ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 386

เทียนยีและตี้เอ้อร์กัดฟัน คนเหล่านี้ คิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้ล้วนคิดจะเมินเฉยต่อพวกเขาทั้งสอง รุมล้อมฝ่าบาทของพวกเขา! ทำเหมือนพวกเขาเป็นคนอ่อนแอหรือ?

ทั้งสองถูกกระตุ้นให้โกรธ จึงลงมืออย่างดุดันมากขึ้น ไม่เมตตาปรานีสักนิด ในเวลาอันสั้น มีคนประมาณยี่สิบคนถูกพวกเขาขัดขวางไว้แล้ว คนครึ่งหนึ่งที่เหลือรุมล้อมเฉินซ่าไว้

แสงจันทร์ลากเงาคนมากมายเช่นนี้ให้ยาว ทั้งหมดเกี่ยวพันเข้าด้วยกัน เฉินซ่าไม่ได้มีความหวาดกลัวใดๆโดยสิ้นเชิง และไม่รอให้พวกเขาลงมือ สีหน้าของเขาเย็นชา ดวงตาเต็มไปด้วยแรงสังหาร อาวุธวิเศษในมือทิ่มแทง ฟาดฟัน กวาดล้าง คว่ำปาด เพลงกระบี่แปลกประหลาดเลื่อนลอย ทันทีที่ลงมือจะต้องมีคนที่ถูกโจมตีโดนจุดสำคัญอย่างแน่นอน แค่เวลาสั้นๆ รอบตัวเขาก็ล้มคนไปหลายคนแล้ว แต่พวกเขากลับคว้าไม่ได้แม้กระทั่งชายเสื้อของเขา!

นี่ช่างทำให้คนรู้สึกกลัวอย่างสุดขีดจริงๆ

"บุกบุกบุก!"

"ถอยไม่ได้!"

หัวโจกของทั้งสองฝั่งล้วนส่งเสียงด้วยความกังวล เหตุผลใหญ่ที่สุดที่คนเหล่านี้ยืนหยัดต่อเปลี่ยนเป็นแม้ว่าพวกเขาคิดจะถอย เฉินซ่าก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาหนีรอดไปได้อย่างแน่นอน

ทีแรกคือต้องการมาฆ่าเขา แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามีเพียงแค่ฆ่าเขาได้ พวกเขาจึงจะสามารถหนีรอดได้

แววตาของเฉินซ่ามืดครึ้มไร้ขอบเขต เพราะว่าจิตวิญญาณกระบี่ของอาวุธวิเศษในมือไม่สมบูรณ์ เวลานี้โหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ เขาพอจะสามารถระงับความดุร้ายของอาวุธวิเศษได้ แต่ขณะเดียวกัน ความดุร้ายชนิดนี้ก็ทำให้เขาลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมจริงๆ

ฉึบ

กระบี่ส่งเสียงขึ้นทีหนึ่ง แสงกระบี่วาดผ่าน คิดไม่ถึงว่าขณะเดียวกันจะตัดหัวคนลงไปแล้วสองคน! เลือดสดแตกกระเซ็นออกมา ย้อมสีจันทร์เป็นสีแดง

"เฉินซ่า พวกเราคนมากมายขนาดนี้ เจ้าฆ่าไม่หมดหรอก!" คนผู้หนึ่งอดไม่ได้ส่งเสียงขึ้น และไม่รู้ว่ากำลังทำให้เฉินซ่ากลัว หรือเพื่อเสริมความกล้าให้ตัวเอง แต่คำพูดนี้ของเขาเพิ่งจะสิ้นสุด ก็รู้สึกถึงกลิ่นอายเย็นยะเยือกห่อหุ้มเขาไว้ทันทีแล้ว กลิ่นอายเย็นยะเยือกชนิดนั้นเหมือนผุดขึ้นมาจากนรก คลุมลงมาจากหัว จนถึงหัวใจ ทำให้เขาแทบจะสัมผัสไม่ได้ว่าหัวใจของตัวเองยังเต้นอยู่

เขากลั้นหายใจ แสงสีดำแฉลบผ่านเบื้องหน้า เลือดพุ่งออกจากปากในพริบตา ขณะที่กลิ่นคาวเลือดคุกรุ่นแผ่กระจายออกมา เขาก้มหน้าต้องการมองดูปากของตัวเอง กลับเห็นกระบี่เล่มหนึ่งชักออกจากปากของเขา ด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ และแทงเข้าที่ทรวงอกของสหายที่อยู่ข้างๆเขาอีก

เสียงของอาวุธอันแหลมคมที่ทิ่มแทงเข้าในเนื้อหนังนั่น เหมือนว่าเขายังได้ยินอยู่

เฉินซ่าไม่ได้ไปมองคนที่ถูกตัวเองแทงเข้าแล้วโดยสิ้นเชิง สำเร็จดาบหนึ่ง เขาก็หันไปฆ่าคนต่อไปทันที ไม่ได้หยุดกลางคันแม้สักนิด ไม่เยิ่นเย้อเสียเวลาแม้แต่น้อย เขาอาจจะไม่รู้ว่าท่าทางเช่นนี้ของตัวเองน่ากลัวมากเพียงใด ก็เหมือนกับหุ่นยนต์สังหารตัวหนึ่ง ผู้ใดก็ต้านทานไม่ได้

คนที่ตายภายใต้กระบี่ของเขามีมากขึ้นเรื่อยๆ ห้าคน สิบคน สิบห้าคน ไม่ช้าก็ล้มลงบนพื้นมากขึ้น เกินกว่าคนที่ยังมีชีวิตอยู่

"ฆ่าไม่หมด?" เสียงของเฉินซ่าทุ้มต่ำ "ลองดู"

น้ำเสียงอันเฉียบเย็นเพิ่งจะสิ้นสุด รูปร่างอันสูงใหญ่ของเขาพุ่งตรงขึ้นไปแล้ว ดวงตาสีดำทั้งคู่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงสังหารที่น่าสยดสยอง คนอยู่กลางอากาศ ความดุดันของอาวุธวิเศษโบกลงมาจากกลางอากาศด้วยความรุนแรง ปราณกระบี่สาดออกไปเหมือนดั่งสายรุ้งยาวยามค่ำคืน พริบตาเดียวก็ผ่าลงไปทางบรรดาผู้คน

"อ้า!"

"หลบ......."

เสียงอันน่าเวทนาดังขึ้นเป็นผืน เลือดสดพุ่งกระเซ็น ในที่เกิดเหตุเหมือนดั่งพระยายมราชเสด็จเยือนเช่นนั้น

กระบี่เดียว คิดไม่ถึงว่าจะสังหารไปแล้วเจ็ดคน! เจ็ดคน!

เจ็ดคนนี้ตายเกลี้ยงหมด ที่หอบหายใจล้วนไม่มีเหลือไว้สักคน!

แม้แต่เทียนยีและตี้เอ้อร์ก็แอบกลืนน้ำลายแล้ว โอ้สวรรค์ วิทยายุทธฝ่าบาทของพวกเขา หลังจากที่มีอาวุธวิเศษแล้วคิดไม่ถึงว่าจะพัฒนาขึ้นอีกมากขนาดนี้! ก่อนหน้านี้เขาต่อสู้สังหารด้วยมือสองข้าง กระบี่ก็ไม่ต้องใช้ ใช้พิชิตวันเป็นบางครั้งคราว แต่แม้ว่าพิชิตวันจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่าบาทกลับไม่ค่อยชอบใช้กริชมากนัก

ตอนนี้กระบี่วิเศษเล่มนี้ได้กระตุ้นความสามารถทั้งหมดของฝ่าบาทให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว!

"ฆ่าไม่หมดหรือ?" เสียงอันเย็นชาเหมือนดั่งเสียงพระยายมราชของเฉินซ่าดังขึ้นอีกครั้ง ลงมายังพื้นดินโดยไร้ซึ่งเสียง วาดกระบี่ยาวด้วยความนิ่งสงบ ขณะที่เหลือบตาขึ้นเล็กน้อย ยกขึ้นโบกลงอย่างช้าๆอีกครั้ง ชายสองคนที่ต้องการวิ่งหนีด้วยความรีบร้อนถูกปราณกระบี่เฉือนลงมาจากด้านหลัง หนึ่งคนในนั้นถูกผ่าเป็นสองท่อนทันที ปราณดาบวาดผ่านร่างของเขาไป เฉือนคนที่สองที่อยู่ด้านหน้า เฉือนบนหลังของเขาเป็นบาดแผลยาวๆแผลหนึ่งออกมา เสื้อผ้าล้วนถูกกรีดขาดแล้ว

สองกระบวนท่า เก้าคน

เหลือเพียงแค่ไม่กี่คน มองดูท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็ถอนตัวกลางคันหมดแล้ว

เดิมทีพวกเขาก็เป็นเพียงแค่กองกำลังที่ค่อนข้างเล็กในทุ่งป่าเถื่อนของพั่วอวี้แห่งนี้เท่านั้น ไม่ควรมาร่วมการกวนน้ำให้ขุ่นในรอบนี้โดยสิ้นเชิง! เพียงแต่พวกเขาถูกจดหมายฉบับนั้นทำให้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน แล้วบวกกับได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกองกำลังเล็กๆอื่นที่อยู่ติดกัน คิดว่าอย่างน้อยก็สามารถใช้คนจำนวนมากข่มเหงคนจำนวนน้อยได้ สี่ห้าสิบคนจะสังหารคนสามคนไม่ได้เชียวหรือ?

แม้ว่าจะฆ่าไม่ได้ อย่างน้อยต้องก็สู้จนพวกเขาเกือบตายได้สิหน่า?

ใครจะไปรู้ ที่แท้พวกเขาก็มารนหาที่ตาย! กระบวนท่าหนึ่งของคนอื่นเขาก็พอที่จะสังหารได้เจ็ดคน! เจ็ดคน! บวกกับองครักษ์ทั้งสองคนของเขาก็มีวิทยายุทธแข็งแกร่งมาก เมื่อครู่ทั้งสองคนก็สังหารไปแล้วเกือบสิบคน เป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาสี่สิบกว่าคนก็แทบจะไม่พอให้ฝ่ายตรงข้ามฆ่า! เมื่อครู่ยังกล้าตะโกนคำนั้นออกมาท้าทายเขาอีก! อะไรที่เรียกว่าฆ่าไม่หมด?

คนที่เหลืออีกยี่สิบคนก็แทบอยากจะร้องแล้ว มียารักษาความเสียใจหรือไม่นะ? ขอมาสักสองสามลัง.......

"ฝ่า ฝ่าบาท พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ ต่อจากนี้พวกจะยอมจำนนต่อพั่วอวี้......" มีชายผู้หนึ่งที่จิตใจเกิดความหวาดกลัวเกินไป ขาสองข้างอ่อนลงทันทีอย่างคาดไม่ถึง ล้มนั่งบนพื้นทันที ขาดเพียงแค่คลานเข้าไปทางเฉินซ่า กอดข้าของเขาแล้วร้องไห้ยกใหญ่

"สายไปแล้ว" เฉินซ่าเอ่ยออกมาสองคำด้วยความเย็นชา

เขาลงมือแล้ว คนเหล่านี้ได้ล่วงเกินเขาแล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้พวกเขาจากไปเด็ดขาด

น่าเสียดาย ซีฉางหลีก็ไม่ได้รู้ว่า ขณะที่ลูกน้องคนนั้นของเขาเข้าไปเก็บยาตรงจุดลึกที่มีเถาวัลย์พิษได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นพอดี อีกทั้งขณะที่กำลังฟังเสียงของเฮ่อเหลียนเจี๋ยและโหลชีก็โดนยาพิษแล้ว เกิดความกระวนกระวายใจขึ้นเล็กน้อย จึงลืมหน้าที่ของเขาไปนานแล้ว ขณะที่พุ่งออกมาก็โดนโหลชีใช้ประโยชน์นิดหน่อย ทำเป็นเครื่องมือกำบังเฮ่อเหลียนเจี๋ย จากนั้นก็ถูกเฮ่อเหลียนเจี๋ยสังหารในหนึ่งกระบวนท่าแล้ว

ด้วยเหตุบางประการทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน จะเรียนแบบที่เขาพูดว่าจับพลัดจับผลูไปถูกที่โดยบังเอิญก็ได้ อย่างไรเสีย เขาจะรอคนผู้นั้นส่งพิราบข่าวมา เช่นนั้นรอยังไงก็ไม่ได้

และเวลานี้ พวกเฉินซ่าสามคนได้พบกับการซุ่มโจมตีรอบที่สองแล้ว คนหลายสิบคนก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น เมื่อเขาเห็นคนที่ปิดหน้าเหมือนกันนับร้อยนี่ เฉินซ่าก็รู้แล้ว คืนนี้ เกรงว่ากองกำลังมากมายของทุ่งป่าเถื่อนพั่วอวี้จะปรากฏตัวออกมาทั้งหมดแล้ว และเขาก็รู้ว่า จะต้องมีคนเปิดเผยเบาะแสการเดินทางของเขาออกมาเป็นแน่

คิดว่าช่วงนี้เขาคงจะใจดีเกินไป

ภายใต้แสงจันทร์ ในดวงตาสีดำเข้มของเฉินซ่าปรากฏพลังความดุดันขึ้น

คนพวกนี้ล้วนจะทำให้เขาสิ้นเปลืองเวลาที่จะไปตามหาชีชี ทั้งหมดล้วนสมควรตาย!

เทียนยีและตี้เอ้อร์สัมผัสได้ถึงแรงสังหารของเขาที่พรั่งพรูขึ้นมาในพริบตา จึงตึงเครียดขึ้นทันทีแล้ว ฆ่า!

ในร่องน้ำลึก แสงที่สาดส่องมาทางด้านหลังทำให้เงาของนางลากยาวไปด้านหน้า โหลชีทนไม่ได้ปิดตาลง เฮ่อเหลียนเจี๋ยไล่ตามมาแล้ว คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะขวางได้ไม่นาน อีกทั้ง กำลังภายในและวิชาตัวเบาของเขาจะสูงกว่าที่นางคิดไว้ซะอีก เช่นนี้มากน้อยก็จะทำให้โหลชีพ่ายแพ้ นางคิดว่านางมีไขหินพันปีแล้วจะฝืนกฎเกณฑ์สวรรค์ได้ ใครจะรู้ว่าจนถึงตอนนี้กำลังภายในก็ไม่สามารถข้ามเฉินซ่าไปได้ ตอนนี้ยังมีเฮ่อเหลียนเจี๋ยมาอีกคน

"แม่นางโหล น้ำและอาหารยังหาไม่พบ หยุดออมแรงไว้ยังจะดีซะกว่านะ" เสียงเฮ่อเหลียนเจี๋ยของดังมา วิ่งมาตลอดทางเช่นนี้ เสียงของเขากลับยังสงบนิ่งไม่สั่นไหว ไม่มีการหอบใดๆ นี่ทำให้โหลชีพ่ายแพ้ยิ่งขึ้น เช่นนี้อธิบายได้ว่าเขายังไม่ได้ออกแรงทั้งหมดสินะ?

วิ่งหนีอยู่ตลอดเช่นนี้ก็ไม่ใช่ลักษณะนิสัยแท้จริงของนาง นางหยุดลง หันหน้าไป แต่เมื่อสบสายตากับเขาก็ตะลึงเล็กน้อย เพราะว่าแววตาของเฮ่อเหลียนเจี๋ยเฉยเมยจนเทียบไม่ได้กับน้ำเสียงของเขา ในแววตาของเขามีความเร่าร้อน

"เฮ่อเหลียนเจี๋ย" นางถอนใจ: "ข้าไม่มีเวลาว่างไปแผ่นดินใหญ่หลงหยินกับเจ้า"

"เจ้าต้องการอะไร? ข้าสามารถให้เจ้าได้" เมื่อเฮ่อเหลียนเจี๋ยพบว่าศักยภาพที่แท้จริงของโหลชีแข็งแกร่งเพียงนี้ เกิดความชื่นชอบในใจ อันที่จริงเขาได้ใช้กำลังภายในไปเจ็ดส่วนแล้ว แต่ดูเหมือนว่านางจะอายุน้อยกว่าเขา ก็ฝึกได้เช่นนี้แล้ว นี่ทำให้คนชื่นชมจริงๆ วิทยายุทธสูงขนาดนี้ ไปสถานที่นั้น โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะมากยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก

"อะไรก็สามารถให้ข้าได้หมด?" โหลชีกะพริบตา

"เพียงแค่ข้าสามารถให้ได้"

"ชิ พูดเปล่าๆ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าบอกว่าให้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์แล้วหรือ ช่างเถิด ข้าสามารถช่วยเจ้าได้ โดยไม่ต้องการอะไรเลย แต่เจ้าต้องรอข้า"

"รอเจ้า? รอนานเพียงใด?"

นานเพียงใด? เวลานี้ก็บอกแน่ไม่ได้จริงๆ โหลชีเอียงศีรษะคิดแล้วคิดอีก "หนึ่งปี"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ