เฮ่อเหลียนเจี๋ยได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม และพูดเสียงเรียบว่า "ข้ากับองค์หญิงน้อยมีสัญญาหมั้นหมายกัน เหตุใดต้องอยู่ห่างกัน?"
"สัญญาหมั้นหมายอะไร?" โหลฮ่วนเทียนเลิกคิ้ว แสดงสีหน้ากร่างออกมา "พ่อข้าไม่อยู่แล้ว เคยได้ยินคำพูดนี้หรือไม่? พี่ชายประดุจบิดา! ต่อให้พวกเจ้ามีสัญญาหมั้นหมายกันจริง ข้าก็สามารถนำกลุ่มยกเลิกสัญญาหมั้นหมายได้"
พริบตาเดียว เฮ่อเหลียนเจี๋ยเห็นท่าทางโหลชีในตัวเขาอยู่หลายส่วน
พี่ชายน้องสาวคู่นี้ช่างไม่ได้นับญาติผิดเลย นิสัยเหมือนกันมาก
"ยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย? ดูท่าจะไม่ได้" เฮ่อเหลียนเจี๋ยหยิบกล่องหยกที่แบนราบแต่เรียบลื่นออกมาจากในอกเสื้อ ส่ายไปมาต่อหน้าโหลฮ่วนเทียน "วันเดือนปีเกิดขององค์หญิงน้อยอยู่กับข้าที่นี่ ไม่มีสิ่งนี้ การแต่งงานของนางกับเฉินซ่าก็จะไม่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม และยัง..."
เขาเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจออกมา
โหลฮ่วนเทียนตะลึงอึ้งทันทีที่เห็นเขาหยิบกล่องหยกอันนั้นออกมา เขานึกขึ้นได้ถึงท่าทางเศร้าสร้อยของท่านแม่ หลังจากที่เขากลับจากพั่วอวี้ไปหาท่านแม่ สอบถามวันเดือนปีเกิดของเสี่ยวชีออกมา
ตอนนั้นนางมองไปยังนอกหน้าต่าง เงียบไปนานกว่าจะพูดว่า "ตอนนั้นเพราะมีข่าวลือเรื่องหงส์ ท่านพ่อของเจ้ากลัวว่าจะมีคนอยากเห็นวันเดือนปีเกิดของเสี่ยวชีมากเกินไป ดังนั้นเลยเขียนวันเดือนปีเกิดของนางไว้ในกระดาษใบเล็ก จากนั้นก็พยายามหากล่องหยกกลไก ใส่กระดาษแผ่นนั้นไว้ด้านใน สิ่งที่วางไว้กับวันเดือนปีกเกิดก็ยังมีสัญญาหมั้นหมายฉบับหนึ่ง ด้านบนเขียนไว้ว่า ขอเพียงได้กล่องหยกกลไกนี่มา และสามารถเปิดออกหยิบเอาวันเดือนปีเกิดและสัญญาหมั้นหมายของเสี่ยวชีได้ ก็จะยกเสี่ยวชีให้ผู้นั้น ก่อนหน้านี้ หากเสี่ยวชีแต่งงานแล้ว การแต่งงานก็จะถือเป็นโมฆะ"
พอได้ยินดังนี้ เขาอยากด่าออกมาจริงๆ แม่ง!
"นี่พ่อข้าโดนประตูหนีบสมองหรือไงกัน?"
ตอนนั้นเขาโพล่งออกมาเช่นนี้ สุดท้ายเลยโดนท่านแม่ตบหัวเข้าให้อย่างแรง
"ห้ามพูดถึงพ่อเจ้าไม่ดี! ท่านพ่อของพวกเจ้าเป็นบุรุษที่ดีที่สุดในใต้หล้า! เจ้าคิดว่ากล่องหยกนั่นเปิดง่ายนักหรือไง? เพื่อหาสถานที่ที่มาวางกล่องหยกกลไกนั่นเขาทุ่มเทหามาอย่างยากลำบาก! เดิมคิดว่า รอเสี่ยวชีโตแล้ว พวกเราก็จะได้เอากล่องหยกกลไกนั่นกลับมา ใครเลยจะคิดว่าต่อมาเขาจะ...."
"ถ้าหากมีพวกหน้าตาอัปลักษณ์ผู้ใดเกิดได้กล่องหยกกลไกไปเล่า?"
"นั่นก็ต้องดูว่าเขาจะเปิดกล่องหยกกลไกออกหรือไม่"
โหลฮ่วนเทียนเห็นรอยยิ้มมุมปากของเฮ่อเหลียนเจี๋ยก็รู้สึกขัดหูขัดตามาก เขาแค่นเสียงเย็นพลางว่า "เจ้าเปิดให้ข้าดูสิ"
สายตาเฮ่อเหลียนเจี๋ยเลื่อนไปที่กล่องหยกนั่น ในเวลานี้เองโหลฮ่วนเทียนขยับตัวละ
เขาลงมือรวดเร็วดุจสายฟ้า ปราดเข้าไปคว้ากล่องหยกกลไกนั่นอย่างรวดเร็ว เร็วมาก เห็นเพียงเงาร่างบางปราดมาพร้อมกับลม
แรงลมนั่นพัดจนเส้นผมของเฮ่อเหลียนเจี๋ยพลิ้วไสวขึ้นมา
นิ้วมือของเขาโดนกล่องหยกกลไกนั่นแล้ว แค่สัมผัสก็รู้สึกเรียบลื่นนัก แต่ยังไม่รอเขาจับมั่น ร่างเฮ่อเหลียนเจี๋ยพลันขยับ มือนั้นก็หลุดไปอีกด้าน
โหลฮ่วนเทียนหรี่ตามอง ขยับเท้าหนึ่งก้าว ขยับเข้าใกล้อีก จากนั้นก็ยื่นมือหาเขา ครั้งนี้นิ้วเขาปัดลงมือเฮ่อเหลียนเจี๋ยทันที แรงสะเทือนนั่นทำเอาเฮ่อเหลียนเจี๋ยจับกล่องหยกกลไกไว้ไม่อยู่ โดนปัดลอยออกไป
"นี่เป็นของน้องสาวข้า คืนมา!" โหลฮ่วนเทียนรีบลอยตัวเหาะขึ้นเอื้อมมือไปหากล่องหยกกลไก
แต่เฮ่อเหลียนเจี๋ยกลับจับขาเขาไว้มั่น ออกแรงดึง โหลฮ่วนเทียนขาดอีกแค่นิดเดียวจะจับกล่องหยกได้อยู่แล้ว เขาหงุดหงิดจนกวาดขาอีกข้างใส่เอวอีกฝ่าย
เฮ่อเหลียนเจี๋ยปราดร่างออกไป "ดูท่า ต่อให้ไม่มีข้า นายน้อยโหลก็แก้พิษได้เองแล้ว เหตุใดยังต้องแกล้งหลอกสตรีนางนั้นอีกเล่า?"
"เกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน?"
ทั้งสองต่อสู้กันในห้อง กล่องหยกกลไกนั่นโดนลอยออกไป และก็โดนใครคว้าไว้ได้ แต่ไม่มีใครปกป้องไว้ได้เลย และก็โดนแย่งกลับไปอีก
พวกเขาไม่เห็นว่า ขาของโหลรั่วหว่านที่โดนจี้จุดนอนอยู่บนเตียงพลันขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ถีบขอบเตียงข้างหนึ่งขยับเบาๆ พื้นเตียงนั้นพลันเปิดออก ตัวนางตกลงไป จากนั้นพื้นเตียงก็ประกบเข้าหากันอีกครั้ง
แต่ว่า บนเตียงไร้เงาร่างของโหลรั่วหว่านแล้ว
เฮ่อเหลียนเจี๋ยคว้ากล่องหยกกลไกได้อีกครั้ง และรีบยัดใส่อกเสื้อตนเองอย่างรวดเร็ว ในมือสะบัดอย่างเร็ว กระบี่เล็กๆสะบัดต้านทานโหลฮ่วนเทียนไว้ "วิทยายุทธ์ของนายน้อยโหลช่างไม่เลวเลย น่าเสียดายที่พึ่งถอนพิษได้ไม่นาน เลยยังด้อยไปอยู่บ้าง รอจนนายน้อยฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว ข้าค่อยมาประลองกับท่านอีกครั้ง"
โหลฮ่วนเทียนแค่นเสียงหึว่า "อย่าคิดว่าเจ้าจะเอาสิ่งนั้นมาทำลายความสุขของน้องสาวข้าได้ ข้าจะบอกเจ้าให้ ไม่ว่านางจะแต่งงานกับผู้ใด ขอเพียงเป็นคนที่นางรัก ข้าก็จะปกป้องน้องเขยคนนั้น"
"องค์หญิงน้อยก็แค่ไม่มีโอกาสทำความรู้จักกับข้า เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางจะไม่รักข้า?" เฮ่อเหลียนเจี๋ยเก็บกระบี่ "จะว่าไป กระบี่นี่ยังเป็นของขวัญที่ข้าคิดจะมอบให้นาง อีกไม่นานต้องมีโอกาสมอบออกไปแน่"
"ฝันไปเถอะ เจ้าคิดว่าเฉินซ่าจะยอมให้เจ้าแย่งเมียเขาได้ง่ายๆรึ?" เฮ่อเหลียนเจี๋ยหัวเราะเบาๆออกมา "เขาคนเดียวจะรับมือคนมากมายได้รึ? ผู้ที่จะแย่งองค์หญิงน้อยไม่ได้มีแค่ข้าคนเดียว อีกอย่าง เรื่องน่าปวดหัวของราชวงศ์เฉิน ขอเพียงเขาโดนเข้า ไม่แน่อาจจะไม่มีสมองมากมายมาเฝ้าองค์หญิงน้อยแล้วก็ได้"
"เจ้านี่แปลกคนจริง น้องสาวข้าแต่งงานแล้ว มีอะไรน่าแย่งชิงกัน?" โหลฮ่วนเทียนไม่สนใจเรื่องน่าปวดขมองอะไรของราชวงศ์เฉิน เขารู้เพียงว่าโหลชียินยอมด้วยตัวเองกับการแต่งงานกับเฉินซ่า นางรักเขาเอง ดังนั้นเขาจึงนับเฉินซ่าเป็นน้องเขย
เฮ่อเหลียนเจี๋ยได้ยินคำนี้ ยิ่งยิ้มมีเลศนัยมากขึ้น โหลชีกับเฉินซ่ายังมิได้มีสัมพันธ์กัน เขาดูออกว่าโหลชียังบริสุทธิ์อยู่ คำพูดนี้เขาต้องบอกพี่เมียในอนาคตด้วยรึ?
ไม่ ความลับเล็กๆนี้ ให้เขาเก็บไว้เองดีกว่า
หางตาปรายไป เขาถึงพบว่า บนเตียงไร้เงาคนแล้ว
บุรุษหล่อเหลาสองคนที่สู้กันเมามันส์หันมามองหน้ากันด้วยความอึ้งตะลึง
"คนล่ะ?"
"เป็นไปได้สามข้อ หนึ่ง ที่นี่มีคนที่สำคัญมาก แน่นอน คนนี้อาจจะเป็นคนกันเองกับพวกเขา และอาจจะเป็นคนที่ถูกขังอยู่ที่นี่ สอง ที่นี่มีของสำคัญมาก สามที่นี่เป็นรังของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน" โหลชีชะงักก่อนพูดต่อ "ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนแต่คู่ควรให้พวกเราเข้าไปสำรวจดูนะ!"
พอคำพูดนี้ออกมา สีหน้าบนใบหน้านางไม่อาจจะตื่นเต้นไปได้มากกว่านี้แล้ว
จนหมอเทวดายังอยากเตือนนาง: จักรพรรดินี อย่าลืมกู่ในร่างจักรพรรดิสิ นั่นน่ะพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อเลยนะ!
แต่เขายังไม่ทันพูด ก็ได้ยินเสียงจักรพรรดิของพวกเขาพูดขึ้นว่า "ใช่ เข้าไปน่ะแน่นอนอยู่แล้ว หาจุดที่การป้องกันอ่อนแอที่สุดเข้าไป"
"งั้นก็อ้อมไกลหน่อย สถานที่ที่พวกเราพึ่งไปเห็นได้ชัดว่าใช้ไม่ได้แน่" โหลชีพยุงเขาเดินต่อไป นางสังเกตละเอียดมาก ดังนั้น ดังนั้นพวกเขาถึงเดินช้าขนาดนี้ นางไม่ยอมให้เขาใช้วิชาตัวเบาเด็ดขาด
ทั้งสี่คนเดินรอบนอกกำลังจะหาจุดเข้าไป ซวนหยวนอี้ที่เดินอยู่หน้าสุดพลันหยุดฝีเท้าลง "ด้านหน้ามีคนมาแล้ว"
คนที่มาด้านหน้ามาเร็วมาก พริบตาเดียวก็มาถึงต่อหน้าพวกเขาแล้ว
ทั้งสองฝ่ายปะหน้ากันอย่างจัง ต่างพากันตกใจ
แต่พอมองดูโดยละเอียด ต่างฝ่ายต่างดีใจยิ่งนัก
"พวกจักรพรรดินี!"
เฉิงสิบร้องขึ้นมาก่อน ตัวก็ปราดเข้ามาทันที สายตาจับจ้องไปที่ตัวโหลชีคนแรก จนดูเหมือนนางจะปลอดภัย เขาเผยรอยยิ้มออกมาทันที เฉิงสิบที่ยิ้มน้อยมากพลันยิ้มอย่างนี้ ผลลัพธ์แทบจะเทียบเท่ากับเฉินซ่าได้เลย และก็หล่อจนโหลชีกะพริบตาปริบๆ
เพียงแต่ร่างเฉินซ่าที่พยุงไว้พลันหนักอึ้ง เอนกายมาทางนางหมดเลย กดจนนางต้องหันมาสนใจเขา
"ไม่สบายรึ?"
เฉินซ่าเหล่เฉิงสิบ น่าตายนัก จงใจวิ่งมายิ้มต่อหน้าสตรีของเขารึอย่างไร?
เขายิ้มไม่เป็นรึ?
เฉินซ่าหันไปหาโหลชี มองนางตาไม่กะพริบ ในตอนที่นางงุนงงไม่เข้าใจ พลันยิ้มออกมา จนเห็นฟันขาวเรียงซี่กันอย่างเป็นระเบียบ
โหลชี "..."
หมายความว่ายังไง? อธิบายหน่อยสิ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ