แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือ เฉินซ่าล้มไปทางโหลชีอย่างรวดเร็ว ราวกับมั่นใจว่าโหลชีต้องรับเขาได้แน่
โหลชีมือหนึ่งประคองไหล่เขาไว้ พอสัมผัสนาง ร่างกายแข็งเกร็งของเฉินซ่าพลันผ่อนคลายลง โหลชีกลับได้ยินเขาส่งกระแสจิตอย่างรีบร้อนว่า "อาจารย์นางมีปัญหา อย่าเปิดเผยเรื่องที่เจ้าสามารถผ่อนคลายความเจ็บปวดจากพิษกู่กำเริบของข้าได้ ปล่อยข้า นางมอบให้เจ้า!"
คำพูดนี้เขาพูดเร็วมาก โหลชีเข้าใจความหมายของเขาในบัดดล ในใจนางพลันผ่อนคลายลง เขาให้เฟยฮวนเข้ามา เพราะอาจารย์ของนางน่าสงสารงั้นรึ?
คนที่จะทำให้เฉินซ่าเชื่อใจทั้งหมด และยอมมอบตนเองให้ยามพิษกู่กำเริบนั้นน้อยมาก ต่อให้เป็นพวกอิงกับเยว่ก็ไม่แน่จะยอมเอนร่างหา
แต่เขากลับเชื่อใจโหลชีหมดใจ
บางครั้งโหลชีเคยรู้สึกว่า คนคนนี้เจ้าเล่ห์ไปหน่อย เขาใช้ความเชื่อมั่นหมดทั้งตัวทั้งหัวใจของเขาโผเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง ดังนั้นนางเลยไม่มีหนทางจะตัดสินใจจากไปได้
แต่ว่าบนตัวเขา นางก็ไม่ใช่ไม่เคยได้รับความอบอุ่น ไม่เคยมีใครเชื่อใจนางหมดทั้งตัวทั้งหัวใจแบบนี้เลย และยังอยากครอบครองหัวใจนางอย่างบ้าคลั่งไม่สนใจอะไรแบบนี้ด้วย
ไม่ว่ายังไงก็ตาม คำพูดนี้ของเฉินซ่าโหลชีเข้าใจในทันที
เขาจะแสดงละคร ก็ไม่ถือว่าแสดงละครหรอก เพราะเวลาพิษกู่กำเริบมันต้องเจอความทุกข์ทรมานแบบนี้จริงๆ นางไม่ใช่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เขาแข็งแกร่งขนาดนั้น เมื่อก่อนก็อดทนมามากมายขนาดนั้นแล้ว ทนทนอีกหน่อยก็ไม่มีปัญหาหรอก
การสื่อสารระหว่างพวกเขาอันที่จริงแค่ชั่วพริบตา
นิ้วมือข้างที่แตะเลือดของเฟยฮวนค้างกลางอากาศ และยื่นมือเข้ามาอย่างรวดเร็วอีก ปากรีบพูดต่อ "องรักษ์เยว่ องครักษ์อิง พวกเจ้ารีบพยุงฝ่าบาท คำสาปเลือดของข้าน้อยสามารถควบคุมพิษกู่ของฝ่าบาทได้!"
โหลชีกระชากหมอเทวดาเข้ามา จี้จุดใบ้ของเขา และผลักเฉินซ่าไปหาเขา ที่จี้จุดใบ้ของเขาเพราะกลัวเขาเห็นเฉินซ่าทุกข์ทรมานจากพิษกู่กำเริบแล้วทนไม่ไหวเรียกนางไปช่วย ในเมื่อเฉินซ่าบอกว่าห้ามเปิดเผยนาง งั้นก็ไม่เปิดเผย
ในเวลาเดียวกัน นางก็ยื่นมือออกไปจับข้อมือเฟยฮวนแน่น จ้องมองนางตรงๆ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกราวน้ำค้างแข็งว่า "ข้าให้เจ้าลงมือแล้วรึ?"
เฟยฮวนสบสายตานางอย่างเยาะหยันไม่ถอยหนีเลยสักนิด "อาจารย์ของข้าน้อยเคยบอก ข้าน้อยเกิดมาเพื่อฝ่าบาทโดยเฉพาะ ข้าน้อยมาที่นี่เพื่อฝ่าบาท จริงสิ ท่านยังไม่รู้กระมัง กู่ปลิดชีพของฝ่าบาทต้องใช้สตรีที่ถือกำเนิดในวันหยินเดือนหยินปีหยินถึงจะสามารถแก้พิษได้ รู้ว่าจะแก้อย่างไรรึไม่?"
โหลชียิ้มเยาะมุมปาก "แก้ยังไง?"
เฟยฮวนกดเสียงต่ำ เขยิบเข้าใกล้นาง ดูแล้วราวกับจะปรึกษาอย่างละเอียดกับนาง อันที่จริงจากมุมของเยว่และอิงมองไม่เห็นสีหน้าและแววตาของนาง นางพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันหยามหยันว่า "ระหว่างชายและหญิง นอกจากมีสัมพันธ์กันแล้วจะมีอะไรอีก?
นางพูดคำนี้เพียงเพื่อจะยั่วโมโหโหลชีเท่านั้น แน่นอนว่าไม่อาจให้เยว่และอิงได้ยิน แต่นางไม่คิดเลยว่า พอโหลชีฟังเสร็จจะหัวเราะเสียงดังออกมา และแกล้งพูดเสียงสูงว่า "อะไรนะ? เจ้าอยากรีบร่วมมีสัมพันธ์กันกับฝ่าบาท? เฮ้อ ข้าล่ะสงสัยจริง สามารถพูดคำว่ามีสัมพันธ์กันนี้ออกมาได้ง่ายๆ แม่นางชุ่ยฮวาเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาจริงรึ?"
เสียงบรึ้ม สีหน้าเฟยฮวนแดงเรื่อทันที
น่าตาย น่าตายยิ่งนัก!
นางเพียงแค่พูดให้นางฟังเท่านั้น มิได้คิดให้นางพูดออกมาต่อหน้าบุรุษมากมายเพียงนี้!
นางกัดฟันกรอดด้วยความโกรธจัดว่า "เจ้าเองมิได้พึ่งพูดออกมารึ?"
โหลชีหัวเราะพรืดด้วยความขำ "ใช่ไง เจ้ามิรู้รึ สตรีผู้ออกเรือนแล้วจะค่อนข้างปล่อยวาง เจ้าก็ออกเรือนแล้วรึ?"
สีหน้าเฟยฮวนราวกับจะหลั่งเลือด
แต่ตอนนี้เฉินซ่าสิหลั่งเลือดจริงๆ ช่วงต้นของการที่พิษกู่กำเริบ ทนน่ะเขาทนได้ แต่เริ่มมีเลือดไหลออกจากรูขุมขนทั่วร่างแล้ว ดวงตาของเขาเริ่มแดงก่ำไปด้วยเลือด เจ็บ เจ็บมาก ถึงจะทนได้ แต่ก็เจ็บจนแทบจะสลบไปเลย
เขาพยายามทน และก็ยิ้มเศร้าในใจ สตรีผู้นี้กำลังล้างแค้นใช่หรือไม่? ล้างแค้นที่เมื่อครู่เขามองเฟยฮวนนั่น และยังให้นางเข้าตำหนักสาม?
สตรีผู้นี้ในด้านนี้จิตใจช่างเล็กเสียยิ่งกว่าเข็มเสียอีก เขามีหรือจะไม่รู้
นางจิตใจคับแคบเพียงนี้ เขามีหรือจะกล้าให้เฟยฮวนนั่นแก้กู่ให้ มีหรือจะกล้า
ด้านหนึ่งเยว่กับอิงมองดูเฉินซ่าอยู่ด้วยความร้อนใจ อีกด้านก็มองโหลชี แต่พอพวกเขาเห็นโหลชีจี้จุดใบหมอเทวดาก็เข้าใจในทันทีว่า อาจจะมีบางเรื่องไม่สะดวกพูดออกมา โหลชีไม่ให้พวกเขาส่งเสียง พวกเขาร้อนใจแค่ไหนก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนนางง่ายๆ
แต่หลังจากได้ยินบทสนทนาของพวกนางแล้ว พวกเขาก็เริ่มสับสน นี่ ตอนนี้มาคุยเรื่องนี้ มันดีแล้วรึ?
เฟยฮวนชี้หน้าโหลชีอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่า "เจ้ามันขี้หึง!ฝ่าบาทจะเป็นจักรพรรดิของแคว้น จะมีสตรีแค่เจ้าคนเดียวได้อย่างไร?"
นางไม่เชื่อดอก ไม่เชื่อว่าเฉินซ่าจะรับปากเงื่อนไขแบบนี้ของสตรีผู้หนึ่งจริงๆ
โหลชียิ้มเย็นบอก "ข้ายังมีบุรุษคนเดียวคือเขาได้เลย เขาถือดียังไงไม่อาจมีข้าเป็นสตรีคนเดียวได้? อีกอย่าง ข้าขี้หึงหรือไม่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนนอกเยี่ยงเจ้ากระมัง?"
เยว่ยังพูดอย่างกังขาว่า "พระสนม แต่ที่ผ่านมาพวกเรา ไม่เพียงหากระสายยา ยังตามหาสตรีที่เกิดใยามหยินวันหยินเดือนหยินปีหยินมาตลอดด้วย บุคคลเยี่ยงนี้ไม่เพียงหายากยิ่ง ยังต้องอายุเหมาะสม บางทีอาจจะมีเพียงแค่คนนี้คนเดียว..." ยังก็มิอาจหาที่อายุเจ็ดสิบแปดสิบได้กระมัง หรือจะเอาเด็กทารกหญิงมาแก้กู่ให้นายท่านรึ?
เฟยฮวนได้ยินคำนี้ยิ่งได้ใจ นางเชิดปากขึ้นเล็กน้อย "พระสนม เป็นคนมิอาจเห็นแก่ตัวเยี่ยงนี้ได้ หากท่านชอบฝ่าบาท จะยอมให้เขาตายรึ? หรือว่า ท่านยอมให้เขาทรมานเยี่ยงนี้ต่อไป..." เฟยฮวนพูดและหันไปมองเฉินซ่า มองไปหนึ่งครั้ง นางพลันชะงักอึ้ง
แค่ไม่ได้มองพริบตาเดียว เฉินซ่าเลือดท่วมตัวแล้ว! และดวงตาคู่นั้นของเขาราวกับย้อมไปด้วยเลือด!นางรู้ว่าเฉินซ่าโดนพิษโดนกู่ จะกำเริบทุกวันที่สิบห้าของทุกเดือน เดิมนางอยากรอถึงวันที่สิบห้า แต่วันนี้นางโดนยั่วยุเข้าให้แล้ว รอไม่ได้แล้ว ดังนั้นเลยใส่คำสาปให้พิษกู่ของเขากำเริบ นางจะทำให้พวกเขารู้ความจริงเรื่องที่นางเป็นหญิงธาตุหยิน ให้พวกเขายกย่องนาง นางจะเข้าตำหนักสามมาตอกย้ำโหลชี และจะยั่วยวนหัวใจเฉินซ่าด้วย นางไม่เชื่อว่าด้วยฝีมือของนาง แค่บุรุษผู้เดียวนางจะยั่วยวนไม่สำเร็จ!
ดังนั้นนางจึงตรงไปหาหมอเทวดา และยังหาตัวองครักษ์เยว่และองครักษ์อิงเจอด้วย ทำให้พวกเขาต่างรู้ว่าตนเป็นจุดสำคัญในการแก้กู่ของเฉินซ่า จากนั้นบอกว่านางจะยกอาหารบำรุงมาให้เฉินซ่า พวกเขาต่างเห็นด้วยที่จะพานางเข้ามาด้วยเนี่ย!
แม้กระทั่งยังไม่ทันรายงานเฉินซ่า ก็พานางเข้ามาเลย
แต่นางไม่คิดเลยว่า พอเห็นนาง เฉินซ่ากลับนั่งอยู่ตรงนั้น พูดเสียงขรึมว่า ให้นางไสหัวออกไป
หากมิใช่เพราะหมอเทวดาพูดเรื่องฐานะหญิงธาตุหยินของนางออกมา เขาคงซัดฝ่ามือส่งนางออกไปแล้ว เขาจะทำอย่างนั้นจริงๆ
เฟยฮวนไม่เชื่อจะมีคนยอมรอความตาย
ตอนนี้เห็นท่าทางเฉินซ่าแบบนี้แล้ว ขณะเดียวกับที่นางตกใจ ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า เขาต้องการนาง!
"ท่านดูท่าทางฝ่าบาทสิ" นางพลันหันไปบอกโหลชี "ดูสิ!ท่านยอมเห็นฝ่าบาทได้รับทุกข์ทรมานเยี่ยงนี้รึ? ข้าแก้กู่ให้เขา คือมอบพรหมจรรย์ของข้าให้เขา!วิธีแก้กู่เยี่ยงนี้ หากเป็นบุรุษย่อมยินดีกันกระมัง?" ภายใต้ความตกใจและเย่อหยิ่งภูมิใจ เฟยฮวนกล้าพูดหมดทุกอย่างแล้ว "ท่านถือสิทธิ์อะไรไม่ยินยอม? หลีกไปเลย!ตอนนี้ข้าสามารถควบคุมพิษกู่ของฝ่าบาทได้!ใต้เท้าองครักษ์เยว่ ใต้เท้าองครักษ์อิง พวกท่านรีบห้ามนางสิ อย่าให้นางขัดขวางข้า!"
โหลชีหัวเราะขึ้นมา นางขยับซ้ายไปสองก้าว ไปยืนด้านหน้าเฉินซ่า สองมือกอดอก สายตาพุ่งไปที่เยว่และอิง "ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับพวกเจ้าสองคน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ