พอได้ยินคำนี้ ซวนหยวนฉงโจวกัดฟันกรอดขึ้นมาทันที
ที่แท้ขนของวู๊วูไม่ได้ขาดแหว่งเพราะตัวมันเอาไปทำสัญลักษณ์เท่านั้น คนผู้นี้ต่างหากเป็นตัวการที่แท้จริง!
ฟังจากเสียงนั้น คนมาเป็นสตรีผู้หนึ่ง ฟังแล้วไม่ใช่เสียงสาวน้อย แต่ก็ไม่แก่ แต่ที่ทำให้ซวนหยวนฉงโจวตกใจมากเป็นเพราะถ้าไม่ใช่วู๊วูเตือน เขารับรู้ไม่ได้เลยว่ามีคนมา
แสดงว่ากำลังภายในสตรีผู้นี้อยู่เหนือกว่าเขา
วู๊วูมองเขาอีก จากนั้นวิ่งมุดไปอีกด้าน ซวนหยวนฉงโจวพบว่าความเร็วของมันลดลงไปกว่าครึ่งจากเมื่อก่อน อดตกใจและสงสัยไม่ได้ว่า คงไม่ใช่ได้รับบาดเจ็บหรอกนะ?
เขาเชื่อใจโหลชี ดังนั้นเลยเชื่อใจจิ้งจอกน้อยตัวนี้ ในเมื่อมันไม่ให้เขาขยับ ต้องมีเหตุผลของมันแน่ ซวนหยวนฉงโจวนอนนิ่งบนเตียงไม่ขยับอีก
แต่ว่า โคตรหนาวเลย!
เตียงนี้นอกจากจะทำให้คนแข็งตายแล้ว ต้องใส่อะไรแน่ ไม่งั้นกำลังภายในของเขาไม่ลดลงเรื่อยๆอย่างนี้ กำลังกายก็หายไปเร็วมาก
ตอนนี้เขาเป็นห่วงพวกฉิงเหวยว่าจะรับไม่ไหว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ในตอนที่ซวนหยวนฉงโจวกัดฟันกรอดรู้สึกว่าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว โครงกระดูกเหนือหัวเขาก็พลันแคร่กแคร่กหลายครั้ง เหมือนกลไกขยับ และจากไป
ซวนหยวนฉงโจวตาเป็นประกาย รีบพยุงตัวลงจากเตียง รู้สึกว่าสมองมึนงงนัก
"วู๊วู"
ร่างหนึ่งปราดเข้ามา วู๊วูกระโดดเข้าอ้อมกอดเขา เขาอุ้มมันไว้ รู้สึกว่ามันหอบตลอด ร่างน้อยๆเหมือนกำลังหายไปหมดสิ้น
"วู๊วู?" เขาเรียกมัน
วู๊วูหายใจหอบ อ้าปาก มีขวดยาเล็กๆหล่นจากปากมัน
"นี่อะไร?" ซวนหยวนฉงโจวเปิดฝาขวดออก พลันได้กลิ่นยาหอมยิ่ง
ถึงวู๊วูจะเฉลียวฉลาด แต่ก็ไม่มีทางพูดได้ ของสิ่งนี้คืออะไรเขาได้แต่คาดเดาเอง แต่ว่าของที่มันพยายามเอามาต้องมีประโยชน์แน่ วู๊วูน่ะเฉลียวฉลาดเป็นกรด ไม่มีทางทำเรื่องไร้ประโยชน์แน่
"วู๊วู" วู๊วูใช้กรงเล็บข้างหนึ่งจิกมือเขา
"ของกินรึ?" ซวนหยวนฉงโจวกำลังคิดจะเทของในขวดออกมา แต่วู๊วูกลับเอามือปิดฝาขวด
ซวนหยวนฉงโจวอึ้งไป "ไม่ใช่ของกิน?"
ไม่ใช่ของกินเช่นนั้นเอามาทำอะไร? วู๊วูเหมือนถอนหายใจ และกระโดดลงมา พลางกัดชายกางเกงเขา เป็นเชิงให้ไปกับตน
ซวนหยวนฉงโจวหันมองพวกฉิงเหวย กัดฟันกรอดเดินตามมันด้านหลัง
พอลุกขึ้นดูแล้ว เขาถึงพบว่าคนที่เขาพามาล้วนอยู่ที่นี่หมดแล้ว รวมถึงคนพวกนั้นที่เข้ามาป่าไผ่ก่อนหน้านี้ด้วย ที่นี่เหมือนถ้ำใหญ่มหึมา สูงราวสามเมตร เพราะห้อยโซ่เหล็กหลายร้อยอันไว้ด้านบน ห้อยโครงกระดูกหลายร้อยอัน เหนือเตียงเย็นหลายร้อยเตียง ทำให้ไม่ดูว่างเปล่างเกินไป เพียงแต่ว่า เพดานถ้ำและรอบด้านล้วนเป็นกำแพงดำมืด ดูไม่ชัด บรรยากาศวังเวงนัก
แต่วู๊วูกลับพาเขาไปทางปากทางเข้าถ้ำ ที่นั่นมีเสาสูงครึ่งหนึ่งของคนที่จู่ๆก็ยื่นออกมา กลางเสามีรูกลมเล็กๆ
"สิ่งนี้ไว้ทำอะไร?"
"วู๊วู"
วู๊วูร้องเสียงต่ำพลางวิ่งวนรอบ
ยากนักกว่าซวนหยวนฉงโจวจะเดาความหมายของมันออก "เจ้าจะให้ข้าเทยานี่ลงไป?"
วู๊วูพยักหน้า
"ได้ ฟังเจ้า" ซวนหยวนฉงโจวเดาได้ว่าวู๊วูต้องขโมยยานี้จากสตรีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศคนนั้นในที่แห่งนี้แน่ และยังส่งมาถึงนี่มันยากแค่ไหน เลยไม่เสียเวลา รีบเทขวดยานั่นใส่รูเล็กนั่นอย่างไม่รอช้า
เพียงแต่สิ่งที่เทออกมากลับไม่ใช่เม็ดยา แต่เป็นของเหลวข้นสีเงิน
หลังจากเทลงไปแล้วเขาได้ยินเสียงแคร่ก ดังขึ้นหลายเสียง เหมือนส่งเสียงออกมาจากเตียงเย็นเหล่านั้น
"วู๊วู!"
วู๊วูชี้ให้เขาวิ่งกลับไปดูเตียงน้ำแข็งนั่น เห็นแค่ตรงกลางเตียงน้ำแข็งพลันเผยให้เป็นท่อหยกแปดอันที่เรียงกันเป็นรูปวงเดือน ในท่อหยกนั่นมีไอปราณบางๆลอยออกมา
"นี่คืออะไร?"
"วู๊วู!"ซวนหยวนฉงโจวกำลังสงสัย วู๊วูก็โผเข้าไป ขดตัวอยู่ในรูปวงเดือนนั่น ร้องวู๊วูเสียงเล็ก ใบหน้ากลับเป็นอารมณ์ราวกับว่า "ในที่สุดก็สบายหน่อยละ" ซวนหยวนฉงโจวมองแล้วอึ้งไปเลย
เขาหันไปมองฉิงเหวยที่อยู่ข้างๆ พบว่าใบหน้าซีดเผือดของเขาตอนนี้ค่อยๆดีขึ้น ในใจก็สงสัย
"ฉงอ๋อง ตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหนนี่?" ฉิงเหวยลืมตาขึ้นเห็นซวนหยวนฉงโจว กลอกตาไปมา และเห็นโครงกระดูกที่ลอยอยู่เหนือหัวก็สะท้านเยือก
"ฉิงเหวย เจ้ารู้สึกเป็นยังไงบ้าง?"
"ข้าน้อยมึนๆงงๆมาตลอด และยังรู้สึกหนาวมาก กำลังภายในค่อยๆถดถอยลง แต่เมื่อครู่กลับเหมือนมีคนถ่ายทอดกำลังภายในให้ ความกระปรี้กระเปร่าก็กลับมาแล้ว"
ซวนหยวนฉงโจวหันกลับไปมองอย่างแรงกับเตียงน้ำแข็งที่เดิมเขาเคยนอนนั่น และเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา
นั่นแปลว่า เดิมเตียงน้ำแข็งนี่ไม่มีกลไกอะไร หรือมีมนต์อะไรไว้มาดึงกำลังภายในเขาไป? พอขวดนั้นเทลงไปก็เปิดกลไก เอาของที่ดึงไปจากท่อหยกรูปวงเดือนนั่นคืนกลับมา?
เช่นนั้นตอนนี้ที่วู๊วูดูดซึมอยู่ ก็คือพลัง...ของเขา
แม่เจ้า
จิ้งจอกน้อยนี่ฉลาดเป็นกรดจริงๆ!
"อ๊าอ๊า" ผู้เฒ่าคนนั้นอุ้มวู๊วูแย่งเดินนำหน้าพวกเขา ทำเชิงให้พวกเขาตามมา
"ฉงอ๋อง พวกเราจะเชื่อใจเขาได้รึ?" ฉิงเหวยกระซิบถาม
ซวนหยวนฉงโจวชะงักก่อนบอก "สัตว์เลี้ยงของจักรพรรดินีพวกเจ้ายังตามเขาไปเลย เจ้าว่าเชื่อได้หรือไม่? ไม่เชื่อก็ต้องตามไป"
เวลานี้เป็นเวลารุ่งอรุณ แต่เพราะเริ่มเข้าฤดูใบไม้ร่วง ท้องฟ้าจะสว่างช้าหน่อย มีแค่เสียงขอบฟ้าจางๆสีขาว
ทุกคนออกมาจากถ้ำ เดิมคิดว่าจะได้เจอภูเขาสูงชัน ไม่คิดเลยว่าจะเจอภาพวาดแกะสลัก และอาคารเรือนงาม
และจุดที่พวกเขาอยู่คือชะง่อนหินที่ยื่นออกมาจากถ้ำ ดูจะเตี้ยกว่าเรือนพวกนั้น ด้านหน้าเป็นบันไดหินเกือบสิบขั้น ขดเป็นวงแหวน มีราวกั้นแบ่งออก เหมือนว่าตำแหน่งไม่เหมือนกัน บันไดก็หันไปในทิศทางต่างๆกัน
ผู้เฒ่าดูจะไม่ตกใจกับเรือนพวกนี้เลย กลับเงยหน้ามองท้องฟ้า ท่าทางหวนคะนึงหายิ่งนัก
จากนั้นเขามองซ้ายมองขวา อุ้มวู๊วูเดินขึ้นไป ซวนหยวนฉงโจวทำสัญลักษณ์ให้ทุกคนตามไป
พวกเขาขึ้นบันไดหิน และก็เห็นกับทางเดินที่ซ้ายขวาเป็นกำแพงหินสูงลิ่ว ทางเดินไม่ยาวมาก ปลายทางเป็นประตูสีดำ
สีดำสนิท ที่เคาะประตูสองอันล้วนเป็นสีดำ มาเห็นประตูเยี่ยงนี้ในเวลาสว่างเช่นนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกปวดใจไงพิกล
ผู้เฒ่าเห็นประตูบานนั้น ก็เดินเข้าไปอย่างไม่รีรอ จากนั้นยืนนิ่งหน้าประตู ขาซ้ายเหยียบสามครั้ง ขาขวาเหยียบสามครั้ง
เสียงครืนดังขึ้น ประตูบานนั้นค่อยๆเปิดออก
ทุกคนพากันยืนนิ่ง
ในสถานที่เช่นนี้ อีกทั้งยังคุ้นเคยกับกลไกของอีกฝ่ายเช่นนี้ มันปกติรึ? ไม่ปกติเลยสักนิดต่างหาก
"เจ้าเป็นใครกันแน่? ที่นี่คือที่ใดกัน?" ซวนหยวนฉงโจวขมวดคิ้วมุ่น
"วู๊วู" วู๊วูโผล่หัวออกมา สองตากลมโตยังคงเป็นประกายน้ำ มีแววอ้อนวอนอยู่ในทีอย่างน่าสงสาร
ผู้เฒ่าหันกลับมามองพวกเขา ก่อนเดินเข้าประตูอย่างเคร่งขรึม
ชะงักเล็กน้อย ซวนหยวนฉงโจวกัดฟันโบกมือบอก "ตาม"
ประตูในประตูนอกสองโลก พอเข้าไป พวกเขาก็รู้สึกหนาวยะเยือกยิ่งนัก ไม่รู้ว่าลมมาจากไหนพัดหมุนวนผ่านร่างไป ทุกคนอดสั่นสะท้านกันไม่ได้
เป็นทางเดินยาว สองข้างทางมีเทียนไขสีขาว ไฟตะเกียงพลิ้วไหว ไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยสักนิด
แค่ชั่วเวลาครู่เดียวนี่ ผู้เฒ่าคนนั้นกลับเดินไปไกลมากแล้ว
แผ่นหลังของเขาดูไกลลิบยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ