แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 72

หลังลั่วเสี่ยวปิงออกมาจากห้องได้ ถึงจะโล่งใจขึ้นมา

นางตบหน้าของตัวเองเบาๆ จากนั้นก็ไปล้างหน้าล้างตา แล้วจึงงุดเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเช้า

เมื่อเดินไปที่ห้องครัว ลั่วเสี่ยวปิงไม่รู้ว่าจะทำอะไรอยู่พักหนึ่ง เมื่อมองดูหัวหอมและเห็ดหอมที่วางอยู่บนเตา และแตงกวาที่ยังไม่ได้กินตรงมุม นางก็นึกถึงบะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยว

ในตอนแรกนางเคยลองทำเอง รสชาตินั้นนับว่าไม่เลวจริงๆ

ถึงแม้ว่าวัตถุดิบจะไม่ครบ แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็ตัดสินใจจะลองทำดู

เริ่มจากนวดแป้งก่อน เมื่อได้แล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มทำซอส

สำหรับลั่วเสี่ยวปิง จิตวิญญาณของการทำซอสนอกเหนือจากเนื้อสัตว์ก็คือหัวหอมและเห็ดหอม

ลั่วเสี่ยวปิงเริ่มสับเนื้อให้ละเอียดก่อน จากนั้นก็โรยเกลือและเหยาะซีอิ๊ว แล้วใส่น้ำตาลอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ สุดท้ายก็โรยแป้งอีกเล็กน้อยเพื่อทำให้ข้นเหนียว แล้วพักไว้

จากนั้นก็นำเห็ดหอมที่ล้างแล้วมาหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ หั่นหัวหอมซอยจำนวนหนึ่ง แล้วพักไว้

หลังจากทำพวกนี้เสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มจุดไฟ

เมื่อไฟติด ลั่วเสี่ยวปิงก็ตักขึ้นมาหนึ่งช้อนใหญ่แล้วเทลงในหม้อ เทเนื้อที่สับแล้วลงไปผัด จากนั้นเทเห็ดหั่นเต๋าและหัวหอมหั่น จากนั้นเติมเกลือเล็กน้อย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลและน้ำอีกเล็กน้อย แล้วเริ่มต้ม

คิดๆแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็หยิบพริกออกมาจากสเพซหนึ่งเม็ด แล้วสับเป็นชิ้นละเอียดใส่ลงไปในซอสบะหมี่

นางยังไม่ได้คิดหาวิธี ‘ปลูก’ พริก ย่อมไม่สามารถใช้อย่างเปิดเผยได้ อีกอย่างบะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยวนี่ก็ไม่ได้กินแค่ตัวเอง แต่ยังมีเด็กอีกสองคนต้องกิน นางจึงทำให้เป็นรสเผ็ดไม่ได้ แต่ทว่ามีพริกนิดหน่อยก็จะทำให้กลมกล่อมขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้เผ็ด

เมื่อซอสเต้าเจี้ยวมีน้ำมันออกมาและมีน้ำเหลืออยู่ไม่มากนัก ลั่วเสี่ยวปิงก็ทำให้ข้นขึ้นด้วยแป้งอีกครั้ง

แต่ว่าผลจากการใส่แป้งให้ข้นขึ้นกลับไม่ดี หน้าตาก็ดูไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าถามว่าเทียบกับที่เคยทำ ก็ไม่ต่างกันมาก แต่โดยรวมก็ถือว่าพอใจอยู่

พอทำเสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็เริ่มรีดบะหมี่แล้วต้ม

ที่จริงบะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยวใช้แป้งเจี๋ยนสุ่ย (*แป้งที่ผสมด่าง) จะอร่อยที่สุด แต่ที่นี่ไม่มีแป้งเจี๋ยนสุ่ย ใช้เส้นบะหมี่ที่ตนทำด้วยตัวเองก็ใกล้เคียงกัน

เมื่อต้มบะหมี่จนสุกแล้วก็ตักขึ้นมาใส่ในชาม ลั่วเสี่ยวปิงก็ตักซอสเต้าเจี้ยวหนึ่งช้อนราดบนบะหมี่ทุกชาม แล้วโรยด้วยแตงกวาหั่นเต๋าอีกเล็กน้อย และโรยผักชีซอยไว้ด้านบน บะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยวแบบง่ายๆสำเร็จแล้ว

ในเวลานี้อานอานเล่อเล่อก็ตื่นเช่นกัน และด้วยการดูแลของฉีเทียนเห้าก็ช่วยเด็กๆอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จ ได้กลิ่นหอมๆจึงเกาะประตูห้องครัว มองดูบะหมี่ในชามของลั่วเสี่ยวปิงตาปริบๆ

“ท่านแม่ ท่านทำอะไรหอมมากเลย” เล่อเล่อดูตะกละ บนใบหน้าเขียนคำว่า“อยากกิน”ไว้อย่างชัดเจน

ลั่วเสี่ยวปิงผสมเส้นหมี่กับซอสเข้าด้วยกัน แล้ววางบนมือเด็กทั้งสองคน “นี่คือบะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยว”

อานอานเล่อเล่อรับชามของตัวเองมา และอยากกินจนรอแทบไม่ไหว

ทันทีที่บะหมี่เข้าปาก ทั้งสองคนก็สยบในความอร่อยของบะหมี่ผัดซอสเต้าเจี้ยว

“ท่านแม่ อร่อยจังเลย” ในปากของเล่อเล่อยังเต็มไปด้วยบะหมี่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะชมเชย

ลักษณะการกินของอานอานเรียบร้อยมาก แต่เมื่อมองดวงตาที่แวววาวของเขา ก็รู้ได้ว่าเขาก็รู้สึกว่าบะหมี่นี่อร่อยเหมือนกัน

เขายังไม่เคยกินบะหมี่ที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน

แต่ว่า อานอานก็ยังไม่ลืมมารดาของตน “ท่านแม่ ท่านก็กินด้วย”

หยุดไปครู่หนึ่ง อานอานก็พูดอีก “ยังมีอาฉีด้วย ท่านแม่ท่านจะเอาไปให้อาฉีกินหรือไม่?”

เมื่อได้ยินสิ่งที่อานอานพูด ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

แม้ว่าก่อนหน้านี้อานอานจะไม่พูด แต่ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกได้ว่าเขาค่อนข้างผลักไสฉีเทียนเห้าอยู่บ้าง

แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้อานอานไม่ผลักไสฉีเทียนเห้าอีกต่อไปแล้ว

ถ้าตอนนี้ลั่วเสี่ยวปิงยังไม่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เช่นนั้นความสามารถในการสังเกตคำพูดและสีหน้าของนางในชาติก่อนก็คงเปล่าประโยชน์แล้ว

ในตอนที่ลั่วเสี่ยวปิงวางงานในมือ แล้วกำลังจะถามให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ก็มีเสียงเกวียนวัวดังมาจากนอกประตู จางเอ้อหลางคงจะกลับมาแล้ว

“พี่เอ้อหลาง…”

ทันใดนั้น ทางปากประตูลานบ้านก็มีเสียงสาวน้อยที่คับแค้นใจและเจือความหวานแหววก็แว่วมา

ลั่วเสี่ยวปิง “…”ขนลุกขนพองแล้วทำยังไงดี?

ลานไม่ได้กว้าง ประตูไม้ก็เกือบจะเป็นแค่ของตกแต่ง ไม่มีกั้นเสียงอะไรเลย ดังนั้นคนด้านในจึงได้ยินเสียงด้านนอกทั้งหมดอยู่แล้ว

หลังจากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็พบว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่นางอีกครั้ง

ลั่วเสี่ยวปิง “…”ดังนั้น เกี่ยวอะไรกับนาง?

“เสี่ยวเจียน” จางเอ้อหลางเรียกชื่อสาวน้อย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ผลักประตูไม้ออก

ในเวลานั้นเองลั่วเสี่ยวปิงก็เห็นแม่นางน้อยที่ชื่อเสี่ยวเจียน หน้าตาของนางก็นับว่าน่ารัก แต่ตาของนางออกจะเล็กไปหน่อย …ที่สำคัญคือ นางไม่เคยเจอมาก่อน แสดงว่านางอาจจะไม่ใช่คนในหมู่บ้าน

“เป็นนังเด็กจากหมู่บ้านสงเจีย” มีคนกระซิบกันข้างๆ

หมู่บ้านสงเจีย อยู่ข้างหมู่บ้านต้าซิง อยู่ใกล้กับหมู่บ้านต้าซิงมากกว่าหมู่บ้านเฉินเจีย แต่ไม่ได้อยู่ในทิศทางเดียวกัน

แต่ว่า ทำไมสาวน้อยจากหมู่บ้านสงเจียถึงมาที่นี่ได้ แถมยังทำกับจางเอ้อหลางแบบนี้…อืม อ่อนโยนเหมือนน้ำ

ลั่วเสี่ยวปิงราวกับได้กลิ่นซุบซิบสีชมพู คิดว่าน่าจะเป็นดอกท้อของจางเอ้อหลาง เมื่อนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงเกิดความสนใจขึ้นเล้กน้อย ตัดสินใจละเรื่องของตัวเองเอาไว้ก่อนแล้วค่อยถาม

แต่ว่าลั่วเสี่ยวปิงคิดไม่ถึงเลยว่า ไฟการนินทานี้ จะลามมาเผานางได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง