นี่คือช่วงเวลาที่โหลชีจนหนทางที่สุด และเป็นช่วงเวลาที่โหลชีร้อนรนมากที่สุด
ครั้งสุดท้ายที่ติดอยู่ในค่ายกลสรรพสิ่งยิ้มฝันกับเฉินซ่า แม้จะอันตรายอย่างยิ่งยวด และนางก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่อย่างน้อยนั่นก็เป็นค่ายกลที่นางรู้จัก นางรู้วิธีการที่แก้ค่ายกล เพียงแต่ว่ากำลังภายในนางน้อยไปนิด จึงแก้ค่ายกลได้ทรมานและลำบากมากเท่านั้น
แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป นางไม่รู้วิธีการเอาไยของหนอนดอกเมฆออกจากร่างของเฉิงสิบเลย และนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นตรงน้ำประหลาดนี่! และสองเรื่องนี้ก็ยังดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกัน
นางมีความรู้สึกจนปัญญาอย่างหนัก กระทั่งใจก็ร้อนดังไฟ
และแล้วอารมณ์ทั้งหมดก็ระเบิดออกมาเมื่อเห็นว่าน่าหลานฮั่วซินและพรรคพวกของนางใช้โอกาสนี้แอบผ่านลำธารไปอย่างเงียบๆ
น่าหลานฮั่วซินที่ผ่านลำธารและวิ่งออกไปจนถึงบริเวณที่ปลอดภัยหันกลับมา แล้วพบกับสายตาของโหลชี นางยิ้มพราย ยกมือขึ้นมาทำท่าเชือดคอ แล้วหันหลังกลับไปอย่างอารมณ์ดี
โหลชีกัดฟันและมองดูแผ่นหลังนางเดินไกลออกไป เจ็บใจจนอยากจะกระอักเลือด นางเคยเสียเปรียบขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หากแค้นนี้ไม่ได้ชำระ นางก็จะไม่ขอใช้แซ่โหล!
แต่ในขณะที่นางกำลังแค้นใจอยู่นั้น มังกรน้ำก็ได้พันรอบข้อมือขวาของนาง และลากนางลงลำธารด้วยพลังอันมหาศาล ถูกดึงด้วยพลังนี้ โหลชีล้มลงกับพื้นก่อนที่จะถูกลากลงไปในลำธาร
"แม่นาง" โหลวซิ่นตะโกน ปล่อยเฉิงสิบแล้วรีบวิ่งไปคว้าเท้าของโหลชี แรงฉุดนางชะงัก
"อ๊ากกก" เฉิงสิบกรีดร้องอีกครั้ง เขาจับดึงตัวหนอนพวกนั้นด้วยสองมืออย่างสุดชีวิต แต่การทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์ ในทางกลับกันหนอนดอกเมฆพวกนี้กลับฉวยโอกาสติดอยู่ที่มือเขา และตอนนี้มันก็กำลังจะห่อหุ้มร่างกายส่วนบนของเขาไว้หมด เฉิงสิบคุกเข่าลงพร้อมกับคำรามด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี "อ๊ากกกกก"
เขาอยากจะอดทน แต่ความเจ็บปวดนั้นมากเกินกว่าขอบเขตที่จะทนได้ ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวด แต่ยังรวมถึงความกลัวและสิ้นหวังด้วย หากบอกว่าการตายในสนามรบ สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่ศีรษะถูกฟันด้วยมีดหรือดาบ หรือถูกแทงทะลุหัวใจในดาบเดียว แต่เขาล้วนไม่กลัวสิ่งเหล่านั้น
แต่ตอนนี้ความรู้สึกของเส้นใยหนอนนับพันเส้นหมื่นเส้นที่ชอนไชในร่างกายนั้นรู้สึกน่าขยะแขยงเกินไป และความเจ็บปวดนั้นอธิบายไม่ได้เลย เขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นสัตว์ประหลาดสักอย่างหนึ่ง
"เฉิงสิบ" โหลชีตะโกนออกมา ตัวสั่นไปทั้งตัว นางเจ็บใจมากที่ต้องเห็นสหายของนางตายไปโดยที่นางเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย
แรงที่ดึงโหลชีเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โหลวซิ่นเองก็ไม่สามารถดึงนางไว้ได้อีก ทั้งสองคนเกือบจะถูกดึงเข้าไปในกระแสน้ำ
โหลชีกัดฟันยื้อไว้จนสุดแรง หรือท้ายที่สุดนางก็มีเพียงแต่ต้องไปทางนั้นหรือ?
การตายของนาง แลกกับชีวิตของเฉิงสิบและโหลวซิ่น
หนึ่งชีวิต แลกสองชีวิต คุ้มค่าแล้ว!
โหลชีกัดปลายลิ้นของนาง รสปร่าของเลือดกระจายคลุ้งไปทั่วปาก
ทันใดนั้นโหลวซิ่นก็พบว่าลมหายใจของโหลชีเปลี่ยนไป ความโกรธ ความสิ้นหวัง ไร้เรี่ยวแรง ความเจ็บปวด ความวิตกกังวล ทั้งหมดหายไปตอนนี้นางสงบมาก ไม่ใช่สิ เย็นชา เย็นชาถึงขีดสุด ลมหายใจของนางอยู่ๆก็ดูมืดมนไร้ขอบเขต ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน
และพลังอันแรงกล้าที่ดึงพวกเขาดูเหมือนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน ราวกับถูกกดทับด้วยความโหดเหี้ยมนี้
เขาช่วยพยุงนางลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงง เห็นเพียงแค่มือซ้ายของนางทำมุทรา ดูเหมือนว่าเหมือนมีอากาศบางๆสายหนึ่งหมุนวนอยู่รอบๆนิ้วของนาง จากนั้นนางก็พ่นละอองเลือกออกมาทันที
"แม่นาง!"
"ด้วยคำสาปเลือดดวงชะตาของข้า ชำระล้าง!" โหลชีแสดงท่าทีเย็นชา ดวงตาของนางราวกับถูกแช่แข็งไปหลายพันลี้แผ่จิตสังหารไร้ขีดจำกัดออกมาจากตัว
น้ำประหลาดนั่นไหลกลับเข้าไปในลำธารราวกับว่าหวาดกลัว และลำธารก็สงบราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
มีลมกระโชกแรง และผมสีดำของนางก็พัดปลิวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
โหลวซิ่นถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรั้งไม่อยู่ โหลชีไม่สนใจเขา แต่กลับเดินไปที่เฉิงสิบทีละก้าว จากนั้นนางก็เอื้อมมือออกมากระชากใยหนอนที่พันกันแน่นดึงออกอย่างแรง
"ตายไปให้หมด!"
ฟู่วว ละอองเลือดพุ่งออกมาอีกระลอกหนึ่ง และเมื่อใยหนอนเหล่านั้นก็ละลายไปเมื่อถูกย้อมด้วยเลือด
โหลชีใช้สองมือทำมุทรา แล้วกดฝ่ามือลงบนศีรษะของเฉิงสิบ มีหมอกระเหยออกมาจากฝ่ามือของนางและค่อยๆ ห่อหุ้มร่างกายของเฉิงสิบอย่างช้าๆ
โหลวซิ่นมองดูใยหนอนสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนไหลลงมาจากร่างกายของเฉิงสิบราวกับน้ำตกที่ปกคลุมพื้นดิน ทันใดนั้นก็ถูกไฟไหม้และกลายเป็นควันไฟด้วยความสยดสยอง
เขาดีใจที่โหลชีสามารถกำจัดหนอนดอกเมฆได้ แต่เมื่อของเขามองไปยังที่โหลชี เขาตกใจมากและร้องออกมา: "หยุดมือ แม่นาง หยุดมือ!"
เขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน โหลชีที่หน้าตาสวยงาม ผิวขาวใสราวกับแก้ว เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับกระดาษ รอยยับย่นปรากฏขึ้นที่หางตา ปาก และแก้มของนาง และใบหน้าของนางก็หมองคล้ำ ราวกับว่าอยู่ๆนางก็เหมือนแก่ไป 30 ปี!
โหลวซิ่นจำได้ว่าคำสาปเลือดดวงชะตาที่นางพูด คงมิใช่ว่าทำให้เลือดและความเยาว์วัยของนางหายไปใช่ไหม?
ถ้าเป็นเช่นนั้น ช่วยเฉิงสิบไว้ได้ แต่กลับเป็นการเอาชีวิตนางไป เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไรกัน!
โหลวซิ่นรีบแล่นเข้าไปหาว่าดวงตาที่แดงก่ำคิดจะผลักนางออกไป แต่โหลชีเพียงแค่หันหน้าไปด้านข้างและเหลือบมองเขาจริงๆ เขารู้สึกหนาวสั่นตั้งแต่ก้นบึ้งของหัวใจจนถึงฝ่าเท้า แล้วเขาก็หยุดเท้าอย่างควบคุมไม่ได้
นัยน์ตาของแม่นางโหลช่างน่ากลัวยิ่งนัก
โหลชีรู้ว่าชีวิตของนางกำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่หัวใจของนางกลับเยือกเย็นและสงบนิ่ง นางไม่ชอบนิสัยส่วนนี้ของตัวเอง แต่นี่ก็เป็นช่วงเวลาที่แข็งแกร่งที่สุดของนางเช่นกัน
"แม่นาง แม่นางรีบหยุดมือเถิด" โหลวซิ่นกำลังจะหมดหวังลงทุกที ในเวลานั้นเองเสียงสวดมนต์ดังก้องจากบนท้องฟ้า
"อมิตาพุทธ"
ที่ปรากฏหาใช่ภิกษุที่ห่มจีวรและถือประคำ แต่กลับเป็นชายชราผมและเคราสีขาว สวมชุดสีขาว
เดิมนางก็สงสัยมาแต่ไหนแต่ไรว่าผลไม้พวกนี้คงจะมีสรรพคุณพิเศษอยู่ จนได้ยินผู้เฒ่าผู้นี้พูดขึ้นมา นางก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือสิ่งนี้
ผู้เฒ่าแทบกระอักเลือด เขาเพียรค้นหามาครึ่งปี อีกทั้งยังเลือกเข้ามาหาในส่วนที่อันตรายที่สุดอีกด้วย ใครจะไปคาดคิดว่าสุดท้ายต้นไม้นี้จะเติบโตอยู่ตรงทางเข้าป่า?
หากเป็นคนธรรมดาคงไม่มีใครอยากกินผลไม้นี้ เพราะว่าหน้าตาของมันไม่ค่อยน่าพิสมัยนัก เปลือกของมันก็คล้ายกับผิวของศพ
ใครจะไปคิดว่าเมื่อแม่นางน้อยเจอก็สนใจทันที
เป็นโชคชะตาจริงๆ
ผู้เฒ่าถอนหายใจ "อามิตตาพุธ"
"อย่ามัวแต่อามิตตาพุธอยู่เลย ท่านมิใช่ภิกษุเสียหน่อย จะช่วยหรือไม่ช่วยก็พูดมาเลยดีกว่า หากเลือกที่จะไม่ช่วยก็อย่ามารบกวนข้าอีก"
เมื่อโหลชีพูดจบ นางก็เริ่มกินผลไม้สองลูกที่เหลือ
นางไม่ได้โง่ ในเมื่อท่านผู้เฒ่าบอกว่าผลไม้นี่ช่วยชีวิตนางได้ เช่นนั้น ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม นางก็จะขอกินก่อนแล้วค่อยว่ากัน ก่อนหน้านี้นางกินไปแล้วสามลูก พอกินให้ครบห้าลูก ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ต้องรอให้เขาลงมือ นางก็อาจจะมีทางรอด
ในชั่วพริบตา ผลไม้ทั้งสองลูกก็ถูกนางกินเข้าไปจนหมด แม้ผู้เฒ่าจะอยากแย่งมาก็แย่งไม่ได้
"นี่ แม่นางน้อย เจ้ากลัวว่าผู้เฒ่าอย่างข้าจะแย่งเจ้างั้นรึ?" ถ้าตอนนี้นางมีอยู่ห้าลูก เขาคงจะแย่งมาแน่ๆ แต่นี่นางมีแค่สองลูก แย่งมาจะมีประโยชน์อะไร
ชายชราบ่นอุบ
ทันทีที่นางกินผลไม้สองลูกนี้ไป โหลชีรู้สึกว่าพลังชีวิตที่ออกจากร่างกายอย่างรวดเร็วนั้นกลับช้าลงทันที นางใจชื้นขึ้นมา ดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องตายแล้ว
ทันทีที่นางโล่งใจ โหลชีคนที่อำมหิตก็หายไป และโหลชีที่โหลวซิ่นและคนอื่นๆคุ้นเคยก็กลับมา
"แม่นาง?" เฉิงสิบเองก็สงบลง หมอกโลหิตก็สลายไปแล้ว ส่วนใยหนอนดอกเมฆบนใบหน้าและลำคอของเขาก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย
แต่เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของโหลชีที่แก่ลงไปอีกสามสิบปี ใจของเขาสั่นสะท้าน เขาคุกเข่าลงพื้นลุกไม่ขึ้น
พวกเขาเป็นแค่องครักษ์ เป็นแค่คนติดตามของนาง ไยนางต้องทำเพื่อพวกเขามากมายเช่นนี้? ดวงตาของเฉิงสิบเต็มไปด้วยน้ำตา
"ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ตายหรอก" โหลชีรู้สึกลึกๆ ว่าสวรรค์ยังคงเข้าข้างนางอยู่บ้าง หากนางไปใช้คำสาปเลือดดวงชะตาที่อื่น นางจะต้องตายอย่างแน่นอน ใครจะคิดว่าในหุบเขาเทพมารจะมีผลไม้วิเศษที่สามารถช่วยนางได้?
"แต่ว่า แม่นางรูปโฉมของท่าน" แม้ว่าตอนนี้จะรอดชีวิตมาได้ แต่ใครจะทนได้ที่อยู่ๆก็มีหน้าตาเหมือนคนอายุสี่สิบหรือห้าสิบปี
หากจักรพรรดิเห็นสภาพนางตอนนี้ พวกเขาจะต้องถูกห้าม้าแยกร่างอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ