ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 560

สุสานตระกูลโหล อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างมาก ดันเป็นภูเขาด้านหลังลัทธิสิ้นโลกีย์

ลัทธิสิ้นโลกีย์ ชั้นสูง ไม่ใช่ชั้นล่าง

ซู่ฝ่างถูกฆ่า ทูตซ้ายไม่อยู่ พวกเขาเลยไม่หวั่นเกรงชั้นล่างนี่ บวกกับซวนหยวนจื้อคนหนึ่งที่วิทยายุทธ์ล้ำเลิศนัก ทั้งหมดพากันบุกเข้าไป รวมกลุ่มกันกับพวกฉินซูเป่า จึงรีบออกจากผาโทงเทียน และไปตระกูลโหลอีกครั้ง

รถม้าที่อยู่ด้านหน้าสุด บรรยากาศระหว่างสองพ่อลูกซวนหยวนอี้และซวนหยวนจื้อดูอึมครึมชอบกล

เพราะยังไงก็เป็นพ่อของซวนหยวนอี้ เป็นปู่ของโหลชี ถึงเขาจะทำให้คนไม่สบอารมณ์ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากให้เขาจากไป

โหลชีกับเฉินซ่าใจเย็นกว่าทุกคน ยังไงซะก็แค่ตอนนี้ต้องการให้เขาพาพวกเขาไปสุสานตระกูลโหลเท่านั้น และอยากรู้ความจริงตอนนั้นจากเขาเท่านั้นเอง

ซวนหยวนจื้อในตอนนี้เปลี่ยนเป็นชุดของซวนหยวนอี้แล้ว คนงามเพราะแต่ง ราศีจับทันที ซวนหยวนอี้ดูเคารพและยำเกรงโดยปริยายทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

ไม่เหมือนกับคนอื่นที่รังเกียจและต่อต้านซวนหยวนจื้อ ในความทรงจำของซวนหยวนอี้ เสด็จพ่อเป็นคนที่เข้มงวด ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และรักลูกมาก

ดังนั้นพวกเขาสามคนพี่น้องจึงรักใคร่ปรองดองกัน ไม่ได้ฆ่าฟันกันเองและเลือดเย็นใส่กันเหมือนราชวงศ์อื่น ไม่มีผู้ใดแย่งกันตัดหัวใครเพื่อบัลลังก์มังกรนั้น

ตอนนี้ท่าทีของเขาที่มีต่อโหลชี ทำให้ซวนหยวนอี้ครุ่นคิดไม่ตกไม่เข้าใจจริงๆ และยังไม่อาจรับได้ด้วย

"เสด็จพ่อ หรือว่าท่านคิดว่าโหลชีมิใช่เลือดเนื้อของพี่ใหญ่?"

ในรถด้านหลัง โหลชีดึงแขนเฉินซ่าเบาๆ เป็นเชิงให้เขาฟังด้วย

ด้วยกำลังภายในของพวกเขาในตอนนี้ จะฟังบทสนทนาด้านหน้ารถ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ก่อนหน้านี้โหลชีก็แอบส่งสัญญาณให้ฉินซูเป่าแล้วด้วย รถม้าทั้งสองคันแล่นใกล้กันเล็กน้อย

ต่อให้นางไม่ได้ยินสองสามประโยค เฉินซ่าต้องได้ยินแน่

โหลฮ่วนเทียนเลิกคิ้วใส่นาง และเงี่ยหูฟังอย่างไม่เชื่อฟัง พวกเขาต่างรู้ดีว่าครั้งนี้ต้องได้ฟังความจริงตอนนั้นจนพอใจแน่

ซวนหยวนจื้อยังไม่ทันพูดอะไร ซวนหยวนฉงโจวมองดูวู๊วูที่ยอบตัวข้างเท้าเขา พูดว่า "เสี่ยวชีต้องเป็นสายเลือดตระกูลซวนหยวนแน่ เพราะนางรู้จักวิชาบวกหยาง แต่มีเรื่องอีกเรื่องที่พวกข้าล้วนไม่เข้าใจ ทำไมนางถึงฝึกคำสาปเลือดดวงชะตาของตระกูลโหลได้เล่า?"

พอฟังมาถึงตรงนี้ โหลชีกดไลท์ให้ซวนหยวนฉงโจว ถามได้ดี ถามทีเดียวก็ถามตรงประเด็นเลย

เกี่ยวกับชาติกำเนิดของนาง ตระกูลซวนหยวนและตระกูลโหลเป็นเหมือนก้อนด้ายพันมั่วกันไปหมด ถ้าไม่ปลดล็อคออก จิตใจนางคงมีปมนี้ไปตลอดชีวิต ถึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของนาง แต่ก็จะกระทบต่ออารมณ์ของนางบางครั้ง อีกอย่าง พวกเขาฆ่าทะลวงมาตลอดทาง แทบจะเลือดล้างลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นล่าง แต่ก็หาโหลหยุนโยวไม่เจอ

โหลหยุนโยวไปไหนกันนะ?

ตามที่โหลฮ่วนเทียนบอก วิทยายุทธ์โหลหยุนโยวไม่เท่าไหร่ วิชามนต์กลับไม่เลว แต่ส่วนใหญ่นางเป็นแค่วิชามนต์ขาว พลังโจมตีไม่สูง ในถิ่นลัทธิสิ้นโลกีย์ชั้นล่าง ยังมีใต้ผาโทงเทียนที่อันตราย นางจะหนีไปไหนได้?

พอคิดถึงตรงนี้ นางแทบจะกลั้นหายใจรอฟังคำตอบซวนหยวนจื้อ

ซวนหยวนจื้อถอนหายใจยาว พูดเสียงต่ำว่า "ตระกูลโหลกับตระกูลซวนหยวนเดิมก็เป็นตระกูลเดียวกัน"

"หา?"

"ตอนนั้นพี่สาวของต้นตระกูลเราเกิดทะเลาะตัดขาดกันเพราะเรื่องบางอย่างกับต้นตระกูลเรา ตนเองวิ่งออกไป แปลงชื่อเป็นโหลเซียงจวิน สร้างตระกูลโหลขึ้นมา และยังรับบุรุษแต่งเข้าตระกูลเป็นเขย ดังนั้น เดิมตระกูลโหลกับตระกูลซวนหยวนก็เป็นตระกูลเดียวกัน คำสาปเลือดดวงชะตาของตระกูลโหล อันที่จริงน่าจะเรียกว่าคำสาปเลือดดวงชะตาของตระกูลซวนหยวนถึงจะถูก"

" ต่อมาต้นตระกูลรู้สึกว่าตนเองผิดต่อพี่สาว บวกกับการฝึกฝนคำสาปเลือดดวงชะตาให้สำเร็จต้องผ่านความทุกข์ยากลำบากมากนัก ลูกหลานซวนหยวนไม่ฝึกก็มิเป็นไร ดังนั้นจึงออกคำสั่งห้ามเหล่าลูกหลานรู้เรื่องคำสาปเลือดดวงชะตา แต่สายเลือดที่สืบทอดกันมาของท่านนั้นเดิมก็ไม่บริสุทธิ์เท่าตระกูลซวนหยวน ดังนั้นร้อยปีมานี้เลยไม่มีผู้ใดฝึกฝนคำสาปเลือดดวงชะตาสำเร็จเลย"

สองพ่อลูกซวนหยวนอี้สบตากันหนึ่งครั้ง "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้เอง นั่นก็หมายความว่า อันที่จริงพวกเราถึงจะเป็นสายเลือดที่สามารถฝึกฝนคำสาปเลือดดวงชะตาสำเร็จได้รึ?"

"พวกเจ้าไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และยังต้องมีพรสวรรค์ ไม่ใช่ลูกหลานทุกคนของตระกูลซวนหยวนจะฝึกได้ดอก" ซวนหยวนจื้อเหมือนได้สติกลับมา หันมาตกใจอุทานว่า "ความหมายของเจ้าคือ นังหนูนั่นฝึกฝนคำสาปเลือดดวงชะตาสำเร็จรึ?"

"ใช่" ซวนหยวนฉงโจวไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับท่านปู่ เขาเลยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับโหลชี

ซวนหยวนจื้อมีสีหน้าเหลือเชื่อ "นางทนทุกข์ได้รึ?"

"เสี่ยวชีเป็นหญิงสาวที่เก่งมาก และเก่งกาจมากด้วย" น้ำเสียงซวนหยวนฉงโจวมีแววภูมิใจ ก่อนหน้านี้มีโหลฮ่วนเทียนอยู่ เขาไม่มีโอกาสอวดความสัมพันธ์อันดีฉันพี่ชายน้องสาวเลยนี่นา?

"วู๊วู" วู๊วูก็ร้องขึ้นมาด้วย

ซวนหยวนจื้อมองวู๊วูพลางส่ายหัวบอก "เจ้าก็มากล่าวโทษข้าแทนนังหนูนั่นด้วยรึ?"

"วู๊วู"

"เอาเถิด" ซวนหยวนจื้อถอนหายใจบอก "พวกเจ้าต่างก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวมันเป็นมายังไง หงส์ในตอนนั้น...เป็นหงส์ที่ไหนกัน ตอนนั้น...ในร่างนังหนูนั่นเกิดนางมารร้ายออกมา มหันตภัยร้ายที่นางมารร้ายนั่นก่อออกมาทำเอาตระกูลซวนหยวนบ้านแตกแคว้นล่ม ทำเอาใต้หล้าแผ่นดินใหญ่หลงหยินวุ่นวายไปหมด! หากมิใช่เช่นนี้ ข้ามีหรือจะบอกให้ละทิ้งหลานสาวแท้ๆของตนเอง?"

โหลชีเงียบงัน ความตกตะลึงในใจไม่น้อยกว่าผู้ใดเลย เพราะนางรู้สึกว่าการคาดเดาของนางคงเป็นเรื่องจริงเข้าแล้ว

ทันใดนั้นนางก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดอุ่นร้อน

แผงอกแนบชิด จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นทุ้มต่ำแต่แข็งแรง เสียงของเฉินซ่าดังขึ้นเหนือหัวนางอย่างเด็ดขาดและมั่นคงว่า "เจ้าเป็นสตรีของข้า เป็นจักรพรรดินีของต้าเซิ่ง! ไม่ว่าเจ้าจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร จำไว้ว่าข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้าจนวันสุดท้าย"

โหลชีรู้สึกฟึดฟัดที่จมูกขึ้นมา

โหลฮ่วนเทียนก็ตบหน้าอกผ่าง "เสี่ยวชี อย่าลืมว่ายังมีพี่ชายด้วย! ใครว่าเจ้าเป็นนางมารร้าย เราก็ไม่ต้องการเขาเสีย!" ท่านปู่บ้าอะไร? พวกเขาไม่มีท่านปู่แล้วจะอยู่ต่อไม่ได้หรือไง? ล้อเล่นอะไรกัน!

คำพูดของบุรุษสองคนนี้ล้วนพูดด้วยกำลังภายใน เห็นได้ชัดว่าจะให้ซวนหยวนจื้อที่อยู่ในรถม้าคันหน้าได้ยินด้วย

เขาเองก็ได้ยินจริงๆ หายใจหนักหน่วง ทนไม่ไหวด่าออกมา "เจ้าหนูบ้าสองคนนี่!" เขาพึ่งพูดจบ วู๊วูก็พุ่งออกไป แทบจะตกลงในรถม้าโหลชี กระโดดขึ้นไปบนขานาง พลางถูหน้ากับขานางด้วย

"วู๊วู"

โหลชีหลุดหัวเราะ "เจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าก็มาแสดงความภักดีด้วยรึ? ข้ายังนึกว่าเจ้าจะจากข้าไปแล้วเสียอีก"

ซวนหยวนฉงโจวทนไม่ไหวถามขึ้น "จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงนั่นเดิมทีท่านปู่เป็นคนเลี้ยงรึ?"

"อาจารย์ข้าเป็นคนเลี้ยง จิ้งจอกแสงจันทร์ม่วงอายุขัยยาวนานนัก และโตจนมีรูปร่างเท่านี้แล้วจะไม่โตอีก ตอนนั้นข้าก็แค่อยากใช้มันมาสร้างโอกาสพบปะกุลสตรีชั้นสูงนั้นให้เสด็จลุงของเจ้าเท่านั้นเอง..."

เพียงแต่ไม่คิดว่าจะทำให้พี่เขาพบกับหยุนโยว จากนั้นตกหลุมนัก และคลอดนางมารร้ายนั่นอย่างเสี่ยวชีออกมา ตอนนี้นางมารร้ายน้อยนั่นกลับได้รับความรักจากทุกคน?

"เช่นนั้น ตอนนั้นที่เสี่ยวชีไปกับน้องสาว เป็นเพราะเสด็จพ่อท่าน..."

ซวนหยวนจื้อส่ายหัวบอก "ไม่ใช่ข้า ตอนนั้นที่เกิดเรื่อง ข้าอยากพานังหนูน้อยนั่นไปอธิบายเรื่องทั้งหมดกับเหล่าราชวงศ์ต่างๆ ค่อยคิดหาทางแก้ไข ทำลายข่าวลือนั่น แต่ต่อมาเรื่องมันบานปลายไปจนถึงระดับที่ข้าไม่อาจควบคุมได้ ในวังวุ่นวายกันหนัก นังหนูนั่นโดนเจ้าสามพาตัวไปได้ยังไง ข้ายังไม่รู้เลย"

ระหว่างที่พวกเขาพูดกัน ได้มาถึงตระกูลโหลแล้ว

แต่คนที่ต้อนรับพวกเขา กลับเป็นโหลเหล่าไท่จวินที่ถูกจับมัดอยู่ต่อหน้าประตูใหญ่ตระกูลโหล เวลานี้ นางถูกถอดจนเหลือเพียงเสื้อตัวในเท่านั้น เชือกป่านมัดจนเปิดเผยเรือนร่างของนางออกมา มันเป็นการลบหลู่เกียรติอย่างถึงที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ