ลู่เหิงจือลุกขึ้น รินน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่ง อุ้มนางขึ้นด้วยมือข้างเดียวและส่งน้ำไปที่ริมฝีปากของนาง
นางกระหายน้ำจริงๆ จึงดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
"ต้องการอีกไหม?" เขาถาม
ซูชิงลั่วพยักหน้า
ลู่เหิงจือเตรียมจะลุกไปรินน้ำให้นางอีกครั้ง แต่ก็ถูกนางจับข้อมือเอาไว้ทันที
ใบหน้านางแดงระเรื่อ เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน เรียกเขาว่า "พี่สาม..."
แววตาของลู่เหิงจือเข้มขึ้นเล็กน้อย มองดูนาง
ร่างกายของซูชิงลั่วเหมือนกับมีไฟลุก บางที่ก็รู้สึกทั้งคันและชา ก่อนที่จะรู้ตัว นางก็จับข้อมือของลู่เหิงจือไว้แล้ว
ข้อมือของเขาขาวสะอาดและผอมเพรียวแต่ก็ทรงพลัง
ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมอง
เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวดุจพระจันทร์ สีหน้าเย็นชา มองนางโดยไม่กระพริบตา ราวกับเป็นพระจันทร์ที่สูงสง่า
เสื้อคลุมยาวนั้นปักลายเถาไม้สีเขียว ดูเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยเข้าไปในใจของนาง
นางเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ
ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากแน่น จนกลิ่นคาวเลือดกระจายเข้าสู่ปากทันที
หยดเลือดไหลซึมออกมาจากริมฝีปากล่าง ลู่เหิงจือขมวดคิ้วมุ่น บีบคางของนางไว้ "อย่ากัด ยังเจ็บตัวไม่พออีกหรือไง?"
น้ำเสียงของเขากลับแฝงไว้ด้วยกระแสของความห่วงใย
ซูชิงลั่วไม่แน่ใจว่าความห่วงใยนี้เป็นเพียงภาพลวงตาหรือไม่ เพราะนางกำลังจะเสียสติแล้ว
ปลายนิ้วของชายหนุ่มเย็นเล็กน้อย เมื่อสัมผัสกับผิวนางทำให้รู้สึกเย็นๆ ความร้อนในร่างกายก็ดูเหมือนจะจางหายลงไปบ้าง
นางอดไม่ได้ที่จะต้องการมากกว่านี้
นางเงยหน้ามอง สบตาเข้ากับของชายหนุ่มพอดี
ดวงตาของเขาใสเย็นลึกซึ้ง ชวนให้หลงใหล
นางทนไม่ไหวอีกต่อไป ยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา
"เพล๊ง" เสียงถ้วยชาตกกระแทกพื้นจนแตก
ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นและจูบไปที่ริมฝีปากของเขา
สัมผัสที่อ่อนนุ่มยิ่งกว่าผ้าฝ้าย ทำให้นางอดต้องการมากกว่านี้ไม่ได้ แต่กลับถูกชายหนุ่มกดไหล่เอาไว้ก่อน
ลมหายใจของลู่เหิงจือสับสนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ถอยหลังเล็กน้อยและหยุดจูบนี้ด้วยความอดทน
เขามองนางด้วยสายตาที่หนักแน่น "เจ้าแน่ใจหรือ?"
ตอนนี้นางไม่มีสติเต็มร้อย เขาไม่ต้องการจะฉวยโอกาสตอนนี้
นอกจากนี้ ราชวงศ์นี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสตรีเป็นพิเศษ การเสียชื่อเสียงก่อนแต่งงานถือเป็นความผิดใหญ่หลวง เขาไม่อยากให้นางต้องแบกรับสิ่งนี้
แต่คำพูดนี้เมื่อได้ยินในหูของซูชิงลั่วกลับฟังเป็นการปฏิเสธอย่างชัดเจนของเขา
ในหัวนางนึกถึงเสียงเย็นชาของเขาในวันนั้น...ข้ากับคุณหนูซูไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?
หัวใจของซูชิงลั่วหล่นวูบไป อีกทั้งยังรู้สึกอับอายจนอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้
ทำไมต้องเป็นเขาด้วย?
ต่อหน้าคนที่นางไม่อยากให้เห็นสภาพยากลำบากของตัวเองที่สุด นางกลับเผยสภาพที่น่าอับอายนี้ แถมยังถูกเขาปฏิเสธอีก
ทั้งๆ ที่นางไม่ได้เป็นคนแบบนี้แท้ๆ
ความรู้สึกน้อยใจเข้ามาเกาะกุมในใจ แต่ไฟในร่างกายก็ยังคงพยายามควบคุมนางเช่นเดิม และดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
ซูชิงลั่วดึงปิ่นปักผมของตัวเองออกมาและปิดตาแทงจะแขนลงแขนตัวเองเต็มแรง
แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด
เมื่อนางลืมตาก็เห็นว่าลู่เหิงจือได้หงายฝ่ามือมาหยุดปิ่นปักผมนั่นไว้
เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือของเขาทันที หยดลงบนเสื้อผ้าบางๆ ของนาง ตอนที่ซึมผ่านเสื้อผ้าลงไปที่ผิวหนังของนาง มันยังรู้สึกอุ่นๆ อยู่เลย
ความอบอุ่นนั้นทำให้นางรู้สึกตัวในทันที
นางเงยหน้าไปมองลู่เหิงจือด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องรับบาดเจ็บแทนนางด้วย
"ท่าน..."
ลู่เหิงจือดึงปิ่นปักผมออกจากฝ่ามือ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำร้ายตัวเองอีก เจ้าเห็นคำข้าเป็นเพียงลมที่ผ่านหูอย่างนั้นหรือ?"
ซูชิงลั่วมองดูเลือดที่ไหลออกจากมือของเขา "ขอโทษ"
ลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบว่า "ไม่เป็นไร"
ซูชิงลั่วกัดฟัน “แต่ข้ามีบางอย่างที่…”
คำพูดที่เหลือกลับไม่สามารถพูดออกมาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แต่งกับขุนนาง