ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 466

ของที่ซือเอ๋อร์ส่งไปให้ในแต่ละครั้ง โหลชีเป็นคนปรุงเองทั้งหมด ดูเหมือนเป็นของดีมีคุณค่า แต่ตามจริงแล้ว นางได้ใส่สิ่งเล็กสิ่งน้อยลงไป แต่จางมิ่งมองไม่ออกอยู่แล้ว

ให้เขากินยาลงไปวันละนิดวันละน้อย หรือดมสักสิบห้านาที ใช้ทุกวิธีเพื่อโจมตีร่างกายของเขา ตอนนี้เลยเหลือแค่สิ่งนำพาชนิดหนึ่งเท่านั้น ก็สามารถทำให้เขาหมดสติอย่างสิ้นเชิง

จากนั้นนางค่อยไปสะกดจิต รับประกันกันว่าเขาจะพูดออกมาทุกอย่าง

เรื่องนี้ซือเอ๋อร์ทำได้ดี ดังนั้นก็ควรให้รางวัลนาง

ซือเอ๋อร์กัดริมฝีปาก"ซือเอ๋อร์ไม่เอาอะไรทั้งสิ้นเจ้าค่ะ"

โหลชีเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

หลังจากซือเอ๋อร์ถอยตัวลงไป หลงเอี๋ยนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆนาง และเล่าเรื่องของเขตเรือนจำทุกเรื่องให้นางฟัง รวมไปถึงคำพูดทุกคำที่ถูเปินพูดใต้ต้นไม้ และเรื่องขององครักษ์อวิ๋นกับอามู่ด้วย

โหลชีทำตัวเหมือนกับฟังเรื่องซุบซิบอยู่ ฟังอย่างเพลิดเพลิน"ดูเหมือนว่า ตำหนักจิ่วเซียวมีข่าวดีหลายๆอย่างตามมาแล้วสิ"หนุ่มสาวคบกันทีละคู่เลยสิทีนี้

ซือเอ๋อร์กับถูเปิน?

เหมือนก็เข้าอยู่นะ

องครักษ์อวิ๋นกับอามู่?โหลชีเหลือบไปมองเอ้อร์หลิงที่กำลังเย็บกระเป๋าผ้าพิเศษกับเสี่ยวโฉวให้นางในที่ไม่ไกล แล้วส่ายหน้า ช่างเถอะ เรื่องพวกนี้นางก็ยุ่งไม่ได้ อยู่ที่ชะตากรรมของพวกเขาแต่ละคนก็แล้วกัน

ในขณะที่โหลชีกำลังคิดจะลุกไปหาราชายาที่ตำหนักยาเพื่อให้เขาปรุงยาให้อีก องครักษ์เยว่ก็มาถึงอย่างเร่งรีบ สีหน้าดูจริงจังซึ่งเป็นสีหน้าที่ไม่เคยปรากฏมานานแล้ว

โหลชีหยุดเดิน รอเขาเดินมาถึงหน้าตัวเอง

"พระสนม"เยว่ยืนนิ่งต่อหน้านาง"มีข่าวสองข่าวขอรับ ข่าวแรกคือ นายท่านกับอิงชนะอีกแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เขาซงซานที่เดียว กองทัพของนายท่านกำลังบุกใกล้เขาซงซานแล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มสู้รบกับทหารเสือขอรับ"

โหลชีพยักหน้า ก็ตามที่นางคาดเดาอยู่ ขอให้ยึดอำนาจเขาซงซานมาได้ พั่วอวี้ก็สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้

"งั้นข่าวที่สองคงไม่ใช่ข่าวดีแล้วสิ?"

ข่าวแรกเป็นข่าวดี แต่สีหน้าของเยว่ยังจริงจังอยู่ งั้นก็หมายความว่าเรื่องที่สองเป็นข่าวร้าย ไม่ก็เป็นปัญหาที่จัดการยาก

เยว่เงียบขรึมไปสักพักหนึ่งแล้วถึงเอ่ยต่อ"ไม่ใช่ข่าวดีจริงด้วยขอรับ เขาเวิ่นเทียนส่งคำเชิญมา เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของผู้อาวุโสใหญ่ขอรับ"

โหลชีขมวดคิ้ว

ช่วงนี้พั่วอวี้เคลื่อนไหวตัวครั้งใหญ่เช่นนี้ เขาเวิ่นเทียนต้องรู้อะไรอยู่แล้ว เมื่อก่อนเขาเวิ่นเทียนมายุ่งทุกเรื่อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้พูดอะไร แล้วส่งคำเชิญมาโดยตรงล่ะ?

"ในคำเชิญเชิญแค่ฝ่าบาทคนเดียวหรือ?"

เยว่ส่ายหน้า"ได้เชิญพระสนมด้วยขอรับ"

ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด อยู่ๆโหลชีก็รู้สึกตื่นเต้น นางปล่อยตัวน่าหลานฮั่วซินไปนานมาก และในขณะเดียวกัน น่าหลานฮั่วซินก็เงียบมานานด้วย นิสัยอย่างนาง ถ้าเป็นเมื่อก่อน คิดแต่ให้นางตายอย่างเดียว ยังได้หาเผ่ามนุษย์ผีมาวางกับดักใส่นางอีก ทำไมช่วงนี้ถึงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

นางสามารถคาดการณ์ได้เลย ครั้งนี้น่าหลานฮั่วซินต้องมีแผนอะไรแน่นอน!งั้น นี่ก็ถือว่าเป็นโอกาสสำหรับนางด้วย

เยว่เห็นว่านางไม่ได้ตอบมานาน นึกว่านางกำลังคิดอยู่ว่าน่าหลานฮั่วซินจะฉวยโอกาสนี้ขึ้นเป็นจักรพรรดินีหรือเปล่า เลยพูดอย่างลำบากใจ"พระสนมขอรับ ถ้าไปถึงเขาเวิ่นเทียนแล้ว หากผู้อาวุโสใหญ่ให้นายท่านแต่งงานกับแม่นางน่าหลาน......"

ถึงแม้เหล่าข้าราชการนับถือในตัวโหลชีแล้ว แต่ด้วยกฎหมายภายในแคว้นและระเบียบในพระราชวังที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็เกิดความไม่เต็มใจเล็กน้อย ไม่อยากให้ตอนที่ก่อตั้งแคว้นแล้ววังหลังของจักรพรรดิยังมีผู้หญิงแค่คนเดียว เพราะเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับผู้สืบทอดด้วย และถ้ามีผู้หญิงคนอื่น ยังสามารถได้รับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอีก

หลังจากก่อตั้งแคว้นแล้วไม่ใช่ว่าเรื่องก็จบลง ยังต้องตั้งตัวให้มั่นคงอีก ยังต้องไปต่อต้านกับสี่แคว้นอีก ถ้าสามารถผูกสัมพันธไมตรีกันโดยแต่งงานกับแคว้นอื่นๆก็ยิ่งดี สมมุติแต่งงานกับองค์หญิงของตงชิงหรือเป่ยชาง หรือจะแต่งตั้งน่าหลานฮั่วซินหรือซู่หลิวอวิ๋นโดยตรงก็ได้

ล้วนได้หมดแหละ

ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าเสนอเรื่องนี้ต่อหน้าเฉินซ่ากับโหลชี แต่ครั้งนี้จะไปที่เขาเวิ่นเทียน ถ้าไปถึงเขาเวิ่นเทียน แล้วผู้อาวุโสใหญ่กล่าวถึงเรื่องนี้ เหล่าข้าราชการก็จะโน้มน้าวใจให้ฝ่าบาทยอมรับเรื่องนี้ให้ได้

ไม่ว่ามองในแง่ไหนมันก็มีแต่ความยุ่งยาก

อยู่ๆโหลชีก็หัวเราะออกมา นางรู้ว่าความหมายที่เยว่จะสื่อคืออะไร แต่ตอนนี้นางยังต้องกลัวใครอีกหรือ?เห็นสีหน้าของเขาลำบากใจมาก นางก็เหลือบตามองเขา และเอ่ยอย่างสบายๆ"เรื่องนี้ง่ายมาก ถ้ามีข้าราชการคนไหนของพั่วอวี้อยากยอมรับเขาเวิ่นเทียน งั้นข้าก็จะประทานระเบิดให้เขาลูกหนึ่ง ใต้เท้าองครักษ์เยว่รู้สึกว่าดีไหม?"

โทษเอ่ย

เหงื่อของเยว่ไหลออกมา

แล้วหลังจากนี้เสี่ยวโฉวก็ได้เผยแพร่คำพูดของโหลชีออกไปโดยตรง พอเหล่าข้าราชการได้ยิน ล้วนตัวสั่นขึ้นมา พวกเขาต่างตัดสินใจว่าครั้งนี้จะไม่ตามไปแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวจะต้องลำบากใจและทำตัวไม่ถูกแน่เลย กลัวในที่สุดได้ระเบิดลูกหนึ่งมาจริงด้วย

"วันคล้ายวันเกิดผู้อาวุโสใหญ่ ให้ของขวัญอะไรดี?"โหลชีนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา สองวันนี้เหล่าข้าราชการก็ปรึกษาแต่เรื่องนี้ ทุกคนล้วนเสนอว่าให้เลือกของที่แพงๆมีคุณค่า ความหมายก็ราวๆว่าจะให้นางเลือกสิ่งที่มีค่าที่สุดในคลังทรัพย์สินของแคว้นไปให้

แต่ถ้าให้นางว่านะ ให้อะไรก็ได้ เพราะยังไงนางก็ไปเพื่อหาเรื่อง

"ให้ลูกท้อแกะสลักคู่หนึ่ง"เฉินซ่ายังไม่ทันได้คิดเลย"ในคลังมีลูกท้อคู่หนึ่งที่แกะสลักจากหยกสีชมพู เอาอันนั้นเลย"

ฮ่าๆ

โหลชีอดหัวเราะออกมาไม่ได้ สองวันนี้นางก็ได้เข้าไปดู ลูกท้อคู่นั้นนางก็จำได้อยู่ ถึงแม้หยกสีชมพูหายากมาก แต่สภาพของหยกสีชมพูชิ้นนั้นธรรมดาจริงๆ ข้างในมีจุดด่างดำปนเปื้อนอยู่ แถมขนาดของมันใหญ่เท่ากำปั้นสองกำปั้นเท่านั้น สิ่งเดียวที่ดีคือการแกะสลัก แกะสลักอย่างเหมือนจริงมากๆ ดูเหมือนเป็นลูกท้อแท้สองลูกที่มีจุดด่างดำปนเปื้อนอยู่

สิ่งแบบนี้แม้เป็นของขวัญวันเกิดให้คนทั่วไปยังถือว่าน่าเกลียดเลย อย่าว่าถึงผู้อาวุโสใหญ่บนเขาเวิ่นเทียน ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพของคนมาโดยตลอด ถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามล้วนๆ

แต่โหลชีชอบในพฤติกรรมของเขา เฉินซ่าคงรู้ว่าครั้งนี้นางไปหาเรื่องแน่นอน การที่เขาทำแบบนี้ก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนนางในอีกแง่หนึ่ง

"ซู่หลิวอวิ๋นคงจะไปด้วยเนอะ"โหลชีพูดกับตัวเอง เฉินซ่าไม่ได้ตอบ

ในเมื่อสองคนได้ตกลงกันแล้ว เรื่องนี้ก็ไว้ข้างหนึ่งก่อน

กองทัพตั้งอยู่ที่ห่างจากเขาซงซานร้อยไมล์ เฉินซ่านั่งอินทรีกลับมา แต่เนื่องด้วยวันที่สองเป็นวันที่สิบห้า พิษกู่จะเกิดอาการอีกแล้ว เขามีแต่ต้องกลับมาหาโหลชีที่เป็นตัวยานำพา ในขณะเดียวกันก็พานางกับเกาอินอินไปด้วย

ตอนนี้เกาอินอินยังไม่ได้ตาย เฉินซ่าใจดำมาก ตั้งใจให้นางมีชีวิตอยู่ เตรียมทิ้งนางไปให้เกายู่หู่

เกาอินอินนอนคว่ำอยู่บนหลังเจ้าขาว แล้วลืมตาที่บวมขึ้นมาอย่างลำบาก เห็นสองคนนั้นที่จับมือกันอยู่ตลอด หมดแรงแค้นแล้ว แต่ยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉา นางไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่ประพฤติตัวต่อผู้หญิงดีขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ท่านพ่อรักแม่ของนางมาก แต่ในหนึ่งเดือนก็มีแค่สิบกว่าวันที่พักในเรือนของแม่นางเท่านั้น เวลาอื่นล้วนอยู่บนเรือนของเมียน้อย ยิ่งเป็นปกติที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น เป็นไปไม่ได้ที่จะจับมือแม่นางอยู่แล้ว

พวกเขาตั้งใจจะกระตุ้นนางหรือเปล่า

เรื่องนี้นางเข้าใจผิดแล้ว วันนี้เป็นวันที่สิบห้า เฉินซ่าห่างกับโหลชีไม่ได้อยู่แล้ว

เจ้าขาวบินเข้ามาในกองทัพ เฉิงสิบรีบวิ่งออกมาต้อนรับ พร้อมแสดงสีหน้าที่แปลกประหลาด

"ฝ่าบาท แม่นางขอรับ อยู่ๆทหารในกองทัพล้วนป่วยขึ้นมา ทั้งอาเจียนและท้องเสีย หมอในกองทัพออกสูตรยาให้กินก็ยังรักษาไม่ได้ขอรับ"แบบนี้จะมีกำลังสู้รบที่ไหนได้ล่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ