สิ่งที่น่ากลัวของธนูนำวิถี คือไม่ว่าเจ้าจะขยับหรือไม่ขยับ ก็หนีไม่รอด!
ทุกอย่างเกิดขึ้นระหว่างแสงแปลบตอนฟ้าแลบ คนที่ซ่อนตัวอยู่ในป่า คนฝั่งของตนเอง จิตใจล้วนตึงเครียดกันหมด เสียงหัวเราะแหบแห้งที่ทำให้คนหวาดกลัวของคนคนนั้นดังก้องอยู่ในป่าอยู่ตลอด
"ฮ่าๆ.....เป็นไปได้อย่างไร?!"
เสียงหัวเราะของเขาหยุดลงกะทันหัน ตกตะลึงจนแทบจะกระโดดออกมา
ลูกธนูสามดอก ก่อนที่ยิงถูกโหลชี ก็ถูกตัดขาดกลางคันพร้อมๆกัน ธนูหักหกส่วนทยอยร่วงหล่นลงไปบนพื้น! มองอย่างละเอียดอีกที ผู้ชายเคร่งขรึมที่สวมชุดดำทั้งชุดคนหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้าของโหลชี ในมือถือมีดสั้นเอาไว้เล่มหนึ่ง
"นั่นคือ...พิชิตวัน!"
พิชิตวันออกมา ตัดธนูนำวิถีของเขาขาดนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร! เพียงแต่ว่าวิชาอำพรางตัวของผู้ชายคนนี้กลับแข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้ เมื่อครู่นี้เขาซ่อนอยู่ที่ไหน พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย!
"พระสนม ไม่เป็นไรใช่ไหม?" เทียนอิ่งไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่หันมาด้านข้างเล็กน้อยแล้วกล่าวถาม
โหลชีกล่าวว่า: "ไม่เป็นไร เจ้าก็ระวังตัวด้วย ธนูนำวิถีจะประมาทไม่ได้" นางไม่รู้จริงๆว่าที่นี่ยังมีการยิงธนูที่ร้ายกาจขนาดนี้
คนพวกนี้คือกลุ่มอำนาจที่มีอยู่เดิมของทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้ หรือว่าถูกจ้างให้มาฆ่านาง?
เทียนอิ่งพยักหน้า: "พระสนมวางพระทัย" แต่ว่า ในใจเทียนอิ่งก็รู้สึกโชคดีมาก โชคดีที่ฝ่าบาทมอบพิชิตวันให้กับเขา เขาเป็นองครักษ์ลับ ชำนาญการให้มีดสั้นมากกว่าการใช้กระบี่
โหลชีโบกมือ สั่งให้ทุกคนกลับมารวมกัน จะให้พวกเขาฝึกฝนนั้นไม่ผิด แต่ตอนนี้ดูแล้วอีกฝ่ายมีนักธนูที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง ย่อมไม่สามารถไปรนหาที่ตายโดยเปล่าประโยชน์ได้
ทุกคนมารวมตัวกันอยู่รอบตัวของนางอย่างรวดเร็ว เฉิงสิบกับโหลวซิ่นก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ในที่สุดก็สามารถยืนอยู่ข้างกายของแม่นางแล้ว
"ยิงธนูได้เก่งกาจมีประโยชน์อะไร? ท่านก็ยังกล้าแค่เพียงซ่อนตัวเป็นเต่าหดหัวไม่ใช่หรือ แน่จริงก็แสดงตัวออกมาเลยสิ" โหลชีกล่าวเสียงดัง
"วูวู!"
นางเกือบลื่นล้มลงไป เหลือบมองเจ้าตัววู๊วูที่อยู่ไม่ไกลออกไป มันยังจะเฝ้าอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ขาหน้าโอบเป็นวงกลม นอนราบอยู่บนพื้นครึ่งตัว ดูเหมือนว่ากำลังปกป้องอะไรบางอย่างอยู่
นี่คือส่งเสริมให้นางเอาของล้ำค่าไม่ต้องเอาชีวิตแล้วใช่ไหม? ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ยังจะวูวูอะไรอีก ยังจะให้นางไปดูอีก!
โหลชีจ้องมองไปครู่หนึ่ง
รอแป๊บหนึ่งก่อน เจ้าเด็กโง่!
วูวู ของล้ำค่านะ!
หนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกจ้องมองกันไปมา
เสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมาอีกครั้ง: "วิธีการยั่วยุใช้ไม่ได้กับข้า"
โหลชีหัวเราะเหอะๆขึ้นมา: "ถ้างั้น ท่านต้องขี้เหร่จนอยากร้องไห้แน่ ก็ถูก ขี้เหร่ไม่ใช่ความผิดของท่าน แต่ถ้าหากออกมาทำให้คนตกใจนั่นคือความผิดของท่านแล้ว ท่านมีความตระหนักรู้ในตัวเองขนาดนี้ ก็ควรจะให้ท่านสมหวัง"
อิ้นเหยาเฟิงเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา
คนเขาก็บอกแล้วว่าวิธีการยั่วยุใช้ไม่ได้ผล นางก็ยังยั่วยุต่อไปอีก
ครั้งนี้เสียงแหบแห้งแฝงไปด้วยเจตนาตอกกลับ น้ำเสียงเย็นชาลงไปมาก "นังเด็กเวร ความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้ว......"
คำพูดของเขายังไม่ทันจบ โหลชีก็ขัดจังหวะการพูดของเขาแล้ว "ท่านจะบอกข้าว่าความตายมาอยู่ตรงหน้าแล้วยังจะปากแข็งอีกใช่ไหม? ความจริงที่นี่มีที่ปากแข็งยิ่งกว่าอีกนะ ท่านจะลองดูหน่อยไหม?"
"อะไรนะ......" คนคนนั้นยังไม่ทันตอบสนองกลับมา โหลชีก็เป่านกหวีดเสียงดังขึ้นมาแล้ว เสียงนกหวีดพุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า ครู่ต่อมา เสียงอินทรีดังขึ้นในท้องฟ้า เงาร่างที่น่าเกรงขามของเจ้าขาวก็บินพุ่งลงมา โหลชีโบกมือไปทางทิศทางหนึ่ง "เจ้าขาว ฆ่าเขาซะ!"
ปีกขนาดใหญ่นั่นในตอนที่เข้าไปในป่ากลับพับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างใหญ่พุ่งเข้าไปในป่าอย่างยืดหยุ่น จะงอยปากอันแหลมคมจิกไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งด้วยความแม่นยำอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ความเร็วนั่น ความแข็งแกร่งนั่น ไม่ด้อยไปกว่าธนูนำวิถีเมื่อครู่นี้แน่นอน! และนี่ยังเป็นการไล่ตามได้ด้วยตัวมันเองอีกด้วย
พูดไปเงาร่างของนางก็โฉบเข้าไปในป่าทึบทันที ชั่วพริบตา นางสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ตึงเครียดของหลายสิบชีวิตนั้น แล้วยังเสียงถอยหลังสองสามก้าวของคนที่ทนไม่ไหวดังขึ้นมา นางหัวเราะฮ่าๆออกมาอย่างอดกลั้นเอาไว้ไม่ได้ เงาร่างที่อยู่กลางอากาศแวบไปทางด้านข้าง หลอกลวงพวกเขาไปครั้งใหญ่
คนพวกนั้นนึกว่าโหลชีจะกระโจนเข้าไปจริงๆ คิดไม่ถึงว่านางจะพุ่งไปทางจิ้งจอกม่วง คนที่ชื่อเสี่ยวซูกับเซินจื่อต่างก็กัดฟันด้วยความโกรธ พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าโหลชีจะจัดการยากขนาดนี้ แผนการที่เดิมทีวางเอาไว้อย่างดี นางไม่เดินอ้อมแล้ว วางกับดักเอาไว้ในป่าอีก นางกลับรู้ตัว ไม่เข้าป่าแล้ว!
สุดท้าย ยังทำให้พวกตกใจอีก
"พุ่งออกไปลงมือโดยตรงเลย! จัดการกับพวกมันยังไม่จำเป็นต้องใช้กลไกกับดักมากมายหรอก!
"ใช่ ฆ่าพวกมันซะ! จับเป็นโหลชี!"
"จับเป็นโหลชี!"
เสียงโห่ร้องตะโกนฆ่าดังขึ้นมา คนเหล่านั้นก็ไม่สนใจการดักซุ่มโจมตีแล้ว พุ่งออกมาจากป่าทึบ ยกดาบพุ่งไปทางโหลชีอย่างดุดัน
เทียนอิ่งกับเฉิงสิบโหลวซิ่นสามคนขวางอยู่ข้างหน้าพร้อมกัน
"ใครกล้ารบกวนพระสนมของเรา ฆ่าไม่เว้น" น้ำเสียงของเทียนอิ่งเคร่งขรึม อาจเป็นเพราะติดตามเฉินซ่ามานานแล้ว ถึงได้มีความรู้สึกเหมือนเขาเล็กน้อย
"ยังคิดจะจับเป็นแม่นางของเรา ฝันก็ไม่มีเรื่องดีขนาดนี้หรอก!" โหลวซิ่นฮึออกมาคำหนึ่ง
เฉิงสิบยกกระบี่ขึ้นมา "ทุกคนฟังคำสั่ง ยึดการปกป้องตัวเองให้ดีเป็นที่ตั้ง ฆ่า! นี่ก็เป็นการฝึกฝนของพวกเจ้าเช่นกัน!"
สามสิบห้าคนเดิมทีก็เป็นทหารอยู่แล้ว เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ถึงแม้ตอนแรกจะลนลานเล็กน้อย แต่ไม่ช้าก็สงบนิ่งลงมาได้ สามารถติดตามโหลชีมาถึงที่นี่ได้เดิมทีก็ไม่ใช่ผู้อ่อนแออยู่แล้ว ชักอาวุธของตนเองออกมาทันที ชั่วขณะหนึ่งได้ยินเพียงเสียงชักกระบี่ดังขึ้นมา มากน้อยก็แฝงไปด้วยไอสังหารเย็นยะเยือกเล็กน้อย
ฝั่งโน้นกำลังจะทำสงคราม โหลชีกลับนั่งยองๆลงไปข้างกายของวู๊วู ยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้วจิ้มไปที่หน้าผากของมัน "เจ้าจิ้งจอกโง่ มันคืออะไรที่ทำให้เจ้าให้ค่ามันขนาดนี้ได้?"
เวลานี้วู๊วูถึงเพิ่งจะปล่อยขาหน้าที่คอยปกป้องเอาไว้ตลอด ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ