ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 416

"นี่มันเสียงอะไร?"

ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะกังวาล แต่ก็ไม่ได้ใกล้มาก เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนั้นจึงรีบไปหาที่มาของเสียงทันที

ฟังเสียงระบุตำแหน่ง โหลชียังชำนาญอยู่บ้าง ไม่นานนางก็ระบุแถบเนินเขาด้านหน้าเล็กๆ เนินเขาเล็กๆ แถบนั้นตัวเนินบางมาก ดูแล้วเหมือนปราการแถบหนึ่งมากกว่า ดังนั้นเสียงจึงไม่ตัดขาดทั้งหมด อีกทั้งเสียงไข่มุกตกจานหยกยังกังวานผิดปกติด้วย ทั้งทะลุทะลวงถึงที่สุด ดังนั้นแม้มองไม่เห็นลักษณะ แต่ยังได้ยันเสียงชัดเจน

เพราะต้องผ่านที่โล่งแถบนั้นถึงสามารถถึงสถานที่นี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าประเมินต่ำฟ้าดินแถบนี้ และไม่กล้าประมาท ดังนั้นถึงเฉินซ่าจึงได้แต่อดกลั้นความหึงหวงและความต้องกาฆ่าในใจก่อน เรียกโหลชีเสียงหนึ่ง "มาข้างๆ ข้า"

"ทำไมถึงเหมือนเรียกหมาน้อยเช่นนั้น"โหลชีพึมพำด้วยเสียงต่ำ แต่ก็เดินตรงไปหาเขาอย่างเชื่อฟัง

หยุนเฟิงมองดูนางเดินไปหาเฉินซ่า ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาและเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังพูดกับเขาอยู่ และจู่ๆก็มีความรู้สึกขมขื่นปรากฏขึ้นในใจเขา

ก่อนหน้านี้เมื่อโหลชีอยู่ต่อหน้าเขา นางมักจะดูเหมือนผู้หญิงที่มีอำนาจและแข็งแกร่ง เขาไม่เคยเห็นนางมีเสน่ห์ดูเย้ายวนขนาดนี้มาก่อนเลย ดูท่าเฉินซ่าคือคนที่อยู่ในใจของนางจริงๆ หากนางคือคนที่พวกเขาตามหามาตลอดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเขาจะมีวิธีใดที่สามารถนำหัวใจของนางไปจากเฉินซ่าได้?

ในเวลานั้น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวขึ้นเล็กน้อย ในดวงตามีแสงอีกชนิดหนึ่งคล้ายคืบคลานกลบทับสายตาอ่อนโยนแต่เดิม และมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย จากรอยยิ้มที่สดใสในตอนแรกจู่ๆก็กลายเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว ถ้าหากใครเห็นก็คงจะรู้สึกประหลาดใจ

ริมฝีปากของเขาแยกออกเบาๆ เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า "แย่งหัวใจ?นี่เป็นเรื่องที่โง่ที่สุดเลยมิใช่หรือ?สตรีเนี่ยนะ เผด็จศึกไปเลยก็สิ้นเรื่อง ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ยังกลัวนางไม่ไปด้วยอีกหรือ? อย่าว่าแต่เจ้าดูไม่ออก จนถึงตอนนี้โหลชีก็ยังเป็นหญิงพรหมจรรย์ ถ้าเจ้าชิงนอนกับนางก่อนเฉินซ่า นางย่อมเห็นเจ้าสำคัญกว่าเฉินซ่าอยู่แล้ว"

เมื่อพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง น้ำเสียงเองก็เปลี่ยนไป "เจ้าคิดว่าข้าน่ารังเกียจเหมือนเจ้ารึ?"

โหลชีที่อยู่ข้างหน้าเขาจู่ๆก็มองเขา ในดวงตาปรากฏความสงสัย

หยุนเฟิงกำหมัดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ยิ้มให้นาง

"ยังมองไอ้หน้าอ่อนนั่นอีก เจ้าอยากให้ข้าฆ่าเขาใช่หรือไม่?" เสียงที่เคร่งขรึมของเฉินซ่าดึงโหลชีออกจากความสงสัยนั้น

นางกลอกตา แล้วตอบกลับอย่างรำคาญ"ฝ่าบาท ท่านหยุดเรียกว่าไอ้หน้าอ่อน ไอ้หน้าอ่อนสักทีได้หรือไม่?พูดเหมือนข้าเลี้ยงต้อยอย่างนั้น"

"เจ้ากล้าหรือ?"ลมหายใจของเฉินซ่าก็เย็นลง และไอเย็นนั้นก็แทบทำให้ผู้คนแข็งตายได้

"ทำไมถามว่ากล้าหรือไม่?ข้าไม่มีความคิดแบบนั้นเลยนะ"

แขนเหล็กของเฉินซ่าก็ล็อคเอวบางของนางเอาไว้แน่น แล้วกัดฟัน "ใจของเจ้าต้องอยู่กับข้าเท่านั้น ห้ามไปสนใจผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด"

"จอมเผด็จการ!" โหลชีหยิกแขนของเขา แล้วหันไปพูดกับเฉิงสิบ "พยุงหลินเสิ้งเวยไปเถิด"

เสียงของไข่มุกที่ตกลงบนแผ่นหยกยังคงดังอยู่ พวกเขาจะไม่ได้ไปดูได้ยังไง

เฉิงสิบและหวูเสี้ยวหยู่ช่วยพยุงหลินเสิ้งเวย แล้วทุกคนก็เดินไปที่เนินเขาด้วยกัน ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นแปลกๆ แรงขึ้น กลิ่นหอมสดชื่นทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง

แต่แล้วหวูเสี้ยวหยู่ซึ่งมีวรยุทธ์น้อยที่สุดที่นี่ เป็นคนแรกที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพยุงมือหลินเสิ้งเวยด้วยมือข้างหนึ่ง กดหน้าผากด้วยมืออีกข้างหนึ่ง และส่ายหัว "กลิ่นหอมนี่มีพิษ เวียนหัวมาก"

ในตอนแรกคนอื่นๆก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฉิงสิบพวกเขาก็หยุดทันที เฉิงสิบมองไปยังโหลชี "แม่นางยังมียาแก้พิษอยู่กับตัวหรือไม่?"

"มี แต่ว่า..." เสียงของโหลชีหยุดลง ก่อนหน้านี้นางเคยให้ยาแก้พิษกับพวกเขา แต่ผลของยาไม่ได้หายไปเร็วขนาดนั้น ด้านนอกมีไอพิษ แต่เมื่อผ่านเวิ้งก็จะหายไป ดังนั้นถึงแม้ว่าหลินเสิ้งเวยที่อยู่ทางนี้จะมีอาการบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะได้รับไอพิษเข้าสู่ร่างกาย แต่ยาแก้พิษที่นางให้ไปนั้นไม่เพียงแต่ล้างไอพิษก่อนหน้านี้ได้ พูดตามหลักเหตุผลแล้ว ควรจะขจัดไอพิษได้หลายชนิดถึงจะถูก ถ้าอย่างนั้นทำไมที่นี่ยังมีพิษอยู่อีกล่ะ?

ไม่รอให้นางคิดออก หวูเสี้ยวหยู่หันไปหาหลินเสิ้งเวยแล้วมองเขาด้วยความสับสน คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของอีกฝ่าย แสดงสีหน้ามีความสุขและเขินอาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "เสี่ยวเหลียน เจ้ารอข้าก่อน พี่หยู่ของเจ้าจะต้องกลับไปหาเจ้าแน่นอน เสี่ยวเหลียน พี่หยู่จะต้องมีอนาคตที่ดี ไม่ให้พ่อแม่เจ้าดูถูกข้า"

หลินเสิ้งเวยขนลุกไปหมด ทันใดนั้นเขาก็ดึงมือออกจากมือของหวูเสี้ยวหยู่แล้วก้าวถอยหลังก้าวใหญ่ "ไอ้เชี่ย!หวูเสี้ยวหยู่เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้า!"

ไม่ใช่บอกว่าถูกพิษหรือ?

เขาถูกยาหวนรักกระมัง!

น่ารังเกียจเสียจริง!เขาไม่ใช่พวกรักชายหรอกนะ

"เสี่ยวเหลียน เจ้าอย่าไป เจ้าโกรธข้าอยู่ใช่ไหม?" หวูเสี้ยวหยู่หันไปหาเฉิงสิบ มุมปากของเฉิงสิบกระตุก เขามองไปที่โหลชีเพื่อขอความช่วยเหลือ

แม่นาง ช่วยด้วย

เขามองออกว่าหวูเสี้ยวหยู่คงจะถูกทำให้สับสน แต่ว่าเขาก็ไม่อยากถูกหนุ่มน้อยมาลูบไล้ใบหน้าแล้วเรียกเขาว่าเสี่ยวเหลียนหรอกนะ

ในตอนนั้นเอง นางก็สังเกตว่าเสียงของไข่มุกที่ตกลงบนแผ่นหยกยังคงดังอยู่ แต่คราวนี้เสียงดังเร็วขึ้นมาก นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วหันไปทางเนินเขา เมื่อมองขึ้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้านางทำให้ดวงตาของนางเบิกกว้าง รู้สึกว่าเหลือเชื่อมาก!

ตอนนี้คือฤดูร้อน และฤดูร้อนก็กำลังจะหมดไป บนเขาอากาศหนาวเป็นพิเศษ อีกทั้งหลังจากผ่านที่โล่งตรงนั้นแล้ว นางก็รู้สึกว่าอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา แต่ก็ไม่มีเหตุผลเลย ทะเลสาบ ทะเลสาบที่มีผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง? !

เฉินซ่าก็เดินไปข้างๆนาง เมื่อเห็นสิ่งที่นางเห็น เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทะเลสาบแก้วน้ำแข็ง?"

ริมทะเลสาบแก้วน้ำแข็ง มีต้นไม้สี่ต้นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต้นไม้ทั้งหมดคดเคี้ยวและโค้งลงไปที่ทะเลสาบ มีผลไม้ทรงกลมขนาดเท่าเชอรี่มีสีเหมือนหิมะมากมายบนต้นไม้ ตอนนี้ผลไม้สีเหมือนหิมะก็กำลังร่วงหล่นลงมา มันตกลงบนทะเลสาบแก้วน้ำแข็งแล้วเด้งขึ้นมาเบาๆ ทำให้เกิดเสียงที่คมชัด

"ผลนี้ทำให้เกิดเสียง..." โหลชีรู้สึกเหลือเชื่อมาก แม้ว่าผลไม้เหล่านี้จะแข็งมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดเสียงที่คมชัดเช่นนี้

แต่ว่าสิ่งที่ตาเห็นก็คือเรื่องจริง มันคือเสียงของผลไม้สีหิมะที่ตกลงมาจริงๆ

"ติง ติง ตัง ตังไพเราะจริงๆ เหมือนกล่องดนตรีที่นักพรตชั่วซื้อให้ข้าตอนเด็กๆกล่องดนตรีนั่นทำมาจากคริสตัล..." โหลชีชะงักทันที แล้วตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความตกใจ "ไม่ใช่ไอพิษ แต่เป็นเสียงเหล่านั้นที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนและสับสน! "

พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเป็นเพราะไอพิษ แต่ไม่ใช่เลย! ดังนั้นยาแก้พิษของนางจึงไม่ได้ผล!

"อ๊าก!" มีเสียงตะโกนจากด้านหลัง

โหลชีหันหลังไปก็เห็นว่าหยุนเฟิงเอามือทั้งสองข้างจับไว้ที่ศีรษะ ถอยไปหลังสามก้าว เฉิงสิบยืนอยู่ข้างหน้าหลินเสิ้งเวยและหวูเสี้ยวหยู่มองดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง

อารมณ์ทางสีหน้าของหยุนเฟิงเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะหนึ่งอ่อนโยน ชั่วขณะชั่วร้าย ชั่วขณะโกรธ และชั่วขณะเย้ยหยัน

ถึงแม้ว่าอารมณ์ของเขาจะเปลี่ยนไปมากมาย แต่ดูเหมือนว่าแววตาของเขามีเพียงสองประเภทเท่านั้น ซึ่งทำให้โหลชีรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาก

"แม่นาง?คุณชายหยุนโดนของหรือ?" เฉิงสิบตกตะลึง

การแสดงออกประหลาดๆแบบนี้ดูเหมือนปีศาจจริงๆ

เฉินซ่าถอนหายใจพูดอย่างเย็นชา "คนอัปลักษณ์มากเรื่อง ฆ่าแล้วสะบายกว่า"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ