ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 574

ต่อให้พวกเขามีการเตรียมใจไว้ล่วงหน้า ก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่เท้าเพิ่งเหยียบแผ่นดินใหญ่หลงหยิน ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ อีกทั้งในบรรดาผู้คนนับพัน มีเพียงประมาณหนึ่งในสามเท่านั้นที่เป็นทหาร ส่วนคนอื่น ๆ ที่เหลือเห็นได้ชัดว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา

"นี่พวกเรากลายเป็นหนอนแมลงชั่วช้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย?" โหลชีหันไปมองเฉินซ่า ชี้นิ้วมาที่ตัวเองก่อนจะชี้ไปที่เขา: "เจ้าไปทำมิดีมิร้ายภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้าของใครอย่างนั้นหรือ?"

เฉินซ่าโน้มตัวเข้าไป ฟันขาวสะอาดเล็มไล้กัดเข้าไปเบา ๆ ที่นิ้วมือเรียวยาวขาวละเอียดของนาง กระซิบพูดเสียงแผ่วต่ำว่า "ข้าทำมิดีมิร้ายแค่กับภรรยาตัวเองเท่านั้นแหล่ะ ทั้งยังแต่งเข้ามาตั้งนานแล้วด้วย" อีกทั้งรสชาติของการทำมิดีมิร้ายยังหอมหวานยอดเยี่ยมนัก จนอยากจะทำมิดีมิร้ายทุกวันเลยด้วยซ้ำ

ภรรยาของคนอื่น? จะมีภรรยาของใครที่สวยไปกว่าของเขา ? จะมีภรรยาของใครที่ดีไปกว่าของเขา? จะมีภรรยาของใครที่....แค่ก ๆ .... ดุเดือดบ้าคลั่งจนทำให้เขารู้สึกสุดยอดได้ขนาดนั้นล่ะ?

"เฮ้! ข้าว่านะ เจ้าในตอนนี้กลายเป็นคนพูดมากน่ารำคาญไปแล้วรู้ตัวหรือไม่!" โหลชีเงื้อมือฟาดเข้าที่ไหล่ของเขาไปหนึ่งผั๊วะ

ที่นอกรถม้า เยว่กระโดดลงจากหลังม้าแล้ว ก้าวขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังว่า: "ทุกท่าน โปรดใจเย็น ๆ กันหน่อย นี่จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ ๆ พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่เคยทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อพวกเจ้าเลยแม้แต่น้อย "

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดอย่างโกรธเคืองว่า: "มีอะไรให้เข้าใจผิด? ขบวนรถม้าก็เป็นลักษณะนี้ ทั้งยังมาจากทางนั้นเหมือนกัน ยังมีหน้ามาบอกด้วยว่าอีกสองวันคนอื่น ๆ ก็จะมาอีก ไม่ได้หมายถึงพวกเจ้าหรอกรึ? ยังจะพูดถึงใครได้อีก? ครั้งนี้พวกเราจะขอสู้จนตัวตาย ก็จะไม่ยอมให้พวกเจ้าสมดั่งใจหวังแน่!"

เยว่ขมวดคิ้วมุ่น "ก่อนหน้านี้ก็มีขบวนรถม้ามาที่นี่ด้วยอย่างนั้นรึ?"

"ยังมีหน้ามาเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้อีกรึ? ไอ้พวกสารเลวเอ๊ย!" ชายร่างสูงที่มีผ้าพันแผลพันรอบหน้าผากคนหนึ่งตะโกนลั่น แผลปริจนมีเลือดไหลออกมา สายตาที่มองดูพวกเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง: "คืนน้องสาวของข้ามาเดี๋ยวนี้!"

ผู้คนนับพันต่างกระเหี้ยนกระหือรือ ทำท่าเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้ามาปะทะได้ทุกเมื่อ ทันใดนั้น ในรถม้าก็เกิดเสียงเป่านกหวีดแหลมปรี๊ดบาดหูเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ถึงกับทำให้ผู้คนนับพันที่อยู่ตรงนั้นทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นอุดหู รีบก้าวถอยหลังกลับไปหลายก้าวด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ

เสียงหวีดแหลมนั้นหยุดลง ทุกคนต่างก็มองไปที่รถม้าอย่างระแวดระวัง

ม่านถูกเปิดออก พวกเขาจึงได้เห็นชายหญิงที่ดูงามสง่าโดดเด่นคู่หนึ่ง ผู้ชายดูหล่อเหลาเย็นชา มีกลิ่นอายน่าที่เกรงขามอย่างหาที่เปรียบมิได้ ผู้หญิงงดงามน่าทะนุถนอม มีดวงตาอ่อนหวานหยาดเยิ้มแลดูฉลาดหลักแหลม

พวกเขามองดูผู้ชายคนนั้นกระโดดลงจากรถ รูปร่างของเขาสูงใหญ่ แต่ชั่วขณะที่ยื่นมือออกไปช่วยพยุงผู้หญิงคนนั้นลงจากรถ กลับดูอบอุ่นอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด

เฉินซ่าจูงมือของโหลชี แล้วพาเดินช้า ๆ ไปหน้าขบวน

เยว่กับอิงก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถอยไปจนไปอยู่ข้างหลังของทั้งคู่

ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อครู่พวกเขายังร้องตะโกนอย่างเป็นเดือดเป็นแค้นกันขนาดนั้นแท้ ๆ แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าชายหญิงคู่นี้ พวกเขากลับไม่กล้าทำตัวโอหังอวดดีอีก

เฉินซ่ากวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง ริมฝีปากบางเปิดขึ้นเล็กน้อย "พวกเจ้าอยากลองสู้กันสักตั้งอย่างนั้นสินะ?"

ทันทีที่คำพูดประโยคนี้หลุดออกมา คนนับพันต่างพากันชักเท้าถอยหลังกลับไปทันที ล้อเล่นเถอะ! คนคนนี้ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้? ไม่ต้องพูดว่าสู้กันสักตั้งหรอก แค่ตอนนี้จะเรียกขวัญกำลังใจยังเรียกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ

"เดิม... เดิมทีก็เป็นพวกเจ้านั่นล่ะที่ทำไม่ถูก แต่ไหนแต่ไรมาเมืองชายแดนก็มีสิทธิ์ปกครองดูแลตัวเองมาโดยตลอด เมื่อสามสิบปีก่อนรัชทายาทจ้าน ไม่สิ ! จักรพรรดิซวนหยวนก็ทรงมีรับสั่งลงมาแล้วว่า ไม่ว่าราชวงศ์ใด ๆ ก็ไม่มีสิทธิ์ใช้กำลังยึดครองเมืองชายแดน ทั้งห้ามไม่ให้บุกโจมตีเมืองชายแดน ตอนนี้พวกเจ้ากำลังละเมิดข้อห้ามซึ่งเป็นราชโองการของจักรพรรดิซวนหยวนชัด ๆ ! ราชวงศ์ที่เป็นพันธมิตรล้วนสามารถประณามพวกเจ้าได้!" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดอย่างโกรธเคือง

เฉินซ่าได้ยินดังนั้นก็หันไปมองโหลชีแวบหนึ่ง โหลฮ่วนเทียนก็ลงจากรถม้ามาแล้ว เดินขึ้นหน้าไปหยุดอยู่ข้าง ๆ พวกเขา "แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของราชวงศ์ซวนหยวน"

"ที่แห่งนี้เดิมทีก็เป็นอาณาเขตของราชวงศ์ซวนหยวน! พวกเจ้าอย่าคิดนะว่าพอไม่มีราชวงศ์ซวนหยวนแล้วจะรังแกพวกเราได้ง่าย ๆ! ข้าจะบอกพวกเจ้าให้รู้ไว้นะ ได้ยินมาว่าฮองเฮาทรงกลับมาแล้ว! ฮองเฮาทรงมีรับสั่งเป็นราชโองการลงมาแล้ว รัชทายาทก็จะทรงกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้วเช่นกัน ราชวงศ์ซวนหยวนของพวกเราจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง! ไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้ามารังแกกันได้อีกต่อไป!"

โหลฮ่วนเทียนได้ยินดังนั้น ก็หันไปมองหน้าประสานสายตากับโหลชีแวบหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็หลุดอุทานด้วยความประหลาดใจว่า "ฮองเฮา? รัชทายาท?"

ฮองเฮาแห่งราชวงศ์ซวนหยวน ก็ไม่ใช่หยุนโยวหรอกหรือ?

"รัชทายาท...." โหลชีชี้ไปที่โหลฮ่วนเทียน "พี่ชาย พี่ว่านั่นหมายถึงพี่หรือเปล่า?"

โหลฮ่วนเทียนส่ายหน้าเป็นพัลวัน ใครจะไปรู้ล่ะ?

ในเวลานี้เอง ซวนหยวนจื้อผู้ซึ่งเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ในรถมาโดยตลอดก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขากระโดดลงจากรถม้า สาวเท้าก้าวยาว ๆ มาข้างหน้า พลางตะโกนถามอย่างโกรธเคืองว่า "ใครมันบังอาจรังแกประชาชนในราชวงศ์ซวนหยวนของข้า?"

"แล้วนี่เจ้าเป็นใครอีกล่ะ? ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร? พวกเจ้าก็เป็นคนในราชวงศ์ซวนหยวนด้วยรึ?" ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่มจ้องมองซวนหยวนจื้อ ถามด้วยความสงสัยระแวดระวัง

"ข้าคือผู้มีฐานะเป็นไท่ซ่างหวงแห่งราชวงศ์ซวนหยวน ซวนหยวนจื้อ!" ซวนหยวนจื้อพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมหนักอึ้ง

"ไท่ซ่างหวง?" ทุกคนต่างพากันตกตะลึง แต่ก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

"อย่าพูดเหลวไหลให้มันมากนัก ที่เจ้าพูดมาเมื่อครู่นี้มันหมายความว่าอย่างไร? อธิบายมาให้ข้าฟังชัด ๆ หน่อยซิ!"

พวกเฉินซ่าต่างพากันมองดูซวนหยวนจื้อ คิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้ ท่วงท่าบารมีของเขาจะนับได้ว่าแลดูสง่างามใช้ได้เลยทีเดียว

"ไท่ซ่างหวงทรงสวรรคตไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ?"

"ฮองเฮาเสด็จกลับมาครั้งนี้ ทรงตรัสว่าในราชวงศ์เหลือเพียงพระนางกับองค์ชายรัชทายาทเท่านั้นแล้ว...."

โหลฮ่วนเทียนถูกซวนหยวนจื้อที่เวลานี้หน้าดำคล้ำไปทั้งหน้าลากตัวมาอย่างแรง "ดูซะ! นี่ต่างหากคือองค์ชายรัชทายาทของพวกเจ้า!"

เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้สนใจดูโหลฮ่วนเทียนให้ชัด ๆ แต่พอตอนนี้โหลฮ่วนเทียนถูกลากตัวมาอยู่ตรงหน้า จู่ ๆ บรรดาคนวัยกลางคนสี่ห้าคนในฝูงชนก็ร้องอุทานด้วยความตกใจว่า: "นี่.. นี่ช่าง... รูปร่างหน้าตาช่างเหมือนฝ่าบาทเหลือเกินแล้ว!"

เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "แต่ว่า ครั้งนี้พวกนั้นเตรียมเสบียงอาหารแห้งกับเนื้อแห้งไว้เยอะมาก พวกเราจึงเดาว่า ที่ที่พวกนั้นจะไปน่าจะอยู่ไกลจากที่นี่มากทีเดียว อีกทั้งพวกนั้นคงวางแผนว่าจะใช้ทางอ้อม วิ่งผ่านถนนบนภูเขา "

เรื่องมาจนถึงจุดนี้ นอกจากใช้วิธีแยกกันเคลื่อนไหวแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีวิธีไหนที่ดีไปกว่านี้อีก

โหลชีจะไปสำนักของเจ้านักพรตเลว แต่ด้วยการตามแกะรอยพวกลัทธิสิ้นโลกีย์ พวกเขาก็อาจพบคนที่ถูกเรียกว่า "ฝ่าพระบาท" ได้ อาจมีโอกาสคลี่คลายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้น ยังมีอีกอย่าง คือข่าวคราวของท่านพ่อของพวกเขา

ตามความคิดของโหลชี นางกับเฉินซ่าควรแยกกัน ให้หนึ่งคนนำหนึ่งกลุ่มจะเป็นการดีที่สุด จากนั้นให้แบ่งออกไปอีกสองกลุ่ม โดยให้โหลฮ่วนเทียนเป็นผู้นำเดินทางไปยังราชวงศ์ซวนหยวน เพื่อที่จะดูว่าทางฮองเฮาที่ถูกพูดถึงนั้นมันคืออะไรกันแน่ ส่วนกลุ่มของเฉินซ่าก็กลับไปที่ราชวงศ์เฉิน ส่วนนางก็ไปสำนักของเจ้านักพรตเลว

แต่ชั่วขณะที่นางเพิ่งจะมองไปที่เฉินซ่า ก็เห็นเขายื่นมือเข้ามาบีบเชยใบหน้าของนางขึ้น ก่อนจะพูดว่า: "เจ้าคิดจะแยกกลุ่มกับข้ารึ?"

"พวกเราแบ่งกันออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มหนึ่งไล่ตามแกะรอย อีกกลุ่มไปที่ราชวงศ์ซวนหยวน ข้าไปสำนักของเจ้านักพรตเลว ส่วนเจ้ากลับไปที่ราชวงศ์เฉิน....."

นางยังพูดไม่ทันจบ ใบหน้าหล่อเหลาของเฉินซ่าก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำไปทั้งหน้าแล้ว

"แยกกลุ่มรึ? ไม่มีทาง ราชวงศ์เฉินให้ฉินซูเป่าเป็นผู้นำกลับไปก็ย่อมได้"

โหลชีแอบแลบลิ้นออกมาน้อย ๆ

โหลฮ่วนเทียนขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่อยากแยกกลุ่มกับนาง ด้วยเหตุนี้จึงปรายสายตาไปทางซวนหยวนฉงโจว คุณชายท่านนี้ก็แซ่ซวนหยวนไม่ใช่รึ? ธุระของราชวงศ์ซวนหยวน ก็ควรจะนับเป็นธุระของเขาด้วยสิ?

ซวนหยวนฉงโจวเห็นสายตาที่เขามองมาก็เข้าใจได้ทันที รีบยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาตรงหน้าเขา แล้วพูดอย่างเฉียบขาดว่า: "ไม่มีทางเสียหรอก อย่าแม้แต่จะคิดเชียว องค์ชายรัชทายาท"

ใครเป็นองค์ชายรัชทายาทล่ะ? อย่าคิดจะเอาเรื่องของตัวเองมาโยนลงบนหัวเขาเสียให้ยาก แทนที่จะไปราชวงศ์ซวนหยวนที่อาจต้องเอาตัวไปพัวพันสารพัด เขายอมเสี่ยงตายไปที่สำนักของท่านอาสามพร้อมโหลชีกับเฉินซ่ายังจะดีเสียกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรที่สนุกกว่านี้หน่อยก็ได้

"ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้แค่..... สู้กันสักตั้งให้รู้ไปเลยแล้วกัน!" โหลฮ่วนเทียนลุกขึ้นยืนแล้วเริ่มพับแขนเสื้อ ทำท่าทางเหมือนอันธพาลพร้อมหาเรื่องต่อยตีได้ทุกเมื่อ

ซวนหยวนฉงโจวกุมหน้าผาก แต่ก็อดตื่นเต้นในใจไม่ได้ ลุกขึ้นยืนกัดฟันกรอดพลางพูดว่า "ได้! สู้กันสักตั้งก็สู้กันสักตั้งสิ ยังไม่แน่หรอกว่าข้าจะสู้แพ้เจ้า"

ดวงตาของเฉินซ่าเป็นประกายวาบขึ้นมาน้อย ๆ "ออกไปหาที่อื่นสู้กันเดี๋ยวนี้ มาสู้กันในโรงเตี๊ยมของคนอื่น ถ้าข้าวของเสียหายไป จะให้คิดเงินที่ใครรึ?"

ทั้งสองได้ยินจึงพยักหน้า แล้วกระโดดออกไปนอกหน้าต่างทันที

คนเพิ่งจะออกไป เฉินซ่าก็ลุกขึ้นยืน หันไปสั่งการพวกเยว่ว่า: "ไปจัดเตรียมให้เรียบร้อยทันที ยึดตามความเห็นของจักรพรรดินี แบ่งทั้งหมดออกเป็นสี่กลุ่ม ทิ้งหนึ่งกลุ่มไว้ที่นี่รอฉงอ๋องกับนายน้อยโหลสู้กันให้เสร็จ ให้หนึ่งกลุ่มนำโดยเยว่และแม่ทัพฉินเดินทางไปราชวงศ์เฉิน อิงนำอีกกลุ่มหนึ่งไปตามแกะรอยพวกลัทธิสิ้นโลกีย์ ข้ากับจักรพรรดินีจะพาคนสามสิบคนล่วงหน้าไปก่อน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ