แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 842

ฉีเทียนเห้าใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีตรงไปทางแม่น้ำ

แต่ถึงกระนั้นก็ยังสายเกินไป

เขาทำได้เพียงมองซ่งฉงปิงตกลงไปท่ามกลางแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว มองเห็นแค่ว่านางกำลังขยับริมฝีปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา ดังนั้นเขาจึงมองไม่ชัด

ภายในหัวของเขาว่างเปล่า

เขารู้สึกแค่ว่าโลกของเขากำลังจะพังทลาย

เดิมทีเขาคิดว่าเขาใกล้ตายแล้ว และจะจากไปอย่างเงียบๆ

แต่เพราะเหตุใดเขาจึงต้องมาเห็นปิงเอ๋อร์ตกลงไปในแม่น้ำเช่นนี้

ทันใดนั้นฉีเทียนเห้าก็ไม่คิดอะไรอีกต่อไป

เขาเพียงแค่ทำตามหัวใจของตัวเอง ดังนั้นก่อนที่ซ่งฉงปิงจะจมลงไปในน้ำ ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันตอบสนองสิ่งใด เขาก็กระโดดลงไปในแม่น้ำนั้นแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแทบจะเป็นเรื่องชั่วประเดี๋ยวเดียว ดังนั้นจึงไม่มีใครตอบสนองได้ทันท่วงที

ไม่มีใครคิดว่าฉีเทียนเห้าจะกระโดดลงไป

ตอนที่พวกเขาวิ่งไปถึงริมแม่น้ำ ในแม่น้ำยังมีร่างของใครให้เห็นเสียที่ไหน

“เสด็จอา!” ซ่งหลิงหลิงท้อแท้ใจเป็นอย่างมาก

“นายท่าน!” ขอบตาของหนานเฉินกลายเป็นสีแดง

ไป๋เสาร้องห่มร้องไห้

ชั่วขณะนั้นที่ริมแม่น้ำไร้ซึ่งความปีติยินดี

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หนานเฉินจึงค่อยสงบลง

เขาสั่งองครักษ์ลับที่เหลือว่า “กวาดล้างพรรคพวกของอ๋องจั๋วให้ราบคาบ ส่งข่าวกลับไปที่ต้าชิ่ง”

ว่าแล้วหนานเฉินจึงหลับตาลง ในดวงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างล้ำลึก “คนอื่นที่เหลือตามข้ามา ตามหาเลียบไปตามแม่น้ำ ถ้าไม่เจอ เราจะไม่กลับต้าชิ่ง!”

“ถ้ามีชีวิตอยู่ก็ต้องพบ ถ้าตายแล้วก็ต้องเห็นศพ” หนานเฉินแทบจะเอ่ยคำเหล่านี้ลอดไรฟันออกมา

เมื่อหนานเฉินพูดจบ ขอบตาของเขาก็แดงก่ำ

ทันทีที่หมุนตัวกลับ น้ำตาก็ไหลรินออกมาจากหางตาของหนานเฉินอย่างเงียบเชียบ

“หนานเฉิน!” ไป๋เสาเรียกหนานเฉิน

หนานเฉินหยุด ทว่าไม่ได้หันกลับไป

ไป๋เสา “ข้าจะไปกับเจ้า”

ไป๋เสาเอ่ยพลางสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

หนานเฉินได้ยินดังนั้นจึงหันกลับไปมองไป๋เสา “เจ้ากลับไปต้าชิ่ง”

คำพูดของหนานเฉินหนักแน่น

จวิ้นจู่น้อยและซื่อจื่อน้อยยังต้องการคนดูแล

ไป๋เสาได้ยินดังนั้นกลับยิ่งแน่วแน่ “ไม่! ข้าอยากจะออกตามหาองค์หญิงใหญ่กับเจ้า ถ้ายังมีชีวิตก็ต้องหาให้เจอ ต่อให้สิ้นชีวิตแล้วก็ต้องได้เห็นพระศพ”

สายตาที่มุ่งมั่นของไป๋เสาทำให้หนานเฉินปฏิเสธไม่ลง

ในที่สุดหนานเฉินจึงพาไป๋เสาไปด้วย

ในระหว่างนั้นหนานเฉินไม่ได้สนใจใครอื่นอีก

องครักษ์ลับที่ยังเหลืออยู่ร่วมมือกับทหารของแคว้นซีหรง ช่วยกันกำจัดพรรคพวกของอ๋องจั๋ว

ส่วนอ๋องจั๋วนั้นถูกวางยาพิษจนสิ้นชีพไปนานแล้ว

หลังจากจบสิ้นตรงนี้แล้ว เหล่าองครักษ์ลับที่เนื้อตัวปกคลุมไปด้วยเลือดก็ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นและจากไปอย่างเงียบๆ

ในขณะนี้เอง ทันใดนั้นองครักษ์ลับสองคนก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าซ่งหลิงหลิงและคุกเข่าต่อหน้านาง

“ทูลองค์หญิงหก ข้ากระหม่อมขออภัยที่ไม่สามารถปกป้องทั้งสองพระองค์ได้ ข้ากระหม่อมจะไปตามหาท่านอ๋อง อย่างน้อยก็ต้องนำกระดูกของท่านอ๋องกลับไปต้าชิ่งให้ได้”

ทั้งสองคนคืออั้นเอ้อกับอั้นซาน พวกเขาคอยสอดแนมอยู่ที่แคว้นซีหรงมาตลอด

หลังจากซ่งหลิงหลิงมาถึงแคว้นซีหรง ทั้งคู่ก็เริ่มรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยของนาง

แต่พูดกันตามจริงแล้ว สุดท้ายนายท่านของพวกเขาก็คือฉีเทียนเห้า

ตอนนี้พวกเขาเฝ้ามองผู้เป็นนายตกลงไปในแม่น้ำกับตาของตัวเอง เวลานี้พวกเขาจึงอยู่ปกป้องซ่งหลิงหลิงไม่ได้อีกต่อไป

เวลานี้ในดวงตาของซ่งหลิงหลิงเต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้นางมองเห็นอั้นเอ้อกับอั้นซานได้ไม่ชัด

แต่นางก็ยังพยักหน้า “ตกลง พวกเจ้าไปเถิด!”

อั้นเอ้อกับอั้นซานโน้มศีรษะทำความเคารพ จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นอี้ฉู่จ้งจึงไล่ผู้คนออกไป และขุนนางสูงศักดิ์แห่งซีหรงก็จากไปกันหมด

บางสิ่งก็มีลิขิตเป็นของตัวเอง

แม้ว่าหลิงหลิงจะไม่ได้มีส่วนกับเรื่องนี้ ภัยพิบัตินี้ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยง

และหากมีส่วนในเรื่องนี้ บางทีภัยพิบัติอาจเปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเหมือนกัน

ทันใดนั้นซ่งหลิงหลิงก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางเงยหน้ามองอู้เจิน “อู้เจิน ท่านช่วยท่านพี่ของข้าได้หรือไม่”

ซ่งหลิงหลิงรู้ว่าอู้เจินมีความสามารถอยู่บ้าง

อู้เจินได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้า “ถ้าหากข้าเข้าไปแทรกแซง หายนะก็จะบังเกิดและได้ไม่คุ้มเสีย ตอนนี้อาจจะถึงวาระแห่งภัย ปล่อยให้มันเป็นไปตามวิถีของมันเถิด”

““อมิตาภพุทธ...”

สามวันต่อมาจึงมีข่าวลือแพร่ออกมาจากเมืองหลวงของแคว้นซีหรง

กษัตริย์อี้ฉู่จ้งหายตัวไปพร้อมกับพระชายา

ในฐานะกษัตริย์ อี้ฉู่จ้งได้พระราชทานนามให้องค์ชายห้าแห่งซีหรง

เวลานี้ซ่งหลิงหลิงกับอู้เจินยืนอยู่ด้วยกันที่ริมแม่น้ำ คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีแดง คนหนึ่งสวมอาภรณ์สีขาว

ซ่งหลิงหลิงหันกลับไปมองทางตัวเมืองและมองอู้เจิน “อู้เจิน ละทิ้งทรัพย์สมบัติเช่นนี้ ท่านไม่เสียใจทีหลังจริงๆ หรือ”

ซ่งหลิงหลิงไม่เคยเข้าใจว่าอำนาจนั้นสำคัญแค่ไหน

นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนางจึงไม่รู้สึกอะไรเลย หลังจากที่เสด็จพ่อของนางลงจากตำแหน่ง

นางรู้แค่ว่าภายใต้อำนาจนั้นมีคนไร้ความปรานีอยู่มากมาย

พระราชวังเงียบเหงาเย็นชาอยู่เสมอ

แต่ถึงกระนั้นนางก็อยากรู้จริงๆ ว่าอู้เจินคิดอะไร

อู้เจินมองซ่งหลิงหลิง “ข้าเป็นพุทธศาสนิกชน เพราะมีความสัมพันธ์กับท่าน ข้าจึงเข้าสู่โลกแห่งฆราวาส เรื่องอื่นนั้นเกี่ยวกับข้าตรงไหน”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซ่งหลิงหลิงได้ยินประโยคนี้ หลังจากฟังแล้ว ซ่งหลิงหลิงจึงหัวเราะ

เพียงแต่เมื่อมองไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ซ่งหลิงหลิงรู้สึกหมดอาลัย “อู้เจิน ข้าจะได้พบกับท่านพี่อีกหรือไม่”

อู้เจิน “หากมีคราวได้พบ ย่อมได้พบกันอีก หากไม่มีคราวได้พบ คงไม่ได้พบกันแล้ว”

ซ่งหลิงหลิงไม่เข้าใจ

แต่ถึงกระนั้นนางก็ยังหันไปอธิษฐานกับแม่น้ำ ‘ขอให้ท่านพี่ปลอดภัย!’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง