แต่ถ้าให้เขาเป็นอย่างนี้สิบวัน ก็คงน่าสมเพชกว่าฆ่าเขาเสียอีก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขาไม่สามารถบอกโหลชีถึงที่อยู่ของนายท่านได้
อีกสิบวันค่อยพูด มันก็คงสายเกินไป!
ทันใดนั้นเยว่ก็รู้สึกว่า สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
เพราะโหลชีรู้ว่าตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ได้ เลยไม่ได้รีบร้อนถามเรื่องของเฉินซ่า ถามแล้วก็ไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่มีปัญญาบอกนาง
"ข้าจะช่วยถอนพิษกู่ในตัวเจ้าก่อน"
ได้ยินคำพูดของโหลชีดวงตาเยว่เปล่งประกายขึ้นมาทันที! ความหมายของนางคือ หมายความว่าพิษกู่ชนิดนี้นางถอนได้เหรอ? นางถอนพิษได้? แม้แต่คนที่เลี้ยงกู่ก็ไม่มีวิธี แม้แต่คนหนานเจียงก็บอกว่าเป็นกู่ที่ไม่มีวิธีถอน นางถอนได้เหรอ? โอ้พระเจ้า ทำไมโหลชีถึงเก่งกาจเช่นนี้! ทำให้เขาอยากจดความงามความชอบให้นางอีกครั้ง!
โหลชีตรวจร่างกายเขาอย่างรอบคอบอีกครั้ง และแน่ใจว่าเขาถูกพิษกู่ชนิดนี้จริงๆ แล้วก็โล่งใจขึ้นมาจริงๆ หยุดล้อเล่นทันที และพูดอย่างจริงจัง "อันที่จริงกู่ชนิดนี้ถ้าจะถอนมันง่ายมาก แต่ว่าข้าต้องการสิ่งของบางซึ่งในร่างกายไม่มี ข้าจะพาเจ้าออกไป หาที่ซ่อนตัวก่อน แล้วข้าค่อยไปหาวัสดุยา"
องครักษ์เยว่กะพริบตาแสดงว่าเห็นด้วย แต่ว่านางจะพาเขาออกไปได้ยังไง?
ไม่นานเขาก็พบว่าตัวเองกังวลมากเกินไป โหลชีพยุงเขา จับตัวเขาราวกับไม่มีตัวตน กระโดดแล้วบินขึ้นไป ร่อนลงบนกำแพงรั้วลานบ้าน แล้วบินอีกครั้ง ใช้เท้าแตะบริเวณต้นไม้เพื่อเสริมแรง แล้วค่อยๆพาเขาบินออกไปจากจวนไป่ฮัว
โหลชีกังวลว่าฮูหยินไป่ฮัวอยู่ในเมืองนี้อาจมีสถานะและอำนาจสูงใหญ่ หากว่าพักอยู่ในโรงเตี๊ยมในไม่ช้าอาจจะถูกค้นพบ ดังนั้นนางจึงพาเยว่ไปหาบ้านพักของชาวบ้าน และพบบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูเหมือนเจ้าของจะไปต่างแดน ไม่ได้ไปทำลายกลอนประตู จึงพาเขาเข้าไปในห้องเก็บฟืนซึ่งมีเพียงประตูที่ปิดแต่ไม่ได้ล็อค
"ลำบากเจ้าแล้วองครักษ์เยว่ เจ้ารออยู่ที่นี่ ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด"
สิ่งของที่โหลชีต้องการนั้นแปลกมาก แต่ว่ามันก็ไม่ใช่สิ่งของพิเศษอะไร เป็นการบูรจากธรรมชาติ
ของสิ่งนี้นางไม่รู้จะหาจากที่ไหน และไม่รู้ว่าร้านขายยามีหรือเปล่า หลังจากค้นหาไปรอบๆก็ได้คำตอบจากยายท่านหนึ่ง และซื้อในร้านขายยาเล็กๆแห่งหนึ่ง
เมื่อกลับมาแล้วเห็นเยว่ลืมตาขึ้นและมองไปทางประตูตลอด เห็นฝ่ายตรงข้าม ทั้งคู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถอนพิษกู่ให้องครักษ์เยว่ใช้เวลาเพียงสิบห้านาที ทันทีที่ร่างกายฟื้นคืนเป็นปกติ เยว่ก็กระโดดขึ้นทันที "เยี่ยมมากโหลชี! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่เป็นไร! เรื่องของเจ้าเดี๋ยวค่อยพูด ตามข้าไปหานายท่านก่อน"
"เกิดเรื่องกับนายท่านเหรอ?"
"ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า น่าจะไม่ขนาดนั้น" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เยว่ก็อดไม่ได้ที่จะมองโหลชีด้วยท่าทางแปลกๆ ทันใดนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม "โหลชีเจ้ามีอิทธิพลต่อนายท่านมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดี?"
"เอ่อ?"
โหลชีไม่คาดคิดว่าจู่ๆเขาจะถามเรื่องนี้ขึ้นมา ชั่วขณะก็ตกตะลึง
"คนหนานเจียงกลุ่มนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่มีกลิ่นลมหายใจคล้ายเจ้า ข้าแค่คิดว่ารูปร่างคล้ายนิดหน่อย แต่นายท่านบอกว่าเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นลมหายใจของเจ้า เมื่อพวกเขาจากไป พวกเราก็เดินตามตลอด"
"และอยู่บนเนินเขา ในหมู่บ้านเล็กๆที่รกร้าง คนเจียงหนานเหล่านั้นกำลังพักผ่อน เดิมทีพวกเราก็กำลังพักผ่อนเหมือนกัน แต่ทันใดนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้น และเดินเข้าไปในหมู่บ้าน นายท่านให้ข้าพักผ่อนที่เดิม แต่ตัวเองเดินตามไป และข้าไม่ทันระวังก็ถูกกลลวง หลังจากคนเจียงหนานพวกนั้นไปแล้วข้าก็พบแม่นางเหลียนซึ่งเป็นสาวใช้ของฮูหยินไป่ฮัว"
และต่อจากนั้นเขาไม่จำเป็นต้องพูดต่อ เพราะโหลชีก็เห็นแล้ว
"ดังนั้น ไม่แน่นายท่านอาจยังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่รกร้างแห่งนั้น?" โหลชีอดไม่ได้ที่จะกังวลใจเล็กน้อย
นางเข้าใจสิ่งที่องครักษ์เยว่พูดเมื่อครู่นี้ เพราะผู้หญิงคนนั้นมีกลิ่นลมหายใจที่เหมือนนางเฉินซ่าเลยตามไปโดยไม่กลัวอันตรายใดๆ
"ถูกต้อง หลังจากที่พวกเราแยกจากกันก็ประมาณห้าหรือหกชั่วโมงแล้ว มันยากที่จะบอกว่าพวกเขายังอยู่ที่นั่นหรือไม่ แต่ยังไงก็ต้องลองไปดู"
"ไป ไป ไปดูกันเถอะ ข้าก็อยากรู้ว่า ผู้หญิงที่มีกลิ่นลมหายใจเหมือนข้าเป็นผู้หญิงแบบไหน!" โหลชีเกลียดที่สุดคือคนที่ปลอมตัวเป็นนาง แม้แต่เฉินซ่ายังจำคนผิด มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ต้องมีคนร้ายที่เจตนาทำ แต่พวกเขาทำได้อย่างไร?
ถ้านางเห็นผู้หญิงที่ปลอมเป็นนาง คอยดูสิว่านางจะฉีกหน้าอีกฝ่ายยังไง
"ผู้หญิงคนนั้นใส่หมวกที่มีผ้าคลุม มองไม่เห็นหน้า และรูปร่างก็คล้ายกับเจ้ามาก"
"เมื่อเห็นแล้วข้าก็จะรู้ว่าเหมือนข้าจริงหรือเปล่า" โหลชีพูดเยาะเย้ย
"พวกเราได้ม้าแล้วค่อยว่ากัน" นางครุ่นคิดแล้วก็พูดอีกครั้ง
ตอนที่โหลชีออกไปหาการบูรจากธรรมชาติ ก็พบตลาดม้า เมื่อทั้งสองไปถึงที่นั่น ก็พบกับกลุ่มสตรีที่กล้าหาญสวมใส่เสื้อผ้าที่คล่องตัวสีชมพูในมือถือกระบี่เดินเข้าไปในตลาดม้า กำลังพูดกับผู้คุมว่า "ปิดตลาดเดี๋ยวนี้"
"แม่นางอิน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาปิดตลาด"
"ข้าไม่สนหรอกว่าจะใช่เวลาปิดตลาดหรือเปล่า! นี่คือคำสั่งของฮูหยิน เจ้ากล้าขัดคำสั่งเหรอ?"
"เอ่อ ทำไมฮูหยินถึงต้องสั่งปิดเมืองเร็วขนาดนี้?"
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะถามได้ เอาเป็นว่า ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าใครก็ห้ามขายม้า ถ้ามีใครมาซื้อม้า ก็จับไว้ก่อน!"
"ยังจะจับคนเหรอ?"
"จับ จับให้หมด ถึงเวลาข้าจะมาเอานักโทษ!"
เพี๊ยะ!
ตบที่ใบหน้าของนาง น้ำหนักแรงมากจนนางล้มลงกับพื้น เพราะเล็บแหลมเกินไป เลยจิกที่ใบหน้านางจนเป็นรอยสามเส้น มีหยดเลือดไหลซึมออกมา
สาวน้อยเดิมทีมีใบหน้างดงามชั่วพริบตาก็เสียโฉมไปเลย
แต่ว่าสาวใช้คนนั้นไม่กล้าพูดอะไรเลย ลุกขึ้นมาอีกครั้ง และอยากไปจับมือฮูหยินไป่ฮัวอีกครั้ง สาวใช้อีกคนเดินมาพร้อมกับถาดอุปกรณ์เครื่องทำเล็บทุกชนิด และสาวใช้ก็ก้มศีรษะเพื่อทำความสะอาดเล็บของฮูหยินไป่ฮัว
สายตาฮูหยินไป่ฮัวไม่ได้มองนาง แต่จ้องไปที่แม่นางอินที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงบันได
"เจ้าหมายความว่า" น้ำเสียงของฮูหยินไป่ฮัวแม้จะเย็นชา แต่ถ้าฟังดีๆน้ำเสียงนั้นดูมีเสน่ห์ "ก่อนหน้านี้ก็ทำสาวใช้ทั้งหมดในสวนน้ำร้อนหมดสติ และตอนนี้ในตลาดม้าทั้งคนทั้งม้าต่างหมดสติ? เอาน้ำเย็นราดก็ยังไม่ฟื้นอีกเหรอ?"
แม่นางอินกัดริมฝีปากล่าง แล้วตอบว่า "ค่ะ"
"เสี่ยวเหลียนอยู่ที่ไหน?"
"ฮูหยิน เสี่ยวเหลียนอยู่นี่"
แม่นางเหลียนที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบคุกเข่าลงทันที
"เจ้าเป็นคนพาคนคนนั้นกลับมา เจ้าลองพูดซิ ก่อนหน้านี้เคยบอกข้าว่าคนคนนั้นถูกพิษกู่ เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ?"
ใบหน้าของแม่นางเหลียนซีดเซียว นางรีบพยักหน้าทันทีและพูดว่า "ฮูหยิน เสี่ยวเหลียนไม่กล้าหลอกลวงท่าน ตอนที่เสี่ยวเหลียนพบเขา บุคคลนั้นถูกพิษกู่จริงๆ แม้แต่ตอนที่เสี่ยวเหลียนเปลี่ยนชุดผู้หญิงให้เขาเขาก็ไม่มีแรงที่จะต้านทาน!"
ฮูหยินไป่ฮัวโบกมืออีกข้างหนึ่ง มีชายหนุ่มรูปงามท่าทางลามกออกมาจากแผ่นกั้น เขาค่อยๆเดินตามหลังฮูหยินไป๋ฮัว และใช้มือทั้งสองข้างบีบไหล่ของนางเบาๆ บีบไปบีบมา มือนั้นก็เลื่อนลงจากไหล่ เลื่อนไปที่คอเสื้อของนาง และจับหน้าอกที่ตั้งเต้าตูมเต่งของนาง และฮูหยินไป่ฮัวก็ชอบการปรนนิบัติแบบนี้ ดวงตาที่งดงามค่อยๆหรี่ลงเล็กน้อย
"ดังนั้น ไม่ใช่เพราะร่างกายของเขาแตกต่างจากคนทั่วไป ที่สามารถถอนพิษกู่ได้รวดเร็วเช่นนี้ ก็คือมีคนมาช่วยเขาถอนพิษกู่ คนที่สามารถถอนพิษกู่ชนิดนี้ได้......" ทันใดนั้นนางก็เบิกตากว้าง และเปล่งแสงประกายออกมา "ข้าสนใจมาก! ยังมีอีกเรื่อง ผู้ชายคนนั้นเหมือนดังที่เจ้าพูดไหม หน้าตาดีมาก?"
เสี่ยวเหลียนรีบพูด "ขอตอบฮูหยิน ผู้ชายคนนั้นหล่อที่สุดเท่าที่เสี่ยวเหลียนเคยเห็นมา!"
"เป็นไปได้ไหมว่า หล่อกว่ารัชทายาทยู่?"
"ใช่ค่ะ" เสี่ยวเหลียนพูดโดยไม่ลังเล
"ดีๆๆ ผู้ชายที่หน้าตาดีขนาดนี้ ข้าจะยอมปล่อยไปได้ไง!" ทันใดนั้นฮูหยินไป๋ฮัวก็ออกคำสั่งทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ