุนนางที่กำลังคุกเข่าเหล่านั้นพรั่นพรึงมากกว่าเดิม

“อ๋องเซ่อเจิ้ง ท่านจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเจียเล่อจวิ้นจู่ก็คือพระชายาของท่าน?” จังหวะนั้น ซูเฉิงเซี่ยงก็ลุกขึ้นมาเอ่ย มองฉีเทียนเห้าด้วยความเคลือบแคลงใจ

ฉีเทียนเห้าเหลือบซูเฉิงเซี่ยงอย่างเย็นชา “ผู้หญิงของข้า ยังต้องพิสูจน์กับเจ้าหรือ?”

ซูเฉิงเซี่ยงชะงักงัน เขากำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็ถูกคำพูดประโยคต่อไปของฉีเทียนเห้าแทรกก่อน “เจ้านับเป็นอะไร?”

สีหน้าซูเฉิงเซี่ยงชะงักอย่างสิ้นเชิง

มีความโกรธ และความอับอาย

หากบอกว่าฉีเทียนเห้าเป็นอ๋องเซ่อเจิ้ง นอกจากซ่งหยุนจางที่ไม่พอใจเขามากแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย คนที่ไม่พอใจเขามากที่สุดก็คือซูเฉิงเซี่ยง

ทำไมน่ะหรือ?

ที่ซูเฉิงเซี่ยงได้เป็นเฉิงเซี่ยง นั่นเพราะเขามีคุณงามความดีกรำศึกกับฮ่องเต้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน

ถึงจะบอกว่าตำแหน่งเฉิงเซี่ยงของเขาไม่ได้เป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่หลังจากนั้นดวงชะตาด้านหน้าที่การงานก็รุ่งโรจน์ ปลอดโปร่งปราศจากอุปสรรค

และแล้วในที่สุดเขาก็ได้รั้งตำแหน่งเฉิงเซี่ยงเมื่อสิบปีก่อน

แต่เพิ่งจะเสพสุขกับการอยู่ใต้เพียงคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่นเพียงปีเดียว อ๋องเซ่อเจิ้งก็ดันโผล่ออกมา

อำนาจของเขาจึงถูกลดทอนไปเพราะอ๋องเซ่อเจิ้งด้วย

ดังนั้นในใจเขาจึงขุ่นเคืองอ๋องเซ่อเจิ้งมากยิ่ง

โดยเฉพาะไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ฉีเทียนเห้าก็ไม่เคยคำนึงถึงหน้าตาเขาสักนิด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว

“ในเมื่อเจียเล่อจวิ้นจู่คือพระชายาของอ๋องเซ่อเจิ้ง แล้วยามนี้อ๋องเซ่อเจิ้งกำลังทำอะไรอยู่? อ๋องเซ่อเจิ้ง ท่านจะโค่นบัลลังก์หรือ? เพียงเพื่อเจียเล่อจวิ้นจู่ ท่านถึงกับไม่คำนึงถึงบ้านเมือง?”

เพื่อกอบกู้หน้าตาของตัวเอง ซูเฉิงเซี่ยงจึงไต่ถามออกไปอย่างทุ่มสุดตัว

เขาไม่เชื่อว่าอ๋องเซ่อเจิ้งจะกล้ายอมรับว่าตัวเองโค่นบัลลังก์ต่อหน้าเหล่าขุนนางและประชาชนทั้งหลาย และยอมรับว่าตัวเองไม่คำนึงถึงบ้านเมืองเพียงเพื่ออิสตรีคนเดียว

ขนาดเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งก็ไม่ไว้หน้าเขาแล้ว ถ้าได้เป็นฮ่องเต้ แล้วเขายังจะมีที่ยืนในราชสำนักอีกหรือ?

ดังนั้นอาศัยที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก เขาต้องโต้เถียงด้วยเหตุผลและหลักฐาน

เพราะในความคิดของเขา ทุกคนล้วนขี้ขลาด ขอเพียงเขากล้าเอ่ยปาก

ถึงตอนนั้นเขาก็จะเป็นขุนนางที่มีความดีความชอบ

อดีตฮ่องเต้ส่งเทพสงครามซ่งหยุนดาไปปราบ

ระหว่างนี้มิได้ราบรื่น

เสบียงถูกทำลายขณะเดินทัพ ซ่งหยุนดาเดินทางไปถึงไหน ผู้ลี้ภัยก็เพิ่งไปจากที่นั่นไปพอดี เสียเวลาและเกิดความสูญเสียเป็นอันมาก

และนี่ก็เป็นเพียงแผนการของซ่งหยุนจางเท่านั้น

กระทั่งว่าผู้ลี้ภัยเหล่านั้นก็ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยจริงๆ แต่เป็นคนของซ่งหยุนจาง

หลังจากนั้น ซ่งหยุนดาก็ยังไม่ได้หยุดหย่อน ต้องรับคำสั่งไปแคว้นซีหรง ด้วยเหตุเพราะการรุกล้ำของแคว้นซีหรงอีก

และการรุกล้ำของแคว้นซีหรง ก็เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนของซ่งหยุนดากับคนของแคว้นซีหรงเท่านั้น

ขณะนั้น หากมิใช่ความกล้าหาญของซ่งหยุนดา ต้าชิ่งต้องเสียเมืองไปแน่

จากนั้นเรื่องที่สองก็ตามมาติดๆ

ในตอนนั้นแม้อดีตฮ่องเต้จะประชวรหนัก แต่จากการบันทึกการจับชีพจรของหมอหลวง อดีตฮ่องเต้ยังสามารถอยู่ต่อได้อย่างน้อยครึ่งปี แต่ด้วยมีคนเล่นตุกติกจึงสวรรคตไปในเวลาอันสั้น เพียงสามเดือนเท่านั้น และคนผู้นี้ก็คือซ่งหยุนจางและฮองเฮาในสมัยนั้น

เรื่องที่สาม สงครามระหว่างต้าชิ่งกับแคว้นซีหรง แม้จะบอกว่าปะทุขึ้นในปีนี้ แต่ก็เริ่มมาตั้งแต่ปีกลาย แคว้นซีหรงทำการบุกโจมตีเป็นบริเวณเล็กๆ หลายครั้ง และฉีเทียนเห้าก็บาดเจ็บเพราะเรื่องนี้ด้วย

เรื่องนี้ซ่งหยุนจางก็วางแผนเองเช่นกัน

สำหรับเรื่องอื่น ช่วงระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ซ่งหยุนจางเป็นฮ่องเต้ ด้วยการตัดสินผิดพลาดในเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหลายก็ทำให้พสกนิกรต้องเสียชีวิต จำนวนมากมายสุดจะคณานับ

หลังจากได้ฟังแต่ละเรื่องแล้ว บรรยากาศในที่นั้นก็เงียบกริบ

กระทั่งไม่มีคนอยากเชื่อว่าฮ่องเต้ของพวกเขากลับเป็นคนไม่เอาถ่านขนาดนี้

ส่วนซูเฉิงเซี่ยง เวลานี้กลับไม่โต้แย้งสักคำอย่างผิดวิสัย

ฉีเทียนเห้าทำท่ามือหยุด เป็นการบอกให้หนานเฉินหยุดอ่าน

ฉีเทียนเห้าโยนม้วนหนังสือยาวๆ นั้นให้กับจ้งฉางโดยตรง “หลักฐานส่งไปศาลต้าหลี่แล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าก็จัดการเถอะ”

น้ำเสียงสั่งการโดยตรง มิได้พูดมาก

จากนั้น ฉีเทียนเห้าก็มองทางซ่งฉงปิง

ซ่งฉงปิงรับทราบ ล้วงกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาจากแขนเสื้อใบหนึ่ง

ฉีเทียนเห้าชูกล่องที่อยู่ในมือ เอ่ยเสียงเย็น “ที่อยู่ในมือข้านี้ ก็คือราชโองการของอดีตฮ่องเต้...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง