ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 376

และที่ยิ่งน่ากลัวไปกว่านั้นคือ โหลชีกลับมองการฝึกฝนของผู้ชายคนนี้ไม่ออก แต่องครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาทั้งสองคน มีระดับการฝึกฝนที่ไม่แพ้เทียนอิ่งเลย

ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่นี้ นางไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้มาก่อนเลย

สมองของโหลชีใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่ารัก "ใช่แล้ว คุณชาย ท่านคืนมันให้ข้าได้หรือไม่"

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เทียนอิ่งที่พบกับโหลชี ยังไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของนางเลย ถ้าหากอิงอยู่ที่นี่จะพบว่า ตอนที่พวกเขาเพิ่งจะรู้จักกับโหลชี นางก็เป็นเช่นนี้ ใช้ความน่ารักหลอกให้คนตายใจ

"จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วง และยังเป็นตัวที่มีสติปัญญาอีกด้วย ที่นี่จะมีได้อย่างไร"สายตาของผู้ชายคนนั้นหมุนไปช้า ๆ มองไปทางวู๊วู "เจ้าตัวเล็ก เจ้ามาจากที่ใด"

โหลชีได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกตกใจ ความหมายที่เขาพูดเช่นนี้ หรือว่าเขาจะไม่ใช่คนในแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางแห่งนี้ เป็นไปหรือไม่ว่า เขาเป็นคนที่มาจากทางนั้น

หรือว่า เขาเป็นคนของลัทธิสิ้นโลกีย์

เมื่อคิดเช่นนี้ หัวใจของโหลชีก็เกิดความระแวงขึ้นมา นอกจากเฉินซ่าแล้ว เขาเป็นคนที่สองที่นางพบที่นี่แล้วต้องเตรียมใจป้องกันเอาไว้ ไม่กล้าที่จะเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเอง

"วู๊วู"

แน่นอนว่าวู๊วูย่อมพูดไม่ได้ แต่โหลชีกลับรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ต้องรู้เรื่องต่างๆไม่น้อยแน่ ถ้าหากนางพูดเหลวไหลอีกฝ่ายอาจจะจับได้

แต่ตอนนี้นางรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมวู๊วูจึงไม่กลัวผู้ชายคนนี้และไม่มีทีท่าจะดิ้นรนเลย กลับกันยังทำราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี

"จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงตัวนี้ได้มาจากหุบเทพมาร"

สายตาของชายหนุ่มคนนั้นหมุนวนอีกรอบ "หุบเทพมาร ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้"

ตอนนี้เอง แสงของของล้ำค่าชิ้นนั้นได้อ่อนโยนลง ไม่แสบตาขนาดนั้นแล้ว โหลชีเงยหน้าขึ้นมองไป ในที่สุดก็มองเห็นหน้าตาของมันได้อย่างชัดเจน แต่ที่ทำให้นางคิดไม่ถึงเลยก็คือที่นั่นมีหอยเบี้ยอยู่ตัวหนึ่ง

ข้างหน้าเป็นกำแพงหินสีดำ แต่ด้านในของกำแพงหินที่อยู่ในระยะสามเมตรมีปากของหินหอยเบี้ย ในปากของหินหอยเบี้ยยังมีน้ำใสๆอยู่แอ่งหนึ่ง ในน้ำมีเปลือกหอยหินที่เกิดจากธรรมชาติอยู่ตัวหนึ่ง

ดูก็รู้ว่านี้ไม่ได้มาจากการแกะสลักของฝีมือคน แต่ธรรมชาติสามารถให้กำเนิดสิ่งนี้ขึ้นมาได้ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์จริงๆ

แต่โหลชีสังเกตอยู่สักพักก็ดูออกว่า นี่เป็นเพราะว่าข้างบนมีน้ำที่ไหลเอื่อยๆลงมา มีรูปร่างคล้ายเปลือกหอยแต่ด้านในกลวงพอดี เป็นไปได้ว่าข้างล่างมีหินฟอสซิลจากหอยอยู่ชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ถูกน้ำที่ไหลลงมาชักเอาชั้นหินที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกออกไปจนหมด ทำให้เปลือกหอยกลับสู่สภาพเดิม

และเดิมทีเปลือกหอยก็เปิดอ้าอยู่แล้ว ถูกก้อนหินปิดทับแล้วจึงหุบลง ตอนนี้ชั้นหินด้านนอกถูกชะล้างออกไปจนหมด สิ่งที่ถูกห่ออยู่ด้านในจึงเผยออกมา

อาจเป็นเวทมนตร์ที่น่าอัศจรรย์ของธรรมชาติ เป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่ง

แน่นอนว่านี่เป็นการที่นางใช้หลักทางวิทยาศาสตร์และธรรมชาติมาวิเคราะห์ อาจจะไม่ถูกต้อง เพราะว่าโลกนี้น่าอัศจรรย์กว่าที่นางจะจินตนาการและรู้จักมากมายนัก ในสายตาของคนเหล่านี้ นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

เป็นอย่างที่คิด เมื่อนางจ้องมองให้ชัดเจน ปรากฏว่าข้างในไม่มีไข่มุกอยู่

นางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรก สิ่งที่สามารถส่องประกายได้อย่างรุนแรงเช่นนี้ จะเป็นไข่มุกได้อย่างไร

สิ่งนั้นเล็กกว่าวงแหวนของแสงที่ส่องประกายมากนัก ก่อนหน้านี้เห็นว่าใหญ่เท่าลูกปิงปองเท่านั้น เป็นเพียงรัศมีแสงที่เปล่งประกายออกมาเท่านั้น ที่จริงแล้ว ของสิ่งนั้นเหมือนกับถั่วปากอ้าสีทองเม็ดหนึ่งเท่านั้น ภายในเปลือกของถั่วปากอ้าสีทองนั้นมีมุกเม็ดกลมๆอยู่หนึ่งเม็ด แสงที่เป็นประกายนั้นมาจากมุกเม็ดนั้น และกลิ่นหอมหวานจางๆนั้นก็มาจากมุกเม็ดนั้นเช่นกัน

"พระสนม นั่นคืออะไร "เทียนอิ่งก็รู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง

โหลชีส่ายหน้าเบาๆ นางก็ไม่รู้ ในก้อนหินรูปหอยทำไมจึงมีของเช่นนี้อยู่

ในขณะเดียวกัน องครักษ์ที่อยู่ข้างกายชายคนนั้นก็เก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่พูดด้วยเสียงต่ำว่า "ท่าน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ ในที่สุดก็หากุญแจจนเจอ"

แม้ว่าเขาจะพูดด้วยเสียงที่ต่ำมาก แต่ด้วยความสามารถในการได้ยินของโหลชีทำให้ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

กุญแจ ของสิ่งนี้เป็นกุญแจหรือ เป็นกุญแจของที่ไหน

ถ้าหากเป็นแค่กุญแจ ทำไมจึงได้ดึงดูดให้แมลงกับงูและแมงป่องมาได้เล่า

ชายคนนั้นโบกมือ มองไปทางโหลชี"แม่นางอยากได้ของสิ่งนี้หรือ "

โหลชีกะพริบตาปริบๆ "ถ้าหากข้าบอกว่าข้าอยากได้ ท่านจะยอมถอยให้ข้าอย่างนั้นหรือ"

"บังอาจ "

องครักษ์สองคนตะคอกขึ้นมาพร้อมกัน โหลชีขาอ่อนทันที ร่างโอนเอนไปมา เกือบจะล้มลงไปกับพื้น เหล่าแมลงและสัตว์มีพิษที่อยู่บนพื้นยังคงป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวอย่างคลุ้มคลั่ง

"เสียงดังแล้วเก่งกว่าหรือยังไง พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเสียงนี้ทำให้เซลล์ของข้าตายไปหลายสิบล้านตัวแล้ว จะเอาอะไรมาชดใช้ "

โหลชีแสดงออกอย่างน้อยใจและเสียใจมาก ดวงตาที่สุกใสนั้นเหมือนกวางน้อยที่แสนบริสุทธิ์ ทั้งน่าสงสารทั้งไร้เดียงสาอย่างที่สุด

คาดว่าเทียนอิ่งพอจะเดาความหมายของนางได้ เลยไม่พูดอะไรสักคำไม่ขัดการแสดงออกของนาง ชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ข้างหน้ามีวรยุทธที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เขาย่อมเป็นห่วงว่าตนเองพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถช่วยพระสนมได้

โหลชีรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแออย่างไร้ยางอาย ตอนนี้พวกเขากำลังรังแกคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังที่ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่จำนวนคนของอีกฝ่ายก็มีมากกว่าพวกเขาหนึ่งคนจริงหรือไม่

"อย่าเสียมารยาท"เสียงอบอุ่นของชายคนนั้นดังขึ้น ท่าทีของเขามีความเป็นผู้สูงศักดิ์แต่กำเนิดชนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นการจงใจแสดงให้เห็นถึงความสูงส่ง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้รู้สึกว่าเขาเหมือนลอยอยู่บนเมฆ

กลีบดอกไม้สลับซับซ้อนใสจนเกือบจะโปร่งแสง ข้างในมีเส้นสีส้มจางๆ สวยมาก สวยจริงๆ

แต่ว่า อย่างนี้ถือว่านางรับดอกไม้จากชายอื่นได้หรือไม่ เฉินซ่ายังไม่เคยมอบให้เลยกระมัง

นางนำเอาเมาพล่านวางกลับเข้าไปในถุงไหม กำลังจะเอ่ยปากขึ้น วู๊วูก็ร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เห็นว่ากำแพงหินได้มีฝูงแมงป่องสีดำได้เคลื่อนเข้าใกล้แอ่งน้ำนั้นอย่างไร้สุ้มเสียงพอดี แมงป่องที่เป็นผู้นำตัวใหญ่มาก กำลังจะย่างเข้าไปในน้ำแล้ว

"มีอย่างที่ไหน พวกแมงป่องไร้ยางอายจะฉวยโอกาสอย่างนี้ได้อย่างไร"

โหลชีจับไปที่เอว ผงยากำหนึ่งถูกสาดไปยังกลุ่มแมงป่องตรงนั้น แน่นอนว่า นางยังอยู่ห่างอยู่บ้าง ฉวยโอกาสนี้ นางก็กระโดดไปทางด้านนั้น ขณะเดียวกัน ก็โยนเมาพล่านถุงนั้นคืนไปให้กับชายคนนั้น "คุณชายท่านนี้ ข้าขอคืนให้ท่าน ไม่ได้มีผลงานไม่ขอรับสิ่งตอบแทน"

ใกล้แล้วเข้าใกล้แล้ว นางเข้าใกล้กำแพงหินนั้นแล้ว ผงยาในมือได้สาดไปยังแมงป่องกลุ่มนั้น เหล่าแมงป่องต่างก็เวียนหัวจนเปลี่ยนทิศทางตกลงมาจากกำแพงหิน

แต่ว่าในขณะที่นางกำลังจะยื่นมือไปยังเปลือกหอยหิน บริเวณเอวแน่นขึ้น นางก้มหน้าลงไปมอง ก็เห็นเถาวัลย์เส้นหนึ่งม้วนรัดเอวของตนเอาไว้ จากนั้นก็มีพลังที่ไม่ถือว่ารุนแรงแต่ก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งดึงนางไปทางด้านหลัง

โหลชีคิดว่าตัวเองคงต้องร่วงหล่นลงไปบนพื้นแล้ว เทียนอิ่งก็บินขึ้นมา ยื่นมือจะมาคว้าเอวของนาง

ชายหนุ่มมองดูฉากนี้ ไม่รู้ทำไมในหัวใจจึงมีความรู้สึกต่อต้าน สะบัดมือ ดึงตัวโหลชีมาทางทิศที่เขาอยู่

"ปล่อยนาง"เทียนอิ่งไล่ตามไป แต่องครักษ์ทั้งสองคนของเขาก็ชักกระบี่ตรงขึ้นมาข้างหน้า ขัดขวางเขาเอาไว้ ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ต่อสู้ขึ้นมาทันที

โหลชีเข้าใกล้ชายคนนั้นเข้าไปทุกที ได้กลิ่นพิเศษชนิดหนึ่งจากร่างกายของเขา พูดไม่ถูกว่าคือกลิ่นอะไร แต่ให้ความรู้สึกสดชื่นและสะอาดเป็นอย่างยิ่ง

ร่างของนางยังอยู่บนอากาศ ดวงตาประสานเข้ากับสายตาของชายคนนั้น ฝูงผึ้งฝูงหนึ่งได้บินโผเข้าไปตรงหน้าอย่างกะทันหัน เห็นทีจะเริ่มการต่อสู้แย่งชิงครั้งสุดท้ายแล้ว แต่พุ่งตรงมาที่นางพอดี

พอเห็นผึ้งเหล่านั้น มุมปากของนางก็กระตุกขึ้น ผึ้งมีพิษ ล้วนเป็นผึ้งที่มีพิษร้ายแรงทั้งนั้น แม้ว่านางจะเป็นคนร้อยพิษไม่กล้ำกราย แต่ถ้าหากถูกฝูงผึ้งมากมายเช่นนี้ต่อยเข้า นั่นจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่

กำลังจะสาดผงยาออกไป กลับเห็นชายคนนั้นปล่อยมือหนึ่งที่จับวู๊วูเอาไว้ลงไปที่พื้น สะบัดแขนเสื้อไปทางด้านนั้น

ท่าทีของเขาเบามาก แต่ฝูงผึ้งเหล่านั้นเหมือนได้พบกับแรงลมมหาศาล ผึ้งทั้งหมด ถูกเขาพัดจนปลิวออกไปโดยที่ไม่หล่นลงพื้นสักตัว หันหน้าบินออกไปรอบนอกของการต่อสู้

พลังภายในของคนคนนี้ ไม่ด้อยไม่กว่าเฉินซ่าเลย

โหลชีรู้สึกตกตะลึงในใจเงียบๆ แต่ถ้ายังไม่ลงมืออีก นางก็จะพุ่งเข้าไปในอ้อมอกของชายคนนั้นแล้ว และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยากจะทำอะไรกันแน่ โหลชียื่นมือไปกำเถาวัลย์ที่รัดอยู่รอบเอวเอาไว้ สองมือใช้แรงดึง ทำให้เถาวัลย์เส้นนั้นขาดลง ขณะเดียวกัน ตบฝ่ามือออกไป ยืมพลังจากแรงสะท้อนกลับ ร่างกายกระโจนไปทางด้านหลัง

"เห็นทีแม่นางจะไม่ชอบการชดเชยด้วยวิธีนี้"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ