โหลชีดึงเฉินซ่าไปอีกทางหนึ่ง ขมึงตามองเขาถามเรื่องยอดทหารห้าสิบนามนั้น อย่าเห็นนางเขลา ไม่มีสาเหตุจะมียอดทหารห้าสิบคนพกพาระเบิดชั้นต่ำเช่นนั้นมาฆ่านางได้อย่างไร? อีกอย่างเขายังรีบมาอย่างร้อนรน ใช้นิ้วหัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าเขาทางนั้นพบกับใครหรือเรื่องอะไรแล้ว
"กองพยัคฆ์แห่งเขาซงซาน แผนการที่จอมพลเกายู่หู่กับลูกสาว..."
เฉินซ่าเพิ่งพูดไปครึ่งประโยค โหลชีก็เลิกคิ้วยาวแล้ว มองเขาอย่างยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "เดี๋ยว ให้ข้าเดาก่อน ฝ่าบาทล่อแมลงผีเสื้อมาอีกแล้วละสิ? ว่ามา ลูกสาวของเกายู่หู่คนนี้ชื่ออะไร? สวยไหม? ทรวดทรงเผ็ดร้อนหรือไม่?"
กล่าวถึงสุดท้าย นางก็ประชิดเขาแล้ว นัยน์ตาไฟลุกโชน
เฉินซ่านิ่ง กล่าวเรียบ "นางผู้นั้นเห็นว่าชื่อเกาอินอินอะไร หน้าตาอย่างไร ข้าไม่รู้ แต่ข้าคาดคะเนว่ามัจจุราชต้องชอบนางแน่ "
ถ้อยคำนี้กล่าวด้วยเสียงที่เรียบ ทว่าจิตสังหารในวาจากลับเข้มข้นสุดประมาณ
ทันใดนั้นโหลชีก็ถูกความเหี้ยมชนิดนี้ของเขาทำให้สนุก "ท่านก็บอกกับข้ามาเสียดีๆ?"
เฉินซ่าเป็นคนประเภทกล่าวเรื่องนี้ละเอียดเสียที่ไหน แบบฉบับแรกคือกล่าวลวกๆ ไม่กี่ประโยค บอกว่ากองพยัคฆ์ของเกายู่หู่มีอาวุธที่เรียกว่าระเบิดร้อยทำลายชนิดหนึ่ง ร้ายกาจมาก ทำร้ายกองหน้าร้อยคนของเขา หลังจากนั้นเกาอินอินก็มาเจรจาข้อเสนอกับเขาเพียงลำพัง
การกล่าวเช่นนี้ไม่สนุกเลยสักนิด โหลชีฟังจนเหลือกตาหนัก ตอแยให้เขาเล่าให้ละเอียดกว่านี้อีกรอบ
"ข้าให้เจ้าพูดอย่างไร เจ้าก็พูด เกาอินอินผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร มาหาถึงที่แล้วพูดอะไร นางมีเงื่อนไขอะไรบ้าง แล้วก็ ทำไมต้องให้คนมาฆ่าข้า?"
เฉินซ่าถูกนางตื้อจนทนไม่ไหว จึงอธิบายตามความต้องการของนางอย่างจนใจ
"เกาอินอินผู้นั้นสวมชุดบุรุษ ผมยาวรวบสูง คิ้วตาองอาจ..."
"ท่านยังว่าท่านไม่รู้หน้าตานางเป็นอย่างไรอีก!" โหลชีหยิกตรงเอวเขาทันที "ไม่รู้หน้าตานางเป็นอย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าคนเขาคิ้วตาองอาจ?"
เฉินซ่าพลันหมดคำพูด ในใจมีความบุ่มบ่ามที่อยากจับนางมาตีก้น เป็นนางที่จะให้เขาพูดเช่นนี้ให้ได้ เขาไม่ได้ดูหน้าตาเกาอินอินชัด คิดแต่ในเมื่อนางเป็นหญิงแต่งชาย ถ้อยคำบรรยายก็ได้แต่ใช้คำคุณศัพท์เป็นกลางอย่างองอาจ นี่ก็จับผิดได้อีก
"ข้า..."
โหลชีขัดเขา "ก็ได้ รู้ก็ไม่อะไร ความหมายของข้าคือ มองแล้วก็มองแล้วสิ มีอะไรน่าปิดบังกัน ถึงข้าเห็นชายงาม นั่นก็ดูมากหน่อยเท่านั้น นี่เป็นเรื่องปกติของมนุษย์..."
"โหลชี!"
เฉินซ่ากัดฟัน นางเห็นชายงามอะไร? แล้วยังมองมากอีกหน่อย?
"ใต้หล้านี้มีผู้ใดรูปงามกว่าข้าอีก? หากเจ้าจะมอง ก็มองได้เพียงข้าเท่านั้น!"
"อุ๊บ"
โหลชีขำเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่เคยเจอคนหน้าหนาเช่นนี้มาก่อนจริงๆ เขาหน้าตาดีมาก แต่โหลฮ่วนเทียนพี่ชายของนาง แล้วยังเฮ่อเหลียนเจี๋ยก็หน้าตาดีมากเหมือนกัน แต่ถ้อยคำนี้นางไม่กล้าเอ่ยในยามนี้ ความหึงหวงคนผู้นี้มากทะยานฟ้า โหลฮ่วนเทียนยังดี แต่หากนางกล้าพูดว่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยหน้าตาดี ไม่แน่ว่าเขาจะกล้าถกกางเกงตีก้นนางตรงนี้จริงๆ
"มีอะไรน่าขัน? หรือไม่ใช่เช่นนี้?"
โหลชีรีบเอาใจเขา "ใช่ๆๆ ในสายตาข้า โลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนหน้าตาดีไปกว่าท่านอีกแล้ว" แหวะ วาจาเช่นนี้นางก็กล่าวออกมาได้ ตอนนี้ทักษะเลียขาก้าวหน้าขึ้นอีกแล้วจริงๆ
แต่เฉินซ่ากลับชอบฟังถ้อยคำนี้ของนาง สีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง
"เกาอินอินใช้ข้าเป็นเครื่องต่อรองกับท่าน นางคิดจะทำอะไร?"
"บังคับให้ข้าไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับนางทันที ไม่เช่นนั้นจะเอาชีวิตเจ้า"
ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้ โหลชีก็อดยิ้มเย็นไม่ได้ "จริงๆ เลย ใครก็อยากแย่งผู้ชายของข้า"
"ข้าแค่ห่วงว่าอานุภาพของระเบิดร้อยทำลายนั้นจะมากเกินไป กลัวเจ้าจะบาดเจ็บจริงๆ..."
โหลชีขัดเขา เอ่ยอย่างไม่คิดเช่นนี้ "ของครึ่งๆ กลางๆ พรรค์นั้นก็กล้าพูดว่าอานุภาพร้ายแรง? ฝ่าบาท เราไม่ยกยอคนอื่นจะได้ไหม?"
เฉินซ่าได้ยินคำกล่าวอันยโสนี้ของนาง นัยน์ตาก็ดำเป็นประกายขึ้นมาทันที
โหลชีคล้องแขนของเขา คิ้วตาเปื้อนความร้ายกาจชั้นหนึ่ง "ไป เรากลับกัน ข้าจะดัดแปลงระเบิดร้อยทำลายสักหน่อย แล้วไปโยนใส่กองพยัคฆ์ที่เขาซงซานกับท่าน!"
ฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ บีบผู้ชายของนางให้แต่งงาน แล้วยังกล้าส่งคนมาฆ่านางอีก กองพยัคฆ์เขาซงซาน ข้าจะทำให้พวกเจ้าทั้งหมดกลายเป็นพยัคฆ์เละของเขาซงซาน!
...
หลินเสิ้งเวยและคนอื่นๆ ขี่ม้ากลับไป ส่วนเฉินซ่ากับโหลชีก็พาจิ้งจอกม่วงขี่อินทรีกลับไปก่อน
อิงกำลังซอยเท้าร้อนรนอยู่ในกระโจม มองท้องฟ้าบ่อยๆ ทำให้ซู่ฉงโจวที่นั่งสงบอยู่ในกระโจมจนใจมาก
"เจ้าไม่ลนลานได้ไหม?"
คนตัวใหญ่เช่นนี้ บดบังการมองเห็นกว้างมาก ขณะที่เขากำลังมองภูเขาไร้นามลูกนั้นคิดแผนการบุก ถูกเขาเดินไปเดินมาเช่นนี้ ไหนเลยจะเห็นชัด
"คุณชายฉงโจว ท่านว่าพระสนมจะเกิดเรื่องหรือไม่?"
ว่าไปแล้วอิงยังเป็นห่วงโหลชีมาก แม้นายท่านจะขี่อินทรีเร่งไปแล้ว แต่หากเจอกับอาวุธเช่นนั้น ศิลปะป้องกันตัวสูงส่งก็อาจไม่มีประโยชน์
เขาไม่เคยพบเห็นอาวุธที่โยนออกไปแล้วระเบิดได้เองแบบนั้นจริงๆ น่ากลัวเกินไปโดยแท้
ซู่ฉงโจวเป็นพี่น้องกับเฉินซ่า แต่เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบจริงๆ ดังนั้นเฉินซ่าจึงยังไม่ได้มีโองการแต่งตั้งฐานะของเขา แต่พวกเขาก็ไม่อาจปฏิบัติตัวกับซู่ฉงโจวเยี่ยงสมาชิกหนึ่งในกองทัพได้ ดังนั้นจึงเรียกเขาว่าคุณชายฉงโจว
ซู่ฉงโจวส่ายหน้าเอ่ย "พระสนมของพวกเจ้าผู้นั้น ข้ามักรู้สึกว่าร้าย..."
แต่คิดไม่ถึงว่ายามนี้กลับรู้สึกซับซ้อนอยู่ในใจ เมื่อครู่ท่านนี้กล่าวว่าเป็นพี่ชายของพระสนม? แถมมาถึงก็รีบบอกว่าจะพาพระสนมจากไป นี่มิใช่จะเกิดเรื่องอะไรหรอกนะ? นางหวังว่าพระสนมจะไม่จากไปอีก ใช้ชีวิตกับฝ่าบาทดีๆ และอีกไม่นานก็จะถึงวันสถาปนาแคว้นแล้ว
สถาปนาแคว้นแล้วก็จะแต่งตั้งฮองเฮา หากพระสนมจากไปแล้วจะทำอย่างไร?
ดังนั้นยามนี้นางไหนเลยจะมีกะจิตกะใจชื่นชมชายงาม
"ฝ่าบาทกับพระสนมเสด็จกลับวังแล้ว!"
ด้านนอกมีเสียงคนในวังดังมา โหลฮ่วนเทียนลุกขึ้นพลัน แทบรอไม่ได้สักนาที สาวเท้ายาวเดินออกไปนอกห้องโถง
ทีแรกโหลชีกับเฉินซ่ารีบกลับมาเตรียมของบางอย่าง จากนั้นยังต้องไปค่ายทหาร คิดไม่ถึงว่าพอกลับมาก็ได้ยินว่าโหลฮ่วนเทียนมาแล้ว จึงวางเรื่องเหล่านี้ก่อนแล้วเร่งรุดมายังโถงรับรองทันที
"เสี่ยวชี!"
ครั้นโหลฮ่วนเทียนเห็นโฉมสะคราญที่เขาคนึงนิจ ก็คลี่รอยยิ้มงามสง่าไร้ใดเทียมออกมา แล้วยังถึงกับใช้วิชาตัวเบาแล่นตัวออกไปหานาง กางแขนทั้งสองจะกอดนางให้แน่น
ครั้นเห็นจะได้กอดแล้ว โหลชีกลับถูกคนที่อยู่ด้านข้างดึงออกไป ตกอยู่ในอ้อมอกของเขา ทำให้โหลฮ่วนเทียนต้องกอดอากาศธาตุ
โหลฮ่วนเทียนจ้องเฉินซ่าด้วยความเคืองโกรธ "นี่เจ้าทำอะไร?"
"ทำอะไร? มีคนทรามจะลวนลามสนมรักของข้า เจ้าว่าข้าทำอะไร?"
"นั่นเป็นน้องสาวของข้า"
"แล้วอย่างไร?" เฉินซ่าเลิกคิ้ว
โหลฮ่วนเทียนเริ่มถกแขนเสื้อทันที "คุยกันไม่ได้แล้ว มาสู้กันสักตั้งเถอะ!" ถือดีอะไร เขาหาน้องสาวมาหลายปีขนาดนั้น จะกอดไม่ได้ได้อย่างไร! ตั้งแต่จากกันครั้งนั้นจวบจนวันนี้ ยามราตรีเขานอนเพียงสองชั่วยาม เร่งวันเร่งคืน เร่งกลับตระกูลโหล แล้วเร่งมาพั่วอวี้อีก หากมิใช่หัวใจคิดแต่พบเสี่ยวชีแล้วจะได้กอดนางหนำใจ ก็คงเหนื่อยทรุดไปนานแล้ว ยามนี้เฉินซ่ากลับไม่ให้เขากอดนาง!
มีอย่างที่ไหนกัน!
"เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แน่ใจหรือว่าจะรนหาความอัปยศเอง?"
"ปากกล้าไม่น้อย!"
"แต่ไรมาข้าก็ถ่อมตน"
"อุ๊บ! นี่เจ้าเรียกว่าถ่อมตน?"
โหลชีประคองหน้าผาก "หรือพวกท่านจะทะเลาะกันก่อน? ข้าจะกลับไปอาบน้ำสักหน่อย กินของหวานชามหนึ่งแล้วค่อยกลับมา?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ