นางพึ่งพูดจบ ก็รู้สึกได้ว่าร่างกายเฉินซ่าผ่อนคลายลงไปหน่อย โหลชีดีใจ นี่แสดงว่าเขาได้ยินเสียงนาง!
เจ้าอาวุธทำลายล้างเฉินนี่แข็งแกร่งไร้ใครเทียมจริงๆ ไม่เพียงวิทยายุทธ์ลึกล้ำ ร่างกายและจิตก็แข็งแกร่งไร้ใครเทียมด้วย บนตัวมีอะไรซี้ซั้วมั่วซั่วเจ็ดแปดอย่างเขายังไม่ตายเลย คำสาปพิษกู่ ตอนนี้ยังมีวิชาลับในการสะกด เขาเป็นแบบนี้แล้ว ยังเหลือสติบางส่วนเอาไว้ ไม่ให้ตนเองสลบลงไป
แต่ว่าหลังจากนางดีใจชื่นชมแล้วก็ปวดใจมาก ความแข็งแกร่งของคนเราไม่มีทางมีมาตั้งแต่เกิด แต่กลับต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากและทรมานอย่างที่คนธรรมดายากจะรับได้มาก่อนแน่ ถึงได้ค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆ
ตอนนี้นางกลับเริ่มสงสัย ถ้าเขาถูกพ่อแม่บุญธรรมคู่นั้นเลี้ยงดูมาจนโต งั้นนอกจากความแค้นที่พ่อแม่บุญธรรมถูกฆ่าแล้ว น่าจะเป็นชีวิตตอนเด็กลำบากหน่อยล่ะมั้ง? จะมีความทุกข์ยากลำบากอะไรอีก?
เมื่อก่อนนางก็เคยสงสัยแบบนี้ แต่นางไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตอนนี้วิชาลับในการสะกดของราชวงศ์ตระกูลเฉินนี่เปิดเผยออกมา โหลชีเลยคิดถึงปัญหานี้ขึ้นมาได้
เฉินซ่าไม่เคยเล่าเรื่องวัยเด็กให้ฟังด้วย หรือว่าก่อนเขาหกขวบมีเรื่องอะไรอีก?
แต่ตอนนี้ไม่เหมาะจะมาวิเคราะห์เรื่องนี้
เมื่อได้ยินก็ดีมากแล้ว โหลชีพูดเล่าคำพูดของนักพรตเลวกับเขาด้วยเสียงเบาไปหนึ่งรอบ
เพียงแต่นางพูดไปๆก็รู้สึกแปลกพิกล
"ทุกจุดบนตัวท่านต้องใช้เลือดของข้าวาดค่ายกลเลือดควบคุมไว้ ค่ายกลเลือดต้องค้างไว้สามวัน..."
ไม่ถูกสิ ทุกจุดบนตัวต้องวาด? งั้น งั้นเท่ากับบอกว่าเขาจะโป๊เปลือยให้นางดูน่ะสิ? ไม่เพียงดู นางยังต้องวาดบนตัวเขา...
ต่อให้หน้าโหลชีหนาแค่ไหน เวลานี้ก็อดหน้าแดงไม่ได้
แต่ไม่นานนางก็พบว่าเสียงหัวใจเต้นของเฉินซ่าดังชัดเจนขึ้นมาหน่อย การค้นพบครั้งนี้ทำให้นางหน้าแดงมากกว่าเดิม ทนไม่ไหวทำท่ากำหมัดจะชกหน้าอกเขา แต่ก็หยุดลงในระยะที่ห่างจากหน้าอกเขาเพียงไม่กี่นิ้ว
กัดฟันกรอด เกือบลืมไปแล้วสิ ตอนนี้เขาอ่อนแอมาก หมัดนี้ลงไปอย่าทำร่างเขาเป็นรูแล้วกัน
"อย่าคิดมากไปนักเลย ข้าทำเพื่อช่วยท่านน่ะแหละ!"
นางบ่นออกมาอย่างหงุดหงิด สะบัดอารมณ์ไม่ดีอื่นๆออกไป พลางสงบจิตใจ และหยิบพิชิตวันออกมากรีดนิ้วตัวเอง และเริ่มวาดค่ายกลเลือดบนหน้าอกเขาต่อไป
ค่ายกลเลือดไม่ได้ง่ายแค่วาดรูปออกมาก็ได้แล้ว มันต้องใช้จิตของนางวาดมันออกมา ดังนั้นพอครึ่งหน้าอกของเฉินซ่าวาดเสร็จแล้ว นางรู้สึกอ่อนแอลงไป ตอนนี้ในถ้ำก็มืดลงมาก ความดำมืดเข้ามาถึงแล้ว
โหลชีจำต้องหยุดลงชั่วคราว
ตอนนี้นางทั้งเหนื่อยทั้งหิว ถ้าไม่พักผ่อนสักหน่อย กลัวว่าค่ายกลเลือดที่วาดออกมาจะมีพลังไม่พอ
นางผ่อนลมหายใจก่อนจะมองดูเฉินซ่าอีก นางตกใจแทบล้มลงไปกองกับพื้น เฉินซ่าที่ก่อนหน้านี้ยังนิ่งราวรูปแกะสลักน้ำแข็ง ตอนนี้กลับลืมตาขึ้น ในดวงดำดำขลับดุจท้องฟ้ายามค่ำคืนนั่นคล้ายจะมีแต่นางคนเดียว ไม่มีอย่างอื่นในนั้นเลย
สีหน้าเขาดีขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าและร่างกายก็มองไม่เห็นเส้นเลือดที่เหมือนปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งสีขาวพวกนั้นแล้ว เพียงแต่สีผิวดูขาวซีดปนน้ำเงินเล็กน้อย แต่กลับทำให้เขายิ่งดูหล่อเหลาอย่างน่าประหลาด และยิ่งสะท้อนให้เห็นดวงตาคู่นั้นว่าดำขลับไร้ใครเทียม
"ท่านฟื้นแล้ว?"
เห็นได้ชัดว่าโหลชีดีใจมาก
เฉินซ่าในตอนนี้ยังมึนงงอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด แต่มันไม่ขัดขวางให้เขารู้สึกว่าโหลชีในตอนนี้อ่อนหวานงดงามนัก
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เข้าใจ คงเพราะนางไม่เหมือนกับปกติแล้ว เมื่อก่อนต่อให้เขาพิษกู่กำเริบหรือเจอเรื่องอะไร ก็ไม่เคยเห็นนางตื่นเต้นอย่างนี้มาก่อน ตอนนี้พอเห็นเขาฟื้นขึ้นมา ในดวงตานางกลับมีประกายน้ำตา
"เจ้าบาดเจ็บรึ?"
น้ำเสียงเฉินซ่าแหบพร่าเล็กน้อย สั่นไหวนิดหน่อย ในความอ่อนแอนั้นกลับเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก ทำเอาโหลชีคันหูยิบๆ รู้สึกวาบหวามที่หัวใจนัก
น่ากลัวจริง ไม่คิดว่าเฉินซ่าตอนอ่อนแออานุภาพทำลายล้างจะยิ่งแกร่ง!
"หือ?"
พอถามแล้วพบว่านางหูแดงเล็กน้อย และไม่ตอบอะไรอยู่นาน เฉินซ่าสงสัยจนจะยื่นมือไปลูบหน้านาง
"หา? อะไร?" โหลชีถึงได้สติกลับมา ใบหน้าร้อนผ่าว รีบส่ายหัวบอก "ไม่มี ข้าไม่ได้บาดเจ็บ!"
"วาดเจ้านี่ ค่ายกลเลือดอะไรนี่ เหนื่อยมากใช่หรือไม่?" ตอนนี้สติเฉินซ่าไม่ดีเท่าแต่ก่อน เวลาพูดก็เว้นคำเป็นช่วงๆ แต่น้ำเสียงกลับทำให้โหลชีวาบหวามหูนัก
"ก็เหนื่อยอยู่ ตอนนี้ข้าเลยต้องพักครึ่งชั่วยาม กินอะไรหน่อยค่อยวาดต่อ ตอนนี้ท่านรู้สึกยังไงบ้าง? โหลชีพยายามสงบจิตใจตัวเอง แอบด่าตัวเองว่าไม่ได้เรื่อง อยู่ข้างกายเขามากว่าครึ่งปีแล้ว ตอนนี้พึ่งจะมาเคลิ้มหรือไง?
"ไม่เป็นไร"
โหลชีกำลังจะถามว่ากำลังภายในเขายังอยู่ไหม ก็ได้ยินเขาบอกว่า "พวกอิงมาแล้ว"
พวกคนที่รีบร้อนเร่งมาจากด้านนอกคือพวกอิงจริงๆ
ในที่สุดฝนก็หยุดตก สีท้องฟ้ายิ่งดำมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขารวมตัวกันอยู่นอกถ้ำ ในมือถือคบไฟ แสงไฟส่องมาที่ร่างพวกเขา แต่ละคนเลอะคราบโคลนสะบักสะบอมนัก
นี่ไม่ถือว่าอะไร เพียงแต่โหลชีกวาดตามองไปพบว่าคนน้อยนัก อย่างน้อยหายไปแปดเก้าคน
โหลชียิ้มน้อยๆ "เจ้าลอง..." สายตานางไปตกที่ตัวอิ้นเหยาเฟิงซึ่งลอบมองเฉิงสิบอยู่ไม่ไกล พลางว่า "เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องการให้เจ้าช่วยข้าทำอะไร เจ้าช่วยไปดูแลท่านพี่อิ้นเหยาเฟิงคนนั้นก่อนละกัน นางได้รับบาดเจ็บแล้ว"
อิ้นเหยาเฟิงได้ยินชื่อนางก็มองมา สบกับสายตารู้ทันของโหลชี พลันใบหน้าร้อนผ่าวเล็กน้อย นางมองตามเฉิงสิบอยู่ตลอด หรือว่าโดนพระสนมเห็นเข้าหมดแล้วรึ?
ถ้าเป็นปกติ โหลชีไม่แน่จะช่วยอิ้นเหยาเฟิงเล็กน้อย แต่ตอนนี้นางต้องใช้เฉิงสิบ มีหรือจะสนใจอิ้นเหยาเฟิงอีก
"หลินเสิ้งเวย"
หลินเสิ้งเวยที่ไปรับคนพวกนี้ครั้งนี้ถือว่าทำภารกิจสำเร็จไปหนึ่งอย่าง เพราะการต้องผ่านความว่างเปล่าตรงนั้นมาอีกถือว่าอันตรายมากนัก
ในตอนที่โหลชีเห็นเขาสมองพลันวาบขึ้น จึงเอ่ยปากเรียกเขาเข้ามา
"พระสนมมีอันใดจะสั่งการรึขอรับ?"
"เจ้าพาคนหลายคนไป..." โหลชีบอกเขาเสียงต่ำ หลินเสิ้งเวยได้ยินชัดเจนแล้วก็เลือกมาหลายคนและจากไป
คนพวกนี้อย่างน้อยก็ออกมาจากกองทัพตนเอง ถึงตอนนี้สภาพแวดล้อมจะแย่นัก ฝนตกลงมาห่าใหญ่ บนเขามีโคลนดินเสียมาก โหลชีไม่ได้ให้พวกเขาเข้าถ้ำ แต่ไม่มีใครโอดครวญเลย ทั้งหมดร่วมแรงกันตัดต้นไม้มาทำเป็นบ้านไม้ง่ายๆหลายหลัง ด้านบนใช้ใบไม้กดทับลงไปเป็นชั้นๆ ถือเป็นสถานที่หลบลมหลบฝนได้อยู่
บางคนออกไปล่าสัตว์ เก็บไม้แห้งในรอยแยกของหินมาเผาไหม้ทำคบไฟหลายอัน และเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกชื้นออกมาผิงกองไฟโดยรอบ พอแห้งก็ช่วยกันลมได้ด้วย ไม่นานก็รู้สึกว่ารอบด้านอุ่นขึ้นไม่น้อย กลิ่นหอมของการย่างเนื้อก็ลอยมา
โหลชีเองก็เริ่มต้นย่างเนื้อ รอจนนางย่างเสร็จแล้วยกเข้าไปข้างในถึงนึกขึ้นได้ว่า ทำไมนางต้องแคร์เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ด้วย ยังกลัวเนื้อที่คนอื่นย่างไม่อร่อย แล้วเฉินซ่าจะรังเกียจ ยังต้องตัวเองลงมือย่างเองแล้วส่งเข้ามาให้เขาอีก
"ยืนนิ่งทื่ออยู่นั่นทำอะไร?"
นางได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเฉินซ่าเลยหันไปมอง ถึงพบว่าเขาลุกขึ้นมา หลังพิงกำแพงดิน หันมาทางนี้ มีกองไฟหนึ่งห่างจากเขาไปไม่ไกล ดวงตาคู่นั้นของเขาดูเจิดจ้าราวกับประกายดวงดาวท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้า ทำเอานางใจกระตุก
"ทำไมท่านลุกขึ้นมาล่ะ?" นางปกปิดมันไว้ เดินเข้าไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ออกไป" เฉินซ่าพลันพูดขึ้น
"หา?"
ในตอนที่โหลชีอึ้งอยู่ เทียนอิ่งปราดออกไปนอกถ้ำ โหลชีไม่รู้จะทำหน้ายังไง นี่องครักษ์ลับของเขาไม่ใช่หรือไง? ทำไมเขาชอบไล่เทียนอิ่งไปนักนะ
"มานี่ มาป้อนข้า"
พอได้ยินคำนี้ โหลชีหน้ามุ่ยลงทันที นี่คงไม่ใช่ว่าไม่อยากให้เทียนอิ่งเห็นว่าเขาอ่อนแอจนต้องโดนป้อนอาหารถึงไล่เขาออกไปหรอกนะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ