โหลชีมีความสุข และพูดประโยคหนึ่งในห้อง "นายท่านของข้าแซ่เฉิน"
นางรู้ว่าถ้าพูดอย่างนั้นซือเอ๋อร์ จะได้ยินเป็นแซ่เฉิง แน่นอน แซ่เฉินนั้นหายากมาก ดังนั้นคนมักจะนึกไม่ถึงว่าแซ่เฉิน
ซือเอ๋อร์คิดว่าเป็นแซ่เฉิงจริง ๆ ยิ้มแล้วถอยกลับ
สาวน้อยไม่เชื่อที่ป้าฮวาพูด แต่ตอนนี้แม้แต่ซือเอ๋อร์ก็พูดอย่างหนักแน่นว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นชายที่หล่อเหลามากจนไม่มีใครเทียบได้จริงๆ ทำให้นางต้องเชื่อ
"คุณหนู ถ้าท่านกลับไปที่จวน จะต้องถูกฮูหยินบังคับให้แต่งงานไปอยู่ที่จวนตระกูลเฉียนแน่นอน วันนี้รถม้าเสีย บางทีพระเจ้าอาจทรงขัดขวางไม่ให้ท่านกลับจวน"
สาวน้อยหลับตาลง มีความโศกเศร้าเล็กน้อย "ท่านพ่อแต่งงานใหม่ก็ฟังแต่คำพูดของนางแพศยาคนนั้น ถึงกับจะยกข้าให้ไปแต่งงานกับชายแก่ ถ้าข้าไม่กลับไปโวยวายจะรู้สึกไม่สบายใจ"
"แต่ตอนนี้นายท่านเชื่อฟังฮูหยิน เกรงว่าคุณหนูไปโวยวายแล้วมันก็ไร้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้คุณหนูบอกว่าจะไปหาพี่สาวฝั่งแม่ที่จินโจวไม่ใช่หรือ? หรือพวกเราไปจินโจวกัน"
"เจ้านี่มันสาวใช้แพศยาพูดได้ง่ายจัง จินโจวอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ จะไปยังไง? รถม้าเสียแล้ว แม้แต่คนขับก็วิ่งหนีไป!" สาวน้อยเอื้อมมือไปบีบนาง
ซือเอ๋อร์อดทนกับความเจ็บปวดและพูดว่า "คุณหนู ตอนนี้ก็เป็นโอกาสแล้วไม่ใช่หรือ?"
สาวน้อยสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
หลังทานอาหารเย็นแล้ว เฉิงสิบทำความสะอาดโต๊ะเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไป โหลชีนึกถึงมู่หลาน และตัดสินใจไปดูสถานการณ์นางอีกครั้ง แต่เฉินซ่าดึงนางไว้
"รีบพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เช้าต้องรีบออกเดินทางต่อ" หลังจากเขาพูดจบก็อดไม่ได้ที่จะอุ้มนางขึ้นบนเตียง และเข้านอน
โหลชีพูดไม่ออก พึ่งทานเสร็จแล้วจะนอนหลับไปได้อย่างไร? นางคิดว่าตัวเองนอนไม่หลับ แต่คิดไม่ถึงว่าพอนอนลงไปไม่นานก็ผล็อยหลับไป และก็หลับจนถึงสว่าง
เมื่อโหลชีตื่นนอนก็ได้ยินเสียงของสาวใช้ที่ชื่อซือเอ๋อร์ที่เคยมาเมื่อคืนนี้ น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล และดูเหมือนกำลังคุยกับองครักษ์เยว่
"คุณชาย คุณหนูข้าน้อยเป็นคนลงมือทำอาหารเช้าเอง โปรดไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารด้านหน้า"
เช้าขนาดนี้ก็ตื่นมาทำอาหารเช้าให้พวกเขาหรือ? โหลชีรู้สึกมันคงน่าสนุก เมื่อคืนพวกเขาก็ได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูบ้านนี้แล้ว แต่ไม่เคยเห็นนาง ขยันขนาดนี้ไม่รู้ว่าต้องการทำอะไร
นางรู้สึกว่าตลอดการเดินทางอย่างเร่งรีบเพื่อกลับพั่วอวี้มันน่าเบื่อมาก และถ้ามีใครหาเรื่องสนุกๆมาให้นางก็ไม่รังเกียจจริงๆ
นางไอ นางพูดก่อนที่เยว่จะปฏิเสธ "องครักษ์เยว่ อย่าทำร้ายจิตใจและความหวังดีของคุณหนูเลย"
ใบหน้าของเยว่เคร่งขรึมทันที คำพูดนี้มันกำกวมไปหน่อย พูดราวกับว่าเขามีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคุณหนูของสาวใช้คนนี้ เขาพูดอย่างเย็นชา "โหลชี พานายท่านไปล้างหน้าแปรงฟัน!"
ซือเอ๋อร์ดีใจมาก ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาวใช้จริงๆ เหมือนนาง! ชื่อโหลชีหรือ? ชื่อยังแย่กว่าของนางด้วยซ้ำ
ชั่วขณะหนึ่งซือเอ๋อร์ยืดอกอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อย มีใบหน้าแดงก่ำแล้วมองไปที่เยว่
นางดูออกแล้ว สถานะตำแหน่งขององครักษ์เยว่ท่านนี้ไม่ได้ต่ำ! ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าราศีของเขาจะเทียบคุณชายเฉิงคนนั้นไม่ได้ แต่เขาก็หล่อมาก นางอยูในเมืองหลวงก็ได้เห็นหนุ่มหล่อและมีพรสวรรค์มากมาย แต่ไม่มีคนใดที่จะดูดีเท่าเขา
ถ้าแผนวันนี้ของคุณหนูสำเร็จ เป็นไปได้ไหมที่นางกับองครักษ์เยว่ท่านนี้......
เยว่มองดูสาวใช้ที่แอบมีความสุขคนนี้ แล้วขมวดคิ้ว
แม้ว่าเยว่จะเรียกให้โหลชีล้างหน้าแปรงฟันให้เฉินซ่า แต่มันจะเป็นไปได้ไงที่นางจะทำเช่นนั้น เป็นผู้ชายทั้งแท่งใช่ว่าจะไม่มีมือไม่มีเท้า ยังต้องให้คนอื่นมาล้างหน้าแปรงฟันให้อีกหรือ? ให้คนอื่นมาปรนนิบัตินางไม่สนใจ ให้นางทำนางไม่ทำแน่นอน แต่ว่าตอนที่อยู่ในตำหนักจิ่วเซียวเฉินซ่าก็รู้แล้วให้นางมาปรนนิบัตินั้นมันเป็นไปไม่ได้ เฉิงสิบยกน้ำร้อนเข้ามา เขาก็ลงมือทำเอง
โหลชีเร็วกว่าเขา หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ลากเขาไปทานอาหารเช้า เฉินซ่านึกถึงคำพูดของซือเอ๋อร์เมื่อครู่นี้ ก็ขมวดคิ้ว
"ไปยกมาให้ข้า"
"อย่าเลย ไปทานกันตรงนั้นเถิด พวกเรายังไม่เคยเจอคุณหนูคนนั้นเลย"
โหลชีเกาะแขนของเขา และดึงเขาออกไป
มียายรับใช้อีกสองคนอยู่หน้าประตูห้องอาหาร แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อหยาบ มีผ้าโพกอยู่บนศีรษะ รูปร่างอ้วนท้วม ดูแล้วเหมือนหญิงที่ทำนาบ่อยๆ ใบหน้าของนางไม่มีความซื่อเรียบง่ายไร้เดียงสาเหมือนชาวนาทั่วไป แต่กลับมีใบหน้าที่เย่อหยิ่ง แค่มองเห็นพวกเขาก็รู้ว่าเป็นคนที่คบยาก
ในเวลานี้ พวกนางกำลังยืนอยู่หน้าประตูข้างละคน และคนที่ยืนอยู่ข้างซ้ายก็พูดแปลกๆ "ไม่รู้จริงๆใครเป็นคนอบรมสั่งสอน คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่มาจากไหน ถือโอกาสที่ทุกคนทำงานจนเหนื่อยและนอนหลับจึงปล่อยคนเข้ามา ช่างกล้าหาญจริงๆ ชายชู้ถึงกับนั่งรถม้ามา......"
"เพี๊ยะ!"
การตบอย่างกะทันหัน ตบจนยายรับใช้นั้นล้มลงกับพื้น ศีรษะกระแทกใส่ใต้เสาประตู ทำให้นางกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
"ไอ้บ้าเอ้ยกล้าตบข้าหรือ......"
นางถูกลากขึ้นอีกครั้งทันที "เพี๊ยะ!" เป็นการตบหน้าที่เสียงดังอีกครั้ง
คราวนี้นางไม่กล้ากรี๊ดแล้ว ยังเห็นไม่ชัดเจนว่าเป็นใคร แต่ถูกตบหน้าจนบวมเหมือนหัวหมูแล้ว ทีแรกที่โดนตบยายรับใช้อีกคนก็เห็นคนที่เดินมาตบแล้ว และนางก็ตกใจจนอ้าปากค้างและยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จะมีเวลาไปสนใจมองเพื่อนได้อย่างไร
"เยว่ จ่ายค่าตอบแทนให้คุณหนูผู"
เฉินซ่าพูดประโยคนี้ออกมา ผูยู่เหอก็ยังไม่เข้าใจความหมาย เยว่ได้ยื่นแผ่นทองจำนวนหนึ่งให้ซือเอ๋อร์ "นายท่านของข้าให้ค่าตอบแทนคุณหนู"
ซือเอ๋อร์ "......"
ป้าฮวา"......"
ผูยู่เหอ"......" จู่ๆนางก็รู้สึกเหมือนอยากร้องไห้ นี่เปรียบเทียบนางเหมือนกับป้าฮวาหรือ? เมื่อคืนให้รางวัลป้าฮวา แล้วตอนนี้นางทำอาหารเช้า ดังนั้นให้รางวัลนางหรือ? ถ้าอย่างนั้นนางก็กลายเป็นคนรับใช้แล้วหรือ?
ไม่ใช่คนรับใช้หรือ?
โหลวชีพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกั้นเสียงหัวเราะ ทุกคนก็รู้ว่ายายรับใช้สองคนนั้นพยายามจะแนะนำความดีของคุณหนูเพื่อจุดประสงค์อันใด แต่เฉินซ่านี่สิ มอบค่าตอบแทนให้โดยตรง ช่างเป็นเรื่องที่......ดูถูกกันเสียจริง!
ในสายตาของผูยู่เหอและคนอื่นๆ นี่คือท่าทีของการดูถูกเหยียดหยาม แต่ในมุมมองของเฉินซ่า เขาและอีกฝ่ายไม่รู้จักกัน พักอาศัยอยู่บ้านคนอื่น ทานอาหารของคนอื่น ก็ต้องให้เงินอีกฝ่ายมัน ก็เหมือนการซื้อขาย เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล เขาไม่ได้คิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะเขาไม่ได้สนใจผูยู่เหอ และเขาไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับนางเกี่ยวกับเรื่องความรัก
ดังนั้นเขาจึงขอให้เยว่ให้รางวัลกับนางจากนั้นก็ดึงโหลชีมานั่งข้างเขา "ไม่มีละครให้ดู ทานข้าวกันเถิด"
โหลชีกลอกตา จำใจต้องนั่งลง
"เยว่ นั่งลงสิ"
เฉินซ่าก็ให้เยว่นั่งด้วย เยว่หันหลังกลับและสั่งให้เฉิงสิบไปยกอาหารมาจากโรงครัว จากนั้นก็นั่งข้างๆเฉินซ่าอีกด้านหนึ่ง ไม่มีใครให้ผูยู่เหอนั่งด้วย ทั้งเจ้านายและองครักษ์รู้สึกว่าพวกเขาจ่ายเงินแล้ว และได้ซื้ออาหารเช้าโต๊ะนี้แล้ว และก็ไม่รู้สึกว่าอึดอัดใจเลย
ในทางกลับกันโหลชีเหลือบไปที่ผูยู่เหอ ยิ้มและถามว่า "คุณหนูผูทานหรือยัง?"
เมื่อได้ยินเสียงของนาง ขณะนี้ผูยู่เหอพึ่งสังเกตเห็นโหลชี และจ้องไปที่ใบหน้านาง อย่างแรกแววตามีร่องรอยของความประหลาดใจแวบเข้ามา จากนั้นก็มีความอิจฉาริษยา และสุดท้ายคือไม่พอใจ
เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่งสามารถนั่งทานข้าวร่วมโต๊ะกับนายท่าน ไม่มีมารยาทจริงๆ!
แต่นางกลัวที่จะเสียโอกาสที่จะได้นั่งทานข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับเฉินซ่า ดังนั้นจึงพูดว่า "ยังเลย"
ต่อจากนั้น คุณชายท่านนี้คงจะให้นางนั่งทานอาหารด้วยกัน นางมองไปที่เฉินซ่าด้วยความหวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ