เดิมทีเก่ออิงไม่ได้สนใจกับเมล็ดแตงโม และรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับความอัปยศ เขาเรียนจบจากสำนักมาหลายสิบปีแล้ว และไม่เคยถูกคนที่อายุน้อยกว่าล้อเลียนแบบนี้ ขณะนี้รู้สึกแน่นหน้าอก คิดแต่ว่าจะทำให้ปากของโหลชีพูดไม่ได้!
แต่เมื่อเมล็ดแตงมาถึงตรงหน้าพึ่งรู้สึกหัวใจหนาวเหน็บ เมล็ดแตงโมนั้นมีเจตนาฆ่าอย่างดุเดือด แต่ละเมล็ดดูเหมือนจะพุ่งมาทำร้ายใบหน้าของเขา!
เดิมทีดาบของเก่ออิงเข้าใกล้ปากนางแล้ว แต่ตอนนี้ต้องรีบดึงดาบกลับ และตัวเองก็รีบเอนตัวถอยกลับอย่างรวดเร็ว พลิกข้อมือ แสงของดาบได้ปัดเมล็ดโตออก แต่ในขณะนี้ เขาก็ได้ยินเสียงโหลชีตะโกนอีกครั้ง "ลองชิมขนมพุทราอีกชิ้น!"
เขายังไม่ทันมอง วัตถุชิ้นหนึ่งได้กระแทกเข้ามาที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง แฝงด้วยกำลังภายในที่แข็งแกร่ง
เก่ออิงโกรธมาก และได้ใช้พลังดาบสับสิ่งของนั้นจนละเอียดอีกครั้ง! แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากสับสิ่งของนั้นจนละเอียดแล้วก็กลายเป็นผุยผงเล็กๆแล้วพุ่งใส่ใบหน้าของเขา ด้วยกลิ่นของพุทรา แม้ว่าจะเป็นผงแป้ง แต่มันแฝงด้วยกำลังภายใน เมื่อติดบนใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าว ในเวลานี้เองที่เขาพึ่งตั้งสติได้ เมื่อกี้สิ่งที่นางพูดคือขนมพุทรา!
ถึงกับใช้อาหารว่างมาเป็นอาวุธ! และเขาก็โดนกลอุบายจริงๆ! ลำคอของเก่ออิงมีความหวาน และก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสามลิตร
"นางแพศยารังแกกันเกินไปแล้ว!"
เก่ออิงชูดาบ มีเสียงดาบลากยาว ด้านหลังตามด้วยเสียงกีบม้า ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย มีม้าเจ็ดหรือแปดตัววิ่งเข้ามา ชั่วพริบตามันก็อยู่ข้างหน้าพวกเขา คนขับรถม้าหลายคนในมือจับแส้ม้าแล้ววิ่งมาในทิศทางที่พวกเขาอยู่
"อ๊ะ!"
เกิดเสียงดังขึ้น รถม้าที่ผูยู่เหอและซือเอ๋อร์นั่งอยู่ รถม้าทั้งคันถูกทุบจนแยกออกจากกัน ผูยู่เหอกับซือเอ๋อร์กรีดร้องและกอดกันไว้แน่น มีไม้กระดานแผ่นใหญ่กำลังจะกระแทกใส่แผ่นหลังพวกนาง โหลวซิ่นเหวี่ยงดาบ ไม้กระดานนั้นก็ปลิวออกไป ไปกระแทกใส่ชายคนหนึ่ง
"ไอ้เฒ่าแพะนี่ไร้ยางอายจริงๆ ตัวเองสู้ข้าไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องการหาตัวช่วย" เสียงของโหลชีเต็มไปด้วยการดูหมิ่น และก็เกือบทำให้เก่ออิงโกรธ
"เจ้านี่ปากร้ายนัก ข้าอยากจะดูว่าอีกสักครู่เจ้ายังจะพูดได้ไหม! เฉินซ่า! บอกว่าเจ้าเป็นวีรบุรุษ เป็นฝ่าบาทในพั่วอวี้ ทำไม ตอนนี้ทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้หญิงรึ?"
"นายท่านของพวกเราไม่ลงมือเพื่อให้เจ้ามีชีวิตอยู่นานหน่อยเจ้ากลับไม่รู้คุณ? ก็ได้ นายท่าน ให้ความปรารถนาของเขาสำเร็จลุล่วง ส่งเขาไปที่สวรรค์เพื่อไปดื่มชากับพระยูไล!"
เฉินซ่าบีบเอวของนาง และสาปแช่ง"เรื่องมากน่าเบื่อ"
โอบร่างของนางและทะยานขึ้นสูง และไม่สนใจเก่ออิง แต่พุ่งไปที่ผู้ชายที่กำลังขี่ม้ามา กระแทกฝ่ามือข้างเดียว และกำลังภายในที่น่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้สองคนนั้นหล่นลงจากม้า และกระอักเลือดออกมา
"ไร้เหตุผลสิ้นดี!" เดิมทีเก่ออิงก็โกรธจนจะบ้าตายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งโกรธจนแทบหายใจไม่ออก! หลายคนที่เขาพามาวันนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสำนัก แน่นอนว่าพวกเขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินซ่า ความตั้งใจเดิมของเขาคือตัวเองต่อสู้กับเฉินซ่า สำหรับศิษย์หลานหลายคนนี้เพียงแค่ฆ่าองครักษ์เหล่านั้นก็พอ ไม่คาดคิดว่าตั้งแต่เริ่มแรกเฉินซ่าก็หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าเขา แต่พุ่งเป้าไปที่ศิษย์หลานของเขาแทน!
ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ทำได้!
เก่ออิงกำลังจะไปฆ่าเยว่ แต่น้ำเสียงของโหลชีที่ทำให้เขาโมโหก็ดังขึ้นอีกครั้ง "เฮ้ย ไอ้แพะเฒ่า คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!"
เสียงนั้นอยู่ด้านหลังของเขาแล้ว!
เขาหันศีรษะด้วยความตกตะลึง และหลบกริชของโหลชีที่กำลังจะเฉือนไปที่คอของเขาอย่างหวุดหวิด แต่กริชคมมาก แม้ว่ามันจะไม่ได้สัมผัสตัวเขาตรงๆ แต่แสงที่เปล่งออกมาที่ก็ปาดผิวของเขา เขารู้สึกถึงอาการแสบและความเจ็บปวดนั้น และประหลาดใจ
เมื่อมองดูอีกครั้ง โหลชียังอยู่ในอ้อมกอดของเฉินซ่า!
ในขณะนี้นางได้โจมตีเขา แต่เฉินซ่ายังใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวของนาง แล้วพลิกฝ่ามือกระแทกไปที่ศิษย์หลานของเขา! สองคนนี้กอดกัน และยังสามารถโจมตีบุคคลในทิศทางที่ต่างกันได้ในเวลาเดียวกันได้!
แต่ทำไมพวกเขาถึงต้องกอดกัน?
มีบางอย่างแวบเข้ามาในสมองของเก่ออิง เขาอยากรู้ความคิดนี้ แต่กริชในมือของโหลชีก็กำลังจะเฉือนถูกคอของเขาอีกครั้ง การต่อสู้แบบนี้เป็นการดูถูกเขา! เป็นไปได้ไหมที่นางคิดจะตัดหัวของเขา?
เขายอมรับว่ากังฟูของนางสูงกว่าที่เขาคิดไว้มาก และกำลังภายในของนางนั้นล้ำเลิศมาก แต่ว่านางน่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบปี แต่เขาอยู่ในโลกยุทธภพนี้มาหลายสิบปีแล้ว ตอนที่เขาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองคาดว่านางคงยังไม่เกิด! ยังคิดที่จะเด็ดหัวของเขา!
"นังแพศยา ครั้งนี้ถ้าฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าจะไม่ขอแซ่เก่อ!"
"อืม ถ้างั้นเจ้าก็ชื่อไอ้แพะเฒ่าดีแล้ว!"
พิชิตวันที่อยู่ในมือของโหลชี ตอนนี้กำลังภายในของนางแข็งแกร่งขึ้น เมื่อใช้พิชิตวัน ก็ยิ่งเพิ่มพลังของพิชิตวัน! ชั่วขณะทำให้เก่ออิงต้านทานการรุกไม่ไหว
เฉินซ่าเห็นเยว่และคนอื่นๆควบคุมสถานการณ์ที่นั่นได้แล้ว ก็ไม่ได้ให้ความสนใจคนเหล่านั้นอีก จึงอุ้มโหลชีต่อสู้กับเก่ออิงโดยตรง
พวกเขาร่วมมือกันได้สมบูรณ์แบบมาก แม้ว่าจะไม่ได้มาจากสำนักเดียวกัน และก็รู้จักกันไม่นาน แต่ทั้งสองอาจเคยร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกันหลายครั้ง ก็เลยเข้าใจซึ่งกันและกัน เหมือนจิตวิญญาณเชื่อมโยงต่อกัน โหลชีต้องการไปทางซ้าย เขาจะไม่ไปทางขวา
เพียงแต่ว่าการต่อสู้ของพวกเขาโดยไม่ยอมแยกจากกันนั้นมันทำให้เก่ออิงสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ทุกวันที่สิบห้าของเดือน เฉินซ่าจะป่วยด้วยโรคแปลกๆ พูดไม่ได้ ขยับร่างกายไม่ได้ เหมือนคนพิการ! วันนี้ก็เป็นวันที่สิบห้าหรือเปล่า?
แต่ทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไร? ไม่ ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นอะไรเลย เขาไม่กล้าปล่อยโหลชี! ทันใดนั้นเก่ออิงเบิกตากว้างขึ้นทันที เขารู้สึกว่าตัวเองได้ค้นพบกับความจริงที่น่าตกใจ!
เป็นไปได้ไหม เป็นไปได้ไหมที่โหลชีจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคแปลกๆของเขา? อุ้มนางไว้ ก็สามารถยับยั้งโรคแปลกๆของเฉินซ่า?
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ทุกคนในโลกที่เป็นศัตรูของเฉินซ่าคงต้องการปลิดชีวิตของโหลชี! นางจะกลายเป็นเป้าหมายของผู้คนจำนวนมากที่ต้องการกำจัดนาง!
ผูยู่เหอไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่บนนิ้วขาดนั่น แต่นางลุกไม่ขึ้น เมื่อรู้ว่าก้นของตัวเองได้นั่งบนนิ้วขาดที่เป็นของคนที่ตายแล้ว ผูยู่เหอเกือบใจสลาย "อ๊ะ......"
"หุบปาก ถ้ายังโวยวายอีกก็จะทิ้งพวกเจ้าไว้ตรงนี้!" โหลชีพูดอย่างเคร่งขรึม
"......"ซือเอ๋อร์รีบปิดปากแน่น และเสียงกรีดร้องของผูยู่เหอก็หยุดกะทันหัน
ผูยู่เหอเห็นว่าเฉินซ่ายังกอดโหลชีไว้ในอ้อมแขนตลอด ก็อิจฉาจนแทบเป็นบ้า
"รถม้าถูกทำลายไปหนึ่งคัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องนั่งรถม้าเดียวกันกับมู่หลาน" เยว่ให้เฉิงสิบและคนอื่นๆเก็บสัมภาระ เฉิงสิบได้ทำความสะอาดพิชิตวันเรียบร้อย และส่งไปให้โหลชี
โหลชีรับไว้ ใส่ลงในปอก เก็บไว้ที่ข้างเอวของตัวเอง ตอนนี้พิชิตวันเกือบจะเป็นของนางแล้ว เพราะส่วนมากนางจะเป็นคนใช้
แม้ว่าก่อนหน้านี้ผูยู่เหอจะเคยเห็นมู่หลาน แต่มู่หลานก็ไม่เคยพูดอะไร และปิดหน้าไว้ นางไม่ได้อยากรู้อยากเห็นมากนัก แต่เมื่อจะต้องนั่งอยู่ในรถม้าเดียวกันนางก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นของมู่หลานที่เผยออกมาดูมืดมนและน่ากลัวเล็กน้อย
"ข้าไม่อยากนั่งรถม้าเดียวกันกับนาง ข้าไม่ต้องการ"
เฉิงสิบขมวดคิ้ว "ถ้างั้นเจ้าอยากขี่ม้ารึ?"
ม้าที่ลากเกวียนก็เป็นม้าที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ม้าที่พวกเขาจะนั่งได้ เฟยเหินกับท่าเสวี่ยมีจิตวิญญาณ จะตามหลังม้าเกวียนของพวกเขาตลอด
"ข้าขี่ม้าไม่เป็น"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็อยากเดิน"
"ข้าต้องการนั่งรถม้ากับฝ่าบาท รถม้าของฝ่าบาทนั้นใหญ่มาก!" ผูยู่เหอตะโกน
เฉิงสิบมองนางเหมือนกำลังมองคนโง่ "เจ้า?"
"ใช่ ทำไมรึ ไม่ได้รึ? บอกให้โหลชีลงมา นางเป็นแค่สาวใช้ มีคุณสมบัติอะไรที่จะนั่งรถม้ากับฝ่าบาท!" ผูยู่เหอตะโกนเสียงดัง โดยหวังว่าเฉินซ่าจะได้ยิน
อันที่จริงเฉินซ่าได้ยินแล้ว และเสียงของเขาแว่วมาจากรถม้า "ถ้าไม่หุบปากก็ตัดลิ้นของนางออกมา"
"ครับ ฝ่าบาท!" เฉิงสิบตอบรับ แต่ดวงตามองไปที่ผูยู่เหอ ราวกับว่ารอให้นางพูดอีกครั้งก็จะตัดลิ้นของนางเพื่อเป็นการลงโทษ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ