ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 40

ณ ตำหนักสาม แสงจันทร์ส่องประกาย ตะเกียงตามทางเดินดับหมดแล้ว มีเพียงตำหนักข้างห้องบรรทมฝ่าบาทจุดเทียนไว้แท่งหนึ่ง สีเหลืองนวล สว่างเล็กน้อย

เฉินซ่าเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งป่าเถื่อนที่มืดมิด รอบกายมีแต่เสียงลม รอบด้านเป็นความเงียบและว่างเปล่า เบื้องหน้าอันแสนไกลมีแสงสว่างเล็กน้อย เขาจึงเดินตรงไปที่แสงนั้น แต่ไม่ว่าเขาเดินเร็วเพียงใดนานเพียงใด แสงนั่นยังอยู่ห่างเขาไกลนัก

เสียงหมาป่าหอนดังขึ้น ในใจเฉินซ่าเริ่มร้อนรน แต่อีกด้านเขารู้ว่าตอนนี้ตนมิควรกลัวหมาป่าแล้ว เหตุใดยังร้อนรนอีก?

ร้อนรนเพราะหมาป่าและความมืดนั้นคือเขาในวัยเด็ก

พอคิดเยี่ยงนี้แล้ว เขามองเห็นตัวเอง ในวัยห้าหกปี

เฉินซ่ารู้ทันทีว่าตนกำลังฝัน แต่ถึงจะรู้ เขากลับตื่นขึ้นมิได้

เขาวิ่งไปด้านหน้าเรื่อยๆ ทันใดนั้นเกิดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นด้านหน้า เลือดค่อยคืบคลานเข้ามาอย่างไร้ทิศทาง ใบหน้าเปื้อนเลือดค่อยๆ พุ่งเข้าหาเขาทีละใบหน้า หูพลันดังเสียงคร่ำครวญดังระงม

เฉินซ่าตื่นตัวและรู้ว่าเบื้องหน้านี้มิได้กลัว หากความหวาดกลัวเต็มเปี่ยมในใจของเฉินซ่าน้อยวัยเพียงห้าหกปีที่กำลังวิ่งหนีนั้นส่งมอบมาถึงเขาอย่างจริงจัง

ใบหน้าสตรีนางหนึ่งแทบจะพุ่งเข้าสู่ตาเขา ปากอ้ากว้าง เผยให้เห็นฟันที่เต็มไปด้วยเลือด ดวงตาเบิกถลนกว้างราวกับจะขย้ำคอหอยเขา!

"อ๊า!"

ทันใดนั้น มีเสียงเพลงดังขึ้นแผ่วเบา เป็นเสียงเพลงของเด็กผู้หญิง ไม่มีเนื้อร้อง คล้ายกับฮึมฮำร้องไปตามใจ "ลาลาลาๆๆ ลาลาๆๆๆ..."

เสียงเพลงนั้นคล้ายดั่งมีความสามารถช่วยชำระล้างจิตใจ พริบตาเดียวบุกทะลวงความมืดที่ไร้พลังใดๆ แสงสว่างสาดส่องเข้ามา ใบหน้าเปื้อนเลือดเหล่านั้นเมื่อเจอแสงก็กระจายไป พริบตาเดียวหายวับไม่เหลือหลอ

ท้องฟ้าสีฟ้า เมฆสีขาว ลมอ่อนพัดมาแผ่วเบา หญ้าสีเขียว ดอกไม้สีสันหลายสี ผีเสื้อบินว่อน

ประหนึ่งหลุดจากนรกไปในสรวงสวรรค์!

แม้แต่อากาศยังหวานหอมเลย เฉินซ่าผ่อนคลายลงฉับพลัน จิตใจเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งและผ่อนคลายอย่างที่มิเคยเป็นมาก่อน

จากนั้นเขาเห็นแม่นางน้อยที่กำลังนั่งอยู่ในดงดอกไม้คนนั้น

ชุดกระโปรงสีเขียวอ่อน ที่หัวใส่มงกุฎดอกไม้ ประหนึ่งเทพธิดาน้อยท่ามกลางดอกไม้ นางอีกแล้ว เขาไม่ได้ฝันถึงนางนานเท่าใดแล้ว? หากทำไมครั้งนี้นางมิได้นั่งเรือค่อยๆ ลอยมา หากแต่อยู่ในหมู่ดอกไม้เล่า?

เมื่อก่อนนางมักจะนั่งเรือเล็กมานี่นา

ไม่ว่าจะเยี่ยงใด ครั้งนี้เขาจะต้องดูใบหน้านางให้ชัดเจน! เฉินซ่าเดินไปหานาง หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ในตอนที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ก้าว ดินแดนความฝันพลันหนักอึ้ง จากนั้นเขาก็ตื่นขึ้น

เมื่อเขาตื่นมา แสงเทียนของตำหนักข้างยังคงริบหรี่สีเหลืองอ่อน ความมืดด้านนอกเริ่มหนักขึ้น รอบข้างเงียบสนิท

เฉินซ่าขมวดคิ้ว ในใจมิใช่มิผิดหวัง ครั้งนี้เขาก็ยังมิเห็นใบหน้าสาวน้อยนางนั้นชัดเจนอยู่ดี! แต่ทว่าทันใดนั้น ใบหน้าโหลชีวูบผ่านเข้ามา เขานึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ได้ ในใจพลันตกใจ รีบลุกขึ้นนั่ง

"ใครก็ได้เข้ามา!"

ร่างเทียนยีแทบปรากฏตัวขึ้นสู่สายตาเขาทันทีที่พูดจบ "ฝ่าบาท"

เห็นฝ่าบาทได้สติกลับมาอย่างปลอดภัย สีหน้าเทียนยีเก็บกักความดีใจไว้ไม่มิด

"โหลชีล่ะ?"

มือของเฉินซ่าทาบไปที่หน้าอกตนอย่างไม่รู้ตัว เขารู้สึกถึงผ้าพันแผลที่พันอยู่

"รายงานฝ่าบาท แม่นางโหลอยู่ในตำหนักเดิมของท่าน แต่ว่า..."

"เยี่ยงใด?" เขาถูกย้ายไปตำหนักข้าง เหตุใดนางจึงยังอยู่ตำหนักเดิม? เฉินซ่าขมวดคิ้วหนา

"แม่นางโหลกำชับไว้ว่าห้ามใครรบกวนนาง แต่นางสลบไปสี่ชั่วยามแล้วยังมิเคยฟื้นขึ้นมาเลย"

เฉินซ่าได้ยินดังนั้นพลันลงจากเตียง สวมรองเท้าทำท่าจะออกไป เขาจะไปดูนางสักหน่อย ต้องไปดูหน่อย แต่เทียนยีกลับรีบพูดขึ้นว่า "ฝ่าบาท แม่นางโหลกำชับไว้ หลังจากท่านฟื้นแล้วให้ดื่มน้ำก่อน จากนั้นค่อยทานอาหารอ่อนๆ "

ดื่มน้ำ ทานอาหาร

ดื่มน้ำอะไร ทานอาหารอะไร ตอนนี้เขาต้องไปดูนางก่อน ดูนางแล้วถึงจะวางใจลงได้

"ฝ่าบาท นี่เป็นคำสั่งของแม่นางโหล" เทียนยีขวางหน้าเขาไว้ ไม่ยอมถอยแม้สักก้าว มั่นคงหนักแน่นมาก ราวกับว่าหากเขาก้าวออกไปก็จำต้องเหยียบข้ามศพเขาไปก่อน

ประกายตาเฉินซ่าสั่นไหวเล็กน้อย

ดีมาก ดีจริงๆ สตรีผู้นั้นทำให้ลูกน้องที่ภักดีที่สุดของเขายอมฟังคำสั่งนางเพียงนี้ เรียกได้ว่ายึดคำสั่งนางเป็นที่หนึ่งแล้ว ดี ดี เก่งกาจมาก

"นำเข้ามา"

เทียนยีลังเลเล็กน้อย ยอมเบี่ยงตัวออก

เฉินซ่าก้าวเท้ายาวออกจากตำหนัก มองเห็นเทียนอิ่งที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก แววตาเขาสั่นไหวอีกครั้ง

เทียนอิ่งเป็นองครักษ์ลับใกล้ชิดของเขา ปกติจะซ่อนตัวอยู่ ทำหน้าที่ตี้เอ้อร์ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

นี่คือกำลังเฝ้าโหลชี?

"คารวะฝ่าบาท" เทียนอิ่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เฉินซ่ามิใช่คนที่สั่งพวกเขาคุกเข่าตลอด การกระทำของเขาครั้งนี้คือการขออภัย เพราะเขายืนเฝ้าโหลชีอยู่ที่นี่โดยพลการ

"ฝ่าบาท แม่นางโหลกำชับไว้ว่า ให้ฝ่าบาทดื่มน้ำทานอาหาร" เทียนยียกน้ำเข้ามา ตี้เอ้อร์ตามหลัง ยกถาดโจ๊กร้อนๆ มา

เฉินซ่าดื่มชามน้ำสามชามติด จากนั้นก็กินโจ๊กจนหมด นางพูดไว้ เขาฟัง แต่นางสลบไสลไม่ได้สติเยี่ยงนี้ จะไม่มีหนทางอื่นแล้วรึ?

"นางบอกไว้หรือไม่ว่า นางต้องบำรุงสิ่งใด?" เฉินซ่าถามเทียนอิ่ง

"แม่นางโหลมิได้บอกไว้ พูดแต่ว่าถึงเวลานางจะตื่นเอง อย่าไปเรียกนาง และมิต้องกังวล"

"อืม พวกเจ้าออกไปเถอะ"

พวกเทียนยีพากันถอยออกไป ในตำหนักกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง

เฉินซ่าเดินเข้าไป ย่อเอวลง อุ้มโหลชีขึ้นอย่างแผ่วเบา นางหลับลึกนัก เยี่ยงนี้ยังมิรู้สึกตัว ให้เขาอุ้มไปทางเตียงใหญ่ เฉินซ่าถอดรองเท้าให้นาง ตนเองก็ถอดรองเท้าขึ้นเตียง รั้งนางมากอดและนอนหลับ

ทำอะไรอย่างอื่นมิได้ ช่วยนางมิได้ เขาจะให้เกียรติสูงสุดแก่นาง

อากาศกลางวันและกลางคืนของพั่วอวี้ต่างกันยิ่งนัก นางนอนบนตั่งข้างหน้าต่างคนเดียวต้องเป็นหวัดแน่

ยามนี้กลิ่นบนตัวนางมิสู้ดีนัก เทียนอิ่งยังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ายามไปพักผ่อน หากนางเมื่อกลับมา เสื้อผ้าบนตัวยับย่น เห็นได้ชัดว่าเคยเปียกและแห้งอีกครั้ง จากนั้นยังย้อมไปด้วยเลือด จนป่านนี้ยังมิได้ผลัดเปลี่ยนเลย บวกกับยามแก้คำสาปให้เขา เหงื่อ กลิ่นคาวเลือด ทั้งหมดหลอมรวมกัน จะกลิ่นหอมได้เยี่ยงไรกัน

เดิมเฉินซ่ารักความสะอาดอยู่บ้าง แต่กลับมิกล้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะกลัวทำนางตื่น

เขาคิดว่าตนเองหลับมานานแล้วคงจะนอนหลับอีกมิได้ หากใครจะรู้ยามได้กอดนางไว้เยี่ยงนี้ เขากลับนอนหลับไปได้อย่างรวดเร็ว และยังเงียบสนิทไร้ความฝันใดๆ เป็นการนอนหลับที่ดีอย่างมิเคยมีมาก่อน

รุ่งสาง มุมหนึ่งของตำหนักสาม เอ้อร์อินที่ยืนเขย่งจนสองขาเหน็บชายังคงยืนอยู่ พยายามคืบคลานไปทีละก้าวโดยอาศัยกำแพง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความแค้น

โหลชีนั่นน่าตายนัก!

มองจากที่ไกลเยี่ยงนี้ ยังมิเห็นนางเดินออกมาจากห้องบรรทมของฝ่าบาทเลย! กลางดึกฝ่าบาทกลับห้องบรรทมและมิได้ออกมาอีก นี่มิได้เป็นการบอกหรือว่าพวกเขาร่วมหลับนอนด้วยกัน?

เดิมคิดว่าเป็นเพียงนางกำนัลใกล้ชิดเท่านั้น หรือว่าฝ่าบาทหลับนอนกับนางแล้ว?

หากนางอาศัยสิ่งใด ถือสิทธิ์อันใดเล่า!

ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยยังมิเคยได้รับเกียรตินี้ พวกนางที่แย่งชิงกันแทบตายไปข้างหนึ่งในตำหนักสอง แม้แต่ตำหนักสามยังมิเคยได้เข้าไปเลย ถือสิทธิ์อันใดนางมาทีหลังกลับได้รับเกียรติเยี่ยงนี้จากฝ่าบาท?

แถมเมื่อวานหากมิใช่เพราะโหลชีจู่ๆ ก็กลับมา และแย่งชิงฝ่าบาทจากมือนางไป เกรงว่าผู้ที่ได้รับความรักจากฝ่าบาทในคืนนี้จะเป็นตัวนางเองกระมัง? บางที นางอาจจะมีโอกาสเปลี่ยนฐานะภายในชั่วข้ามคืนก็ได้ และได้เป็นหนึ่งในพระสนม?

เพราะนางคิดเยี่ยงนี้ ประหนึ่งว่าโหลชีแย่งผู้ชายของนาง แย่งความมั่งมีศรีสุขของนาง สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นสุดใจ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ