ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 566

"ถอยออกไป ถอยออกไปก่อน!" ซวนหยวนฉงโจวตะโกนออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก เฉินซ่าในตอนนี้ยังไม่มีปัญหาชั่วคราว ที่มีปัญหาคือพวกเขาต่างหาก!

ทุกคนพากันถอยห่างออกไป ถอยออกจากลานจัตุรัสแห่งนี้ และเพราะในลานตอนนี้เหลือเฉินซ่าอยู่แค่คนเดียวเท่านั้น หุ่นเชิดพวกนั้นกลับพากันเข้าไปใกล้เขา

แต่ว่า หลังจากนั้น คือการฆ่าเพียงฝ่ายเดียว

หุ่นเชิดที่แข็งแกร่งไร้ที่เปรียบพวกนั้น เจอกับเฉินซ่าเข้า แทบจะการถูกฆ่าในกระบวนท่าเดียว

นี่ดูเหมือนจะเป็นงานรื่นเริงของกระบี่ดื่มเลือด

ทุกกระบวนท่าของเฉินซ่าล้วนเป็นกระบวนท่าปลิดชีพ ตัดหัว ฟันเอว หรือว่าแทงทะลุหัวใจในหนึ่งกระบี่ ถึงขั้นสามารถฟันหุ่นเชิดออกเป็นสองซีกตั้งแต่หัว ค่ำคืนที่มืดมิดถูกย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าราชาแห่งความมืดขึ้นมาเก็บเกี่ยวชีวิตด้วยตนเอง

ลมพัดดังหวีดหวิว เฉินซ่าฆ่าอย่างไม่หยุดยั้ง คนอื่นๆกลับมองอย่างหวาดกลัว เพราะเมื่อครู่ฝ่าบาทของพวกเขายังลงมือกับซวนหยวนฉงโจวด้วย นี่ก็หมายความว่าหลังจากที่เขาฆ่าหุ่นเชิดพวกนี้หมดแล้ว ก็จะลงมือกับพวกเขาที่เป็นคนฝ่ายเดียวกัน ถ้าหากเขาเป็นแบบนี้ไปตลอด เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารจริงๆ

"จักรพรรดินี ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?"

เมื่อเห็นว่าหุ่นเชิดที่อยู่ลานน้อยลงไปเรื่อยๆ ไม่มีหุ่นเชิดคนไหนสามารถขวางเขาเอาไว้ได้ สีหน้าของอวิ๋นกับฉินซูเป่าและคนอื่นๆต่างก็ซีดขาว หัวใจแทบจะกระโดดออกมา

กองราชาอสูรเทพขวางอยู่ตรงหน้าของพวกเขา

แต่ว่า พวกเขาไม่กลัวตาย แต่ไม่อยากตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิของตัวเอง และ เขายังจะกลายเป็นราชาหุ่นเชิดสังหารนับตั้งแต่นี้

ทันใดนั้น เสียงกีบม้าดังขึ้นมา ราวกับลมพายุฝนกระโชกแรง กองกำลังกองใหญ่กำลังเร่งเดินทางมานี้ ฉินซูเป่าดีใจ "กองทัพใหญ่มาแล้ว!"

ในที่สุดกองราชาอสูรเทพก็มาถึง

ซวนหยวนอี้กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม: "ทัพใหญ่มาในเวลานี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดี"

พวกเขากล้าลงมือกับเฉินซ่าหรือ? ถ้าหากไม่สามารถลงมือได้ เช่นนั้นก็ต้องถูกเขาฆ่าทิ้งหรือ? ด้วยสถานการณ์ของเฉินซ่าในตอนนี้ คาดว่าเขาสามารถฆ่าคนนับหมื่นๆทิ้งโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ลงมือฆ่าต่อไปเรื่อยๆ

ทุกคนได้ยินคำพูดต่างก็ชะงักไป เป็นเช่นนั้นจริงๆ

กรุ๊งกริ๊ง กริ๊ง กริ๊งๆ

ในสายลมยามค่ำคืน เสียงกระดิ่งลมที่อยู่บนเสาของแท่นอธิษฐานนั่นดูเหมือนจะยิ่งชัดเจน และเสียงก็ดังเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ

ในลานจัตุรัส เสียงบึ้มดังขึ้นมา หุ่นเชิดคนสุดท้ายถูกเฉินซ่าผ่าเป็นสองซีกในกระบี่เดียว เขาก้าวเท้าผ่านศพทั้งสองส่วนนั้นเข้ามา เดินเข้ามาใกล้พวกเขาทีละก้าว

คบเพลิงจำนวนมากแหวกว่ายมาทางนี้ราวกับมังกรไฟ กองราชาอสูรเทพมาถึงแล้ว ด้านหน้าสุด ม้าสูงใหญ่สองตัวพุ่งทะยานเข้ามา ตอนที่ห่างจากพวกเขาเพียงสองเมตรทั้งสองก็กระโดดลงมาจากหลังม้าอย่างพร้อมเพรียงกัน ก้าวเท้าวิ่งมาทางพวกเขาอย่างเร็ว

"ใต้เท้าองครักษ์เยว่ ใต้เท้าองครักษ์อิง?" ตอนที่เห็นทั้งสองคนเอ้อร์หลิงตกตะลึงอย่างมาก ตอนที่ออกเดินทางในตอนนั้นไม่ได้มีการเตรียมการให้เยว่กับอิงตามมาด้วย

คนที่มาก็คือเยว่กับอิงที่ซึ่งเดิมทีน่าจะอยู่รักษาการณ์ในต้าเซิ่ง ดูจากท่าทางที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าไล่ตามมาตลอดทางอย่างไม่หยุดพัก

เนื่องจากทั้งสองอยู่บริเวณรอบนอก ดังนั้นจึงมองไม่เห็นเฉินซ่าที่ยืนอยู่ลำพังคนเดียวในลานจัตุรัสหลังจากที่ฆ่าหุ่นเชิดไปมากมายขนาดนั้นแล้ว แต่กลับเห็นเงาร่างที่สูงโปร่งและก็ผอมเพรียวที่อยู่ในฝูงชนนั่นก่อน

"จักรพรรดินี!"

โหลชีที่เมื่อครู่กำลังมองดูเฉินซ่าที่อยู่ในลานด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและไม่พูดไม่จามาตลอด ได้ยินเสียงของทั้งสองคนถึงได้หันหน้ากลับมา "พวกเจ้ามาได้อย่างไร?"

"ข้าน้อยจัดการเรื่องงานและคนเอาไว้หมดแล้ว" หลังจากที่เฉินซ่าโหลชีและคนอื่นๆจากไปแล้ว เยว่กับอิงก็ยังวางใจไม่ลง การไปครั้งนี้อันตรายวางใจไม่ได้ เดิมทีพวกเขาก็คือองครักษ์ของจักรพรรดิอยู่แล้ว ไหนเลยจะสามารถอยู่ที่ต้าเซิ่งอย่างสบายใจได้? ดังนั้น ห้าวันต่อมาพวกเขาวางแผนจัดการเรื่องราวเสร็จแล้วก็เร่งเดินทางมาตลอดทางโดยไม่หยุดพัก ตามกองกำลังใหญ่ทันในระหว่างที่เร่งเดินทางมาได้ครึ่งทาง ถึงได้วางใจลงเล็กน้อย

โหลชีพยักหน้าไม่ได้พูดอะไร สายตามองไปทางลานจัตุรัสอีกครั้ง

สายตาของทุกคนมองตามนางไป

ไม่รู้ว่าพระจันทร์โผล่พ้นเมฆมาเมื่อไหร่ แสงสว่างสาดส่อง เฉกเช่นจานเงิน วันขึ้นสิบห้าค่ำ ในที่สุดแสงจันทร์ก็สว่างขึ้นมาตามปกติแล้ว

ศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว เลือดเต็มไปหมดทั้งลาน

ท่ามกลางชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ คนคนหนึ่งกำลังหันร่างมาช้าๆ ดวงตาที่แดงก่ำของเขาหันกลับมา เดิมทีสีแดงควรจะแสดงถึงเปลวเพลิงและความรุ่มร้อนแท้ๆ แต่ในสายตาของเขากลับเย็นยะเยือกจนทำให้ทุกคนสั่นสะท้านพร้อมกัน ในใจราวกับมีเกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนขาของพวกเขาแข็งราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้

เขาจับกระบี่เอาไว้ ไม่ บางทีควรจะบอกว่าลากกระบี่เอาไว้ ปลายแหลมของกระบี่ดื่มเลือดลากอยู่กับพื้น แฝงไปด้วยเสียงที่ทำให้คนหวาดกลัว

"ฝ่าบาท?"

เดิมทีเยว่กับอิงก็ไม่รู้อยู่แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น สิ่งแรกที่พวกเขารู้สึกแปลกใจข้อหนึ่งก็คือ วันนี้เป็นวันที่สิบห้าเพราะอะไร จักรพรรดิกลับไม่ได้อยู่กับจักรพรรดินี

มองดูท่าทางเช่นนี้ของเขาอีกครั้ง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนจะเกิดเรื่องแล้ว

ทั้งสองกังวลในใจอย่างมาก ถึงกับบินทะยานไปทางเฉินซ่าในเวลาเดียวกัน "ฝ่าบาท นี่ท่านเป็นอะไรไป?"

"กลับมา!" คำพูดของซวนหยวนฉงโจวก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ทั้งสองคนไปถึงหน้าของเฉินซ่าแล้ว ยังยื่นมือจะไปประคองเขาอีก

แสงเย็นแวบขึ้นมา กระบี่ดื่มเลือดยกขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี ปาดไปทางหน้าอกของทั้งสองคนพร้อมกัน

พุด

แต่ว่า เมื่อครู่นี้เฉินซ่าควบคุมตนเองเอาไว้ได้แล้วไม่ใช่หรือ? ในวินาทีสุดท้าย ในวินาทีที่สามารถฟันหัวของอิงกับเยว่ได้ในหนึ่งกระบี่ เขาควบคุมเอาไว้ได้แล้ว

ทุกๆคนล้วนเห็นฉากนี้แล้ว ในสายตาของพวกเขาต่างก็มีความหวังปรากฏขึ้นมา

โหลฮ่วนเทียนกำหมัดขึ้นมาแล้วตะโกนว่า "น้องเขย! ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า เอาชนะกู่อะไรนั้นซะ! เจ้าจะถูกควบคุมไม่ได้นะ!"

สายลมยามค่ำคืนราวกับกำลังส่งเสียงครวญคราง

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นกำลังจะก้าวมาข้างหน้า โหลชีกล่าวอย่างเคร่งขรึมโดยไม่หันหน้ากลับมา: "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามเข้ามาเด็ดขาด"

คำสั่งนี้เย็นยะเยือกราวกับเหล็ก แฝงไปด้วยความเฉียบขาด เช่นเดียวกับความรู้สึกที่แผ่นหลังของนางให้พวกเขาในเวลานี้

ทุกๆคนต่างก็ไม่กล้าขยับเขยื้อน

โหลชีเดินไปทางเฉินซ่าทีละก้าวทีละก้าว

นางคิดมาตลอดว่ากู่พิษที่เขาถูกหากกำเริบขึ้นมาก็จะตายได้ น่าจะบอกว่าทุกๆคนล้วนคิดเช่นนี้ ใครก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ก่อนอื่น พิษร้ายแรงนั่นก็เพื่อฝึกฝนเขา ให้เขาทนทุกข์ทรมานมานานหลายปีเท่านั้น จากนั้น ค่อยให้พวกเขาแก้พิษได้อย่างราบรื่น การแก้พิษคือโครงสร้างที่จำเป็นอย่างหนึ่ง เพราะการทำเช่นนี้ กู่ก็จะสามารถถูกกระตุ้นได้อย่างราบรื่น ไม่น่าแปลกใจเลยที่ถึงแม้ข้างกายของพวกเขาจะมีหนอนบ่อนไส้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีคนขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้ตัวยานำพาอย่างแท้จริงเลย

นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หลังจากที่กู่กำเริบ เขาจะกลายเป็นเช่นนี้ ราชาหุ่นเชิดที่ไม่มีความสัมพันธ์กับใครทั้งสิ้น ต่อไป ก็จะถูกศัตรูควบคุม ฆ่าคนแทนคนอื่นเท่านั้น?

ไม่ ไม่ ไม่ นางยอมรับจุดจบเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด ผู้ชายของนาง ดูหมิ่นใต้หล้าเช่นนั้นมาโดยตลอด หยิ่งทะนงและโอหัง จะยินยอมให้ตนเองกลายเป็นราชาหุ่นเชิดสังหารเช่นนี้ได้อย่างไร?

นั่นคือการเหยียดหยามที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับเขา มันทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก!

"ไป ชีชี ข้าควบคุมไม่อยู่ ข้าจะฆ่าเจ้าได้" มือซ้ายของเฉินซ่าจับมือขวาเอาไว้แน่น เส้นเลือดดำหลังมือของเขาโป่งขึ้นมา มือทั้งสองข้างสั่นเทาอยู่ตลอด ดวงตากลับมาดำมืดในชั่วพริบตา แต่ว่ากลางรูม่านตาเริ่มมีสีแดงก่ำสะสมอย่างเงียบๆขึ้นมาอีกครั้ง

เขาแทบจะมองดูโหลชีอย่างตะกละตะกลาม อยากจะสลักใบหน้าของนางเอาไว้ในใจ แต่ก็มีความสิ้นหวังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาไม่กลัวสิ่งอื่นใด เพียงแค่กลัวว่าจะลืมนางไป หรือแม้กระทั่ง จะฆ่านางเท่านั้น

เมื่อครู่ทันทีที่นางเข้ามาใกล้ ยังมีเสียงที่เจ็บปวดของเยว่กับอิง ทำให้จิตแห่งการควบคุมตนเองที่แข็งแกร่งของเขาควบคุมพิษกู่เอาไว้ได้ แต่เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความไม่มีกำลังพอที่จะทำอะไรได้ของตนเอง เขาควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ เพราะการกดระงับเอาไว้เช่นนี้ อาการแว้งกัดก็จะยิ่งแกร่งกล้ามากขึ้น

โหลชีมองดูเขา สีหน้าสงบนิ่ง สิ่งที่พูดออกมากลับเป็นสองคำนี้ "เหลวไหล"

"ฆ่าข้าซะ ชีชี" เขายอมตายในน้ำมือของนางดีกว่า

เวลานี้ สีแดงก่ำในดวงตาของเขาปรากฏออกมาในทันที มือของตนเองที่เขาควบคุมเอาไว้สั่นมากขึ้นไปอีก

"เฉินซ่า เจ้าฟังข้าให้ดี ยืนหยัดต่อไป หากเจ้ากล้ายอมแพ้ ข้าจะนอนกับผู้ชายทุกคนอยู่ที่นี่ สวมเขาให้เจ้าหมื่นๆครั้ง!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ