แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 792

ในหมู่บ้าน มือของซ่งฉงปิงคลำไปที่ชีพจรของเซี่ยงเซียวเซียน ด้วยแววตาที่เคร่งขรึม

และเซี่ยงเซียวเซียนในเวลานี้ ก็หลับตาแน่น สีหน้าซีดเผือด ท่าทีเหมือนคนกำลังจะตาย

และเดิมทีถึงแม้ว่าสถานการณ์ร่างกายของเซี่ยงเซียวเซียนจะไม่สู้ดีนัก แต่เมื่อซ่งฉงปิงใช้น้ำแร่วิญญาณ ก็ไม่ถึงกับว่าอาการป่วยจะวิกฤตขึ้นมากะทันหัน

แต่ตอนนี้.....

"เขาเป็นอย่างไรบ้าง?" ฉีเทียนเห้าขมวดคิ้วแล้วสอบถาม

ซ่งฉงปิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็ค่อนข้างเคร่งขรึม ไม่ได้พูดจา และปล่อยมือออก

"ไปคุยกันข้างนอกเถิด" ซ่งฉงปิงกล่าวพลาง ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก

ฉีเทียนเห้าชำเลืองมองเซี่ยงเซียวเซียน ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งเล็กน้อย และทันใดก็เดินตามหลังซ่งฉงปิง ออกจากห้องไป

เมื่อมาถึงลานบ้าน ซ่งฉงปิงจึงเอ่ยปากว่า "ทางด้านกู่แม่นั้นอาจจะเกิดปัญหาแล้ว"

ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่ากู่แม่ชะตาชีวิตจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่สถานการณ์ก็นับว่าเสถียรมั่นคง ยังสามารถช่วยให้อยู่ได้ถึงสองสามเดือน

และร่างกายของเซี่ยงเซียวเซียนที่ได้รับการบำรุงด้วยน้ำแร่วิญญาณมาโดยตลอด ก็ไม่สามารถเกิดปัญหาอะไรได้

บัดนี้ที่สถานการณ์ของเซี่ยงเซียวเซียนเป็นอันตรายเช่นนี้ ก็แน่นอนว่าทางด้านกู่แม่จะต้องเกิดปัญหา

ฉีเทียนเห้าเงียบไม่พูดจาเป็นเวลานาน จึงมองไปยังซ่งฉงปิง สายตาแฝงไปด้วยความกังวลเล็กน้อย "ร่างกายของเจ้ายังดีอยู่ไหม?"

ซ่งฉงปิงรู้ความหมายของฉีเทียนเห้า ด้วยเหตุนี้จึงกล่าวว่า "เจ้าวางใจได้ ข้าไม่เป็นอะไร"

ฉีเทียนเห้ามองซ่งฉงปิง ในสายตาแฝงไปด้วยความทุกข์ใจ

เป็นเวลานาน ในที่สุดจึงกล่าวเสียงเบาๆ กับซ่งฉงปิงที่อยู่ในอ้อมกอดว่า "ขอโทษ......"

เวลานี้ ที่หนานเจียง

ในห้องที่แสงสลัว มีเพียงแสงเทียนอันริบหรี่

แต่ว่าแสงเทียนจางๆ นั้น ไม่สามารถส่องสว่างรูปร่างของคนคนนั้นที่นอนอยู่บนเตียงได้ เพียงแต่ในความมืดสลัวสามารถมองออกว่า นั่นคือผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ป่วยเกินเยียวยา และหายใจรวยริน

เวลานี้ ด้านข้างเตียงก็ปรากฏเงาสูงใหญ่เงาหนึ่งทันที

เงาดำได้ล้อมผู้หญิงเอาไว้ในเงามืด

ที่สามารถรับรู้ได้ถึงคือ เงาที่สูงใหญ่นั้นปรากฏความมืดครึ้มและโหดเหี้ยมอำมหิต

ชัดเจนว่า คนคนนี้กำลังโกรธ

เดิมที ภายในบ้านยังเงียบสงัด ผู้หญิงที่อยู่บนเตียงก็หลับตาแน่น ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร เงาที่อยู่ข้างๆ เตียงก็ยิ่งจ้องมองผู้หญิงคนนั้น กึ่งขยับกึ่งไม่ขยับ

แต่ทันใดนั้น เงาดำนั้นก็คว้าเสื้อคลุมของผู้หญิงคนนั้นอย่างบ้าคลั่ง แล้วประคองผู้หญิงขึ้นมาจากเตียง

"เหมียวหลาน! เหมียวหลาน! เจ้าช่างโหดร้าย! โหดร้ายเหลือเกิน!"

ชัดเจนว่า นี่คือน้ำเสียงของผู้ชายที่โกรธเดือดดาลถึงขีดสุดคนหนึ่ง

เสียงนี้ยังมีความรู้สึกกดดันเล็กน้อย และดวงตาของผู้ชาย ก็แดงก่ำอย่างมาก

"เหมียวหลาน เจ้าไม่อยากอยู่กับข้าขนาดนี้เลยหรือ? เจ้าอยากตายขนาดนี้เลยหรือ?" ผู้ชายถามอย่างโกรธเคือง

แต่ผู้หญิงที่อยู่ในมือ ก็คือเหมียวหลาน กลับไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

"เหมียวหลาน! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตาย!" ในน้ำเสียงของผู้ชายแฝงไปด้วยความดื้อรั้นและบ้าคลั่งอย่างมาก "เจ้าคิดว่าบุตรสาวของเจ้าถูกส่งไปแล้ว เจ้าก็สามารถตายอย่างไร้กังวลได้แล้วใช่หรือไม่? เจ้าอยากจะร่วมเป็นร่วมตายกับเขาใช่หรือไม่? ข้าไม่สามารถช่วยให้เจ้าสมหวังได้ ข้าบอกเจ้าว่า ถ้าหากเข้ากล้าตาย ข้าก็จะไปตามหาบุตรสาวของเจ้าแล้วทำลายกระดูกจนเป็นเถ้าถ่าน"

น้ำเสียงนี้ เหมือนกับมาจากนรก ทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

และเหมียวหลานที่อยู่บนเตียง ก็ไม่รู้ว่าได้ยินคำพูดของผู้ชายคนนี้ หรือว่าอย่างไร จู่ๆ ก็มีน้ำตาที่หางตา

แต่ทว่า เห็นเหมียวหลานมีการเคลื่อนไหว บนใบหน้าของผู้ชายก็ปรากฏความแปลกใจ

"เจ้าฟังเอาไว้นะ ถ้าหากเจ้าตาย ข้าจะไม่ปล่อยบุตรสาวของเจ้าอย่างแน่นอน อย่างแน่นอน!"

ผู้ชายพูดพลาง เอากริชเล่มหนึ่งออกมาจากเอว จากนั้นก็กรีดที่ข้อมือของตนเอง

จากนั้น ก็เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังและประคองหัวของเหมียวหลานขึ้นอย่างบุ่มบ่าม และนำเลือดป้อนใส่ในปากของเหมียวหลาน

ตามตำนานเล่ากันว่า หนานเจียงเป็นประเทศที่ล้อมรอบไปด้วยอากาศที่เป็นพิษแลพิษกู่ และถูกปกคลุมไปด้วยความลึกลับอยู่เสมอ

แต่หลังจากที่มา ซ่งฉงปิงก็รู้สึกว่าบางทีตำนานอาจจะมีส่วนทึ่เกินจริงไปบ้าง

เพียงเข้ามาถึงกำแพงของหนานเจียง ซ่งฉงปิงก็รู้สึกได้ถึงความบริสุทธิ์ของอากาศและประเพณี

ที่นี่มีชนกลุ่มน้อยจำนวนมาก มีทุกๆ ชนชาติ แน่นอนว่าแต่ละชนชาติเสื้อผ้าก็ไม่เหมือนกัน มองดูแล้วก็รู้สึกลานตาไปหมด

แน่นอนว่า คนที่นี่ ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าม้งและชนเผ่าอู เพียงแต่ชนเผ่าม้งและชนเผ่าอู คล้ายกันในทุกๆ ด้าน จึงเป็นการยากที่จะแยกชัดเจนว่าใครเป็นใคร

สิ่งที่ซ่งฉงปิงรู้สึกซาบซึ้งที่สุด ก็คือรอยยิ้มของคนที่นี่

ดูเหมือนว่า ทุกคนที่ได้พบเจอบนถนนจะแฝงไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

รอยยิ้มนั้น คล้ายกับเป็นไมตรีจิตในการดำรงชีวิตของคนที่นี่

และไมตรีจิตนั้น สามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกเช่นเดียวกันได้

แล้วซ่งฉงปิงยังรู้สึกอีกว่า ตนเองชื่นชอบที่นี่

หนานเจียงไม่กว้างใหญ่ หลังจากเข้าหนานเจียงมาได้สองวัน ซ่งฉงปิงและคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองหยุนจางเมืองหลวงของหนานเจียง

เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ข้างๆ เมืองหยุนจางก็ทำให้คนรู้สึกว่ามีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่า

สิ่งที่ทำให้ซ่งฉงปิงรู้สึกแปลกใหม่ก็คือ ในตลาดของเมืองหยุนจางไม่เพียงแต่ขายของที่เป็นประเพณีของแต่ละชนเผ่าเท่านั้น แต่ยังมีแมลงมีพิษจำนวนมาก เช่นแมงป่อง ตะขาบ แมงมุม รวมถึงหนอนพิษกู่ด้วย

เดิมทีสำหรับหนอนพิษกู่ ที่ซ่งฉงปิงรู้จักล้วนมาจากในหนังสือ ฉะนั้นจึงอยากเห็นด้วยตาตนเองสักเล็กน้อย

แต่เมื่อได้สัมผัสกับหนอนพิษกู่เหล่านั้นที่อ่อนนุ่มและแปลกประหลาด ซ่งฉงปิงก็รู้สึกถึงน้ำเปรี้ยวๆ ในลำคอทันที

"แหวะ——"

ซ่งฉงปิงอดไม่ได้ที่จะวิ่งไปริมทาง แล้วอาเจียนออกมา

เพียงแต่ ขณะที่อาเจียนอยู่ เมื่อซ่งฉงปิงเงยหน้าขึ้น คนก็ต้องนิ่งอึ้งไป......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง