"มากี่คน?" ขณะที่เขาตายไป อิงก็ถามพลัน
เขาก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเหมือนกัน ความตระหนกในใจก็ยิ่งหนักขึ้น
อดีตขณะองค์จักรพรรดิกำเริบโดยทั่วไปจะไม่ออกจากห้อง พวกเขาจะจัดการให้กลุ่มองครักษ์ลับและองครักษ์หน่วยเจี่ยทั้งหมดเฝ้าห้องนั้นแบบไม่ปล่อยเล็ดลอดสักนิด และเป็นครั้งที่ออกไปพบกับโหลชีบนเขา ครั้งนั้นหากมิใช่สูญเสียหน่วยเจี่ยมากมายก็ยังหาดอกลึกลับไม่พบ เวลานั้นองค์จักรพรรดิก็จะไม่ออกไปด้วยตัวเอง
แต่ครั้งนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่ภายในเจ็บหนัก แต่ยังตามโหลชีออกมา
เขาไหนเลยจะรู้ เพราะโหลชีกลับไปอย่างฉุกละหุกทำให้เฉินซ่าตกใจ เวลานี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะอยู่กับนาง
"อย่างน้อยมีมากกว่าห้าสิบคน! ล้วนเป็นยอดฝีมือ!" จิตใจโหลวซิ่นก็ระส่ำด้วย
"รีบไป"
ตุบๆๆ หัวใจระส่ำระสาย มิใช่หวั่นใจ มิใช่ตื่นเต้น นั่นคือตื่นตระหนก
พวกเขาไม่เคยตื่นตระหนกเช่นนี้มาก่อน
เทียนอิ่งไม่กล่าววจีอีก แบกเฉินซ่าด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ มุ่งหน้าเข้าป่าไม่หยุด
อิงคุ้มครองอยู่ด้านข้าง มองรอบทิศอย่างระแวดระวัง โหลวซิ่นก็กวาดรอยเลือดเร็วรี่ แต่ในสายตาของยอดฝีมือ เช่นนี้ก็หวังเพียงสามารถยื้อเวลาได้อีกหน่อย หากต้องการปกปิดยอดฝีมือได้โดยสมบูรณ์ นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะพวกเขาอาจได้กลิ่นคาวเลือดเป็นหยดๆ
พวกเขาหวังเพียงรีบพบโหลชี ถึงโหลชีจะไม่ลงมือ ขอเพียงองค์จักรพรรดิได้สัมผัสนาง เขาก็จะดีขึ้นในพริบตา
แต่พวกเขากลับขัดแย้งเล็กน้อย หากองค์จักรพรรดิดีขึ้นมา เดินกำลังอย่างหยุดไม่อยู่จะทำอย่างไร? โหลชีเคยกล่าวไว้ สถานการณ์เขาตอนนี้หากยังใช้กำลังอีก ก็อาจถึงตายได้
"พระสนมไปไหนแล้ว!"
ครั้นอิงตื่นตระหนกก็อดร้อนรนเป็นไม่ได้
พงไพรนี้ใหญ่กว่าและทึบกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก ไม่เข้ามาไม่รู้ ครั้นเข้ามาเป็นต้องตกใจ ป่าใหญ่เช่นนี้ โหลชีได้กลิ่นตัวยาตอนไหนกันแน่?
หากอยู่ด้านนอกป่าก็ได้กลิ่น เช่นนั้นตัวยาก็ไม่น่าไกลถึงจะถูก แต่หลังจากพวกเขาเข้ามารีบร้อนมุ่งหน้าอยู่ค่อนวัน ยังไม่เห็นร่างเงาแม้แต่คนเดียว! นี่จะอัปมงคลไปหน่อยแล้วกระมัง?! อัปมงคลจนอิงอยากใช้กำลังมาก
"พวกแม่นางคงไม่หลงเข้าค่ายกลอะไรหรือกลไกอะไรพวกนั้นหรอกนะ?" โหลวซิ่นเอ่ย หาใช่เขาคิดมาก แต่ติดตามโหลชีมาระยะหนึ่งแล้ว สถานที่ที่นางไปมิได้ราบเรียบธรรมดาขนาดนั้น สถานการณ์ในตอนนี้ เขาคิดว่าต้องเข้าค่ายกลหรือกลไก มิเช่นนั้นคนหลายสิบคนจะหายไปได้อย่างไร?
คลับคล้ายมีเสียงดังมาจากด้านหลัง ต้นไม้เบื้องหน้าก็บางตาไปเรื่อยๆ หากไม่มีต้นไม้หนาทึบบดบัง พวกเขาต้องเผยตัวโดยเร็วแน่
ทันใดนั้นเอง เงาร่างสายหนึ่งก็แวบปรากฏขึ้น
เทียนอิ่งหยุดตัวกึกอย่างเร่งด่วน อิงกับโหลวซิ่นก็ผ่านไปอยู่เบื้องหน้าเขาทันที บังพวกเขาไว้
"เล่าลือว่าพิษกู่จักรพรรดิพั่วอวี้จะกำเริบทุกวันที่สิบห้า แต่วันนี้มิใช่วันที่สิบห้า กลิ่นคาวเลือดก็เข้มข้นเช่นนี้แล้ว หรือว่าการบาดเจ็บภายในจะทำให้พิษกู่กำเริบก่อนกำหนด?"
เสียงที่เจือความชั่วร้ายค่อยๆ ดังขึ้น บุรุษที่ขวางอยู่ด้านหน้าพวกเขาอยู่ในชุดสีขาวล้วน ใบหน้าสวมหน้ากากวัสดุเงิน ดวงตาคู่หลังหน้ากากกำลังมองทะลุพวกเขา มองเฉินซ่าที่อยู่บนหลังของเทียนอิ่ง
"คุณชายหยุน?" โหลวซิ่นเห็นรูปร่างและเสื้อผ้าของเขาแล้วรู้สึกคุ้นตามาก แต่บุคลิกคนผู้นี้กลับต่างจากหยุนเฟิงโดยสิ้นเชิง หยุนเฟิงราวสายลมสบาย คนผู้นี้กลับมีความชั่วร้ายอำเภอใจ เป็นท่วงทำนองที่แตกต่างสองฟากฝั่ง แม้เสื้อผ้าเหมือนรูปร่างละม้าย แต่ก็ทำให้ไม่กล้ามั่นใจว่าเป็นคนคนเดียวกัน
"ข้าหาใช่เจ้าโง่หยุนเฟิงนั่น ตอนนี้ทำข้อแลกเปลี่ยนสักข้อบ้างดีไหม?"
"เราไม่มีข้อแลกเปลี่ยนอะไรคุยกับเจ้า" อิงมองเขาด้วยความระแวดระวัง วรยุทธ์คนผู้นี้กลับไม่ด้อยกว่าเขา กระทั่งยังเหนือชั้นกว่าเขาด้วย
เขาร่วมมือกับโหลวซิ่นน่าจะขวางเขาไว้ได้ แต่ทหารสนับสนุนด้านหลัง หากพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นก็จบเห่แล้วจริงๆ แต่ถึงพวกเขาจะไม่ใช่พวกเดียวกัน ถูกเขาขวางอยู่ที่นี่ คนที่ตามมาก็จะถึงบัดเดี๋ยวนี้แล้ว จบเห่เหมือนกัน
อิงกัดฟัน สายตาแหลมคมมุ่งไปทางคนสวมหน้ากากชุดขาว "หลีกไป!"
"มิสู้ฟังเนื้อหาข้อแลกเปลี่ยนที่ข้าจะคุยก่อนเถิด..."
ในจุดไม่ไกล จู่ๆ ก็เหมือนมีเสียงแว่วมาก "ไล่ตามทางกลิ่นคาวเลือด ไม่ไกลแล้ว!"
เขายืนตรง "มีคนตามมา? มาเพราะเฉินซ่า?"
ครั้นได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ อิงจึงรู้ว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่พวกเดียวกับเขา มากน้อยก็รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง แต่คนผู้นี้ยังไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู เขาไม่กล้าประมาท "เจ้าจะเอาอย่างไร?"
"ข้าจะช่วยเจ้า ข้อแลกเปลี่ยนประเดี๋ยวค่อยคุยก็ได้ มาทางนี้"
ว่าแล้วเขาก็เบี่ยงทิศทาง แวบเข้าข้างขวาไป
"ใต้เท้าองครักษ์อิง จะเชื่อเขาดีไหม?" โหลวซิ่นมองอิง
"ใต้ ใต้เท้า ถูกอุบายแล้วขอรับ บนต้นไม้มีผงยาพิษโรยอยู่..." ในที่สุดยังมีคนพบสาเหตุ
"บ้าชะมัด! แจกจ่ายยาแก้พิษไป!"
พวกอิงคิดไม่ถึงว่าคนเหล่านี้ยังพกพายาแก้พิษด้วย เดิมคิดถ่วงเวลาพวกเขาหน่อย แต่พวกเขายังไม่ทันตามคนสวมหน้ากากชุดขาวเข้าถ้ำแห่งหนึ่งไป คนเหล่านั้นก็ตามมาแล้ว
คนจำนวนหลายสิบล้อมทั้งสี่ไว้ตรงกลาง ไม่มีช่องว่างให้หลบหนี
"ฮ่าๆๆ เฉกเช่นเดียวกันคนตายที่ยังมีชีวิต!" ชายคิ้วขาวเดินออกมาจากกลุ่มคน กวาดมองคนที่อยู่บนแผ่นหลังของอิง หัวเราะจุ๊ๆ เอ่ย "น่าสังเวช นางสังเวช เดิมยังอยากขอคำชี้แนะวรยุทธ์ของจักรพรรดิพั่วอวี้ บัดนี้ดูแล้วเป็นไปไม่ได้ เช่นนี้เถิด หากพวกเจ้าสมัครใจฆ่าเขาเสีย ข้าก็จะไม่ทรมานเขาแล้ว เป็นอย่างไร?"
วาจานี้ชี้ชัดว่าพวกเขาหนีไม่ได้แล้ว เอาชนะไม่ได้ ถึงกับจะให้พวกอิงลงมือสังหารเฉินซ่าเอง
โอหัง! เย่อหยิ่ง! แต่สภาพการณ์เบื้องหน้ากลับเป็นทางตันของพวกอิงโดยแท้จริง
"เจ้าเป็นตัวเรือดออกมาจากท่อระบายน้ำสายไหน? ปากเหม็นก็อย่าได้กล่าว หากเจ้าปลิดชีพตัวเอง ข้ารับปากว่าจะไม่ทรมานเจ้า เป็นเยี่ยงไร?" อิงเชอะเย็นเสียงหนึ่ง ขวางกระบี่ยืนอยู่หน้าเทียนอิ่ง
เขาติดตามเฉินซ่ามานานที่สุด ย่อมเป็นบ้าบิ่นเหมือนเฉินซ่าบางส่วน แม้ขึ้นลงดูแล้วยังด้อยกว่า แต่ก็ไม่แพ้ท่าทางพวกเขาเป็นอันขาด
"องครักษ์อิงกระมัง? เห็นแก่ที่เจ้าเป็นชายกล้า หากเจ้าฆ่าเฉินซ่า เราจะยินดีรับเจ้าเข้าร่วม เป็นอย่างไร?"
อิงมองคิ้วขาวด้วยความประหลาดใจ หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ต่อ "อย่างไรบ้านเจ้าสิ! จักรพรรดิดีๆ ข้าไม่ติดตาม ไปติดตามตัวเรือดที่โผล่ออกมาจากไหนไม่รู้อย่างพวกเจ้าเหล่านี้น่ะหรือ?"
เปิดปากปิดปากก็ว่าตัวเรือด ทำให้คิ้วขาวทำหน้าขรึมอย่างอดไม่ได้ในที่สุด โบกมือ "ไม่ดื่มสุราคารวะ จะดื่มสุราลงทัณฑ์! ลุย! ไม่ไว้แม้แต่คนเดียว!"
"ปากเก่งจริงนะ!" โหลวซิ่นก็ตะคอกด้วย ชักกระบี่แทงนำไปทางศัตรูข้างๆ คนหนึ่งก่อน
ทันใดนั้น แสงดาบเงากระบี่ก็เข้าปะทะกัน เสียงเคร้งคร้าง พกพาจิตสังหารอันตึงเครียด ลักษณะพื้นที่จุดนี้มิใช่ข้างป่าเอวเขาที่ราบเรียบ การห้ำหั่นอันดุเดือดดังขึ้นกับเสียงพระพาย
สองมือขาวเนียนชายสวมหน้ากากชุดขาวแทรกผ่านระหว่างคนเหล่านั้นทั้งเบาทั้งไว ราวกับกำลังทำพวงมาลัย แต่ผู้ที่ถูกพัดของเขา ใบหน้ากลับกรีดเป็นรอยแผลมีเลือดซึมรอยหนึ่ง จากนั้นความคันอันน่าสะพรึงก็ทำให้การเคลื่อนไหวพวกเขาช้าลงอย่างห้ามไม่อยู่ กลับหันไปจับปากแผลนั้น
เดิมทีอิงยังป้องกันการลอบทำร้ายด้านหลังให้เขา ครั้นเห็นเช่นนั้นก็วางใจ ไม่ว่าเขามีจุดประสงค์อะไร เวลานี้ไม่กลับลำน้ำก็พอ พอแล้ว
กระบี่สองเล่มหนึ่งซ้ายหนึ่งขวาแทงมาทางเขา เขาจะถอยหลัง ด้านหลังก็มีลมกระบี่จู่โจมมา กระบี่ยังไม่ถึง เขาก็รู้สึกว่าอายกระบี่เสียบหลังของตนแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ