"เจ้าสามารถให้พวกเรามีกินตลอดหรือ?"ในที่สุดผู้ใหญ่บ้านก็อ้าปาก
แต่น้ำเสียงของผู้ใหญ่บ้านมีความสงสัยอยู่ด้วย
ถึงแม้ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกว่าซ่งฉงปิงมีความสามารถนี้แน่นอน
แต่มีข้อแม้ว่านางต้องอยู่ต่อ
ถ้านางไป เขาจะเชื่อนางได้อย่างไร?
ซ่งฉงปิง"ในเมื่อข้าพูดออกมาแล้ว ก็จะทำได้แน่นอน"
สายตาของซ่งฉงปิงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ผู้ใหญ่บ้าน"แล้วข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?"
ซ่งฉงปิงไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบถุงเล็กๆถึงหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
ในถุงเล็กๆมีเมล็ดอยู่
ซ่งฉงปิงเทออกมาต่อหน้าผู้ใหญ่บ้าน
ผู้ใหญ่บ้านหยิบขึ้นมาดู ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
"นี่ นี่คือเมล็ดข้าวหรือ?"
ผู้ใหญ่บ้านตื่นเต้นขนาดนี้ก็มีเหตุผลอยู่
เพราะเมล็ดข้าวในหมู่บ้านหินกับเมล็ดข้าวในมือของซ่งฉงปิง มันต่างกันมาก
เมล็ดทุกเม็ดในมือของซ่งฉงปิงใหญ่ทั้งใหญ่และกลม แต่เมล็ดข้าวในหมู่บ้านล้วนเล็กและแบน ถ้าเป็นเมล็ดที่มีขนาดครึ่งหนึ่งของเมล็ดในมือของซ่งฉงปิงก็ถือว่าเป็นพันธุ์ดีแล้ว
เมล็ดในมือของซ่งฉงปิงใหญ่ทุกเม็ดเลย
ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกตกใจ แม้กระทั่งเหล่าชาวบ้านก็ตกใจไปหมด
ซ่งฉงปิงพูดอย่างใจเย็น"ข้าไม่เพียงแต่มีเมล็ดข้าวอย่างหนึ่ง ยังมีพืชชนิดอื่นด้วย"
ผู้ใหญ่บ้าน:"เจ้าพูดถึงมันฝรั่งหรือ?"
ก่อนหน้านี้ หมู่บ้านหินไม่มีมันฝรั่ง
แต่ซ่งฉงปิงได้เอาเมล็ดให้พวกเขาหน่อยนึง
ปัจจุบันทุกบ้านล้วนมีมันฝรั่งกิน ถึงไม่ถึงกับต้องอดอยาก
ทันใดนั้น ในสายตาของหลายคนล้วนมีความโลภ
สาเหตุที่ชาวบ้านดูซื่อๆ นั่นเป็นเพราะว่าไม่ขัดต่อผลประโยชน์ และชีวิตก็อยู่อย่างธรรมดา ก็เลยไม่มีความต้องการมากขนาดนั้น
แต่ขอให้มีความต้องการ คนนั้นก็จะเกิดความโล่ง
ชาวบ้านในหมู่บ้านหินก็เป็นเช่นนี้
ซ่งฉงปิง"มีเพียงข้าคนเดียวที่รู้ว่าเมล็ดอยู่ไหน ถึงแม้พวกเจ้าจะไปค้นที่บ้านของข้า ก็หาไม่เจอแน่"
ซ่งฉงปิงเหมือนรับรู้ความคิดของชาวบ้านบางคน เมื่อเห็นว่ามีชาวบ้านแอบจากไป ซ่งฉงปิงก็อ้าปากพูด
ชาวบ้านที่เตรียมจะจากไปนั้น ยังยืนอยู่ที่เดิมอย่างเขินอาย ไม่รู้จะเข้าหรือออกดี
เห็นว่าได้ระงับความคิดของคนเหล่านั้น ซ่งฉงปิงก็มองไปทางผู้ใหญ่บ้าน"ในมือของข้าไม่เพียงแต่มีเมล็ดข้าว ยังมีเมล็ดอย่างอื่นด้วย หากเจ้ายอมให้ครอบครัวข้าออกไป ข้าก็จะนำเมล็ดให้พวกเจ้า"
พูดตรงๆ ผู้ใหญ่บ้านหวั่นไหวใจ
แต่ในตอนที่เขาจะยอมรับ ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านก็เดินออกมา
"ไอ้แก่ ยอมรับไม่ได้เลยนะ"ภรรยาผู้ใหญ่บ้านห้ามไว้"หากเรายอมรับ ถ้าอนาคตหลานชายป่วยขึ้นมา ใครจะรักษาให้ล่ะ?"
พอได้ยินภรรยาผู้ใหญ่บ้านพูดเช่นนี้ ผู้หญิงในหมู่บ้านล้วนปฏิเสธกัน
ถึงแม้ปกติทุกคนก็กินไม่อิ่ม แต่ก็ยังไม่มีบ้านไหนอดอยากจนตาย
แต่ถ้าหากป่วยขึ้นมาจริงๆ อาจจะตายก็เป็นไปได้
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่อยากปล่อยตัวซ่งฉงปิงไป เพราะฝีมือทางการแพทย์ของนางเก่งกว่าหมอในหมู่บ้านอีก
โดยเฉพาะบ้านที่มีลูก
แม้กระทั่งผู้ใหญ่บ้าน สีหน้าที่เพิ่งหวั่นไหวนั้น ก็ยืนหยัดอีกครั้งหนึ่ง
ซ่งฉงปิงเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ก่อนจะมานางได้คิดถึงเรื่องทุกอย่างที่อาจจะเกิดขึ้น
เรื่องนี้แน่นอนว่านางก็ได้คิดมาก่อนแล้ว
ดังนั้น ซ่งฉงปิงจึงหยิบหนังสือแพทย์เล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
"หนังสือเล่มนี้ก็มีการบันเทิงโรคง่ายๆบางอย่าง สูตรยาในการรักษาโรคทั่วไปก็มีด้วย"หนังสือนี้ นางได้เขียนโดยใช้ตัวหนังสือของที่นี่
ยังไงก็อยู่ที่นี่มาหลายปี นางก็ได้เรียนตัวหนังสือของที่นี่ด้วย
คำพูดนี้ของซ่งฉงปิง ทำให้หมอแก่ของหมู่บ้านเดินหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว"ข้า ให้ข้าดูได้ไหม?"
หมอในหมู่บ้านเรียนทักษะการแพทย์ด้วยตัวเอง
ฟังจากประสบการณ์ของหมอรุ่นก่อนๆและเรียนรู้เอาเองด้วย ไม่เคยได้ดูหนังสือมาก่อน และไม่เคยได้เรียนอย่างเป็นทางการด้วย
ดังนั้นพอเห็นว่าซ่งฉงปิงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ?
ซ่งฉงปิงยิ้มมุมปาก และยื่นหนังสือแพทย์ให้หมอแก่คนนั้น
หมอแก่เห็นเช่นนี้ก็รีบกล่าวขอบคุณ
จากนั้นก็รีบเปิดอ่านหนังสือแพทย์
เมื่อเห็นลักษณะที่อ่านอย่างเพลินของเขา เสียงที่ปฏิเสธก็เบาลง ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็เกิดคำลังเล
เพราะว่าคราวนี้เรื่องป่วยและอาหารการกินล้วนจัดการได้ ให้ซ่งฉงปิงไปก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้
แต่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ล้วนมีคนที่ไม่รู้จักเพียงพอ
มีคนพูดว่า"ในเมื่อเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ งั้นถ้าเจ้าอยู่ต่อในหมู่บ้าน หมู่บ้านเราจะดียิ่งขึ้น"
คำพูดนี้มีเหตุมีผลมาก
คนส่วนใหญ่ฟังแล้วก็ยิ่งไม่อยากให้ซ่งฉงปิงจากไป
ส่วนสำหรับสิ่งนี้ ซ่งฉงปิงก็ไม่รีบร้อน
ซ่งฉงปิงมองผู้ใหญ่บ้านด้วยรอยยิ้ม"ไม่ทราบว่าผู้ใหญ่บ้าน้คยได้ยินคำพูดหนึ่งของข้างนอกหรือเปล่า"
ผู้ใหญ่บ้านได้ยินเช่นนี้ ก็ทำหน้าสงสัย"คำพูดอะไร?"
"ยอมไปขัดใจคนเลวร้ายแทน แต่จะไม่มีวันไปขัดใจคนที่เป็นหมอ"
คำพูดนี้ของซ่งฉงปิง ทำให้เหล่าชาวบ้านที่ยังโวยวายอยู่ในเมื่อกี้นี้ขาอ่อนทันที
ทันใดนั้น ชาวบ้านเหล่านี้ก็ล้วนอ่อนปวกเปียกไปหมด
เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านนั่งอยู่ จึงดูไม่น่าเกลียดขนาดนั้น
แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
"ผู้ใหญ่บ้าน ข้าจะออกไป ก็จะออกไปให้ได้ ข้างนอกยังมีอีกคำพูดหนึ่งคือ เจรจากันด้วยเหตุผลก่อน เมื่อล้มเหลวจึงใช้กำลัง หากผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมให้ข้าออกไป ข้าก็มีวิธีออกไปเอง แต่ถ้าให้ข้าคิดวิธีออกไปเอง ของเหล่านี้ก็ล้วนให้ไม่ได้แล้ว"
คำพูดเหล่านี้ซ่งฉงปิงได้พูดด้วยตาหยี
ส่วนเขา อาจเป็นเพราะว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน จึงต้องกลับไป
หมู่บ้านหนึ่งอยากจะอยู่นานๆ ก่อนอื่นก็ต้องมีคน
การที่ไม่ให้ออกจากหมู่บ้านก็เป็นเพราะกลัวคนเหล่านี้ออกไปแล้วจะไม่กลับมาอีก
เหมือนหมู่บ้านบางที่ในสมัยปัจจุบัน นอกจากคนแก่แล้ว ไม่เห็นวัยรุ่นสักคนเลย
แต่ทุกอย่างล้วนควรให้ไปตามการพัฒนาของยุคสมัย
แต่คำพูดเหล่านี้ซ่งฉงปิงไม่ได้พูดออกมาเลย
พูดตรงๆแล้ว การพัฒนาของคนอื่นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรมากกับนาง
เมื่อนึกถึงที่นี่ ซ่งฉงปิงยื่นขวดสองขวดให้ผู้ใหญ่บ้าน เพียงพูดว่า"นี่ใช้ในการช่วยชีวิตในยามจำเป็น"
เพราะหลายปีนี้คนในหมู่บ้านหินก็ถือว่าดูแลนางได้ดี
หากไม่ใช่ว่านางไม่ได้คิดจะจากไป ก็ไม่มีการขัดแย้งในครั้งนี้
เอาน้ำแร่วิญญาณให้สองขวดและเมล็ดพันธุ์ต่างๆในห้อง ก็ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของหลายปีนี้
อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็สามารถอยู่ดีมีสุขได้หลายๆปี
หลังจากเอาน้ำให้ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ซ่งฉงปิงก็ไม่ได้พูดอะไรมาก จับมือถวนถวนหยวนหยวนและเดินไปข้างหน้า
ส่วนเยหลินที่อยู่ข้างหลัง ก็ตามอยู่อย่างเงียบๆ
ห้าวันผ่านไป...
เยหลิน ซ่งฉงปิงและถวนถวนหยวนหยวนทั้งสี่คน กว่าจะมาถึงเมืองแรก
ถวนถวนหยวนหยวนแปลกใจกับทุกสิ่งทุกอย่างในภายนอก ลูกตาหมุนอยู่นั่นแหละ
ส่วนซ่งฉงปิง มองความครึกครื้นในข้างนอก ก็ใจลอยเช่นกัน
ทันใดนั้น ซ่งฉงปิงมีความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหนดี
"ท่านแม่ ท่านแม่"หยวนหยวนตะโกนเรียกอย่างตื่นเต้น"อันสีแดงๆ คือถังหูลู่หรือเปล่า?"
ซ่งฉงปิงเงยหน้ามองไป เห็นว่าเป็นพุทราแดงที่เสียบอยู่ด้วยกัน ข้างบนเคลือบด้วยน้ำตาล
เมื่อเห็น'ถังหูลู่'ที่ว่า ซ่งฉงปิงรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"ถังหูลู่ทำด้วยซานจา มีความเปรี้ยวๆหวานๆ อันนี้เป็นพุทราแดง"
ถึงแม้พูดเช่นนี้ แต่ซ่งฉงปิงก็ยังคงซื่อให้เด็กสองคนๆละไม้
แคว้นซีหรงไม่มีซานจา แต่เด็กสองคนไม่เคยเจอพุทราด้วยซ้ำไป ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดใจหน่อยนึง
แต่เด็กสองคนรู้สึกดีใจมากที่ได้กินพุทราแดงเคลือบน้ำตาล
"ท่านแม่ อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ"หยวนหยวนทำหน้าตื่นเต้น
ตอนนี้ซ่งฉงปิงไม่ได้สังเกตว่า เยหลินเดินไปถึงกำแพงติดประกาศที่หนึ่ง
ตอนที่ซ่งฉงปิงรู้สึกตัวมา เยหลินก็กลับมาถึง ในมือมีประกาศอยู่แผ่นหนึ่ง
ซ่งฉงปิงหยิบมาดู เห็นว่าในประกาศเขียนไว้ว่าสามีของท่านเจ้าเมืองป่วยเป็นโรคประหลาดมาหลายปี จึงใช้เงินทองมากมายตามหาหมอ
สำหรับประกาศแบบนี้ ซ่งฉงปิงไม่ใส่ใจเลย
แต่ในเวลานี้ คนที่แต่งตัวเป็นองครักษ์โอบล้อมนางเอาไว้
ซ่งฉงปิงขมวดคิ้ว ปกป้องเด็กสองคนอยู่ข้างๆตัวเอง และเหลือบตามองไปที่องครักษ์ที่โอบล้อมนางเอาไว้
และนางก็สังเกตเห็นว่า คนที่เดินผ่านล้วนมองนางด้วยสายตาที่สงสาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...