ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 585

ไม่สนใจความโกรธขึ้งของพวกชิวชิ่นเซียน หยุนรั่วหวาลงจากรถม้าเมื่อมันหยุดลง และเดินเชิดหน้าไปยังรถม้าของพวกเฉินซ่า แต่กลับพบว่าเหลือพื้นที่ติดประตูเท่านั้น

โหลชีนั่งอยู่ด้านในสุด เฉินซ่านั่งด้านหน้านาง ให้นางพิงหลัง และกันนางไว้อย่างมิดชิด เห็นแค่เพียงเส้นผมครึ่งหนึ่งของนางบนไหล่เขาเท่านั้น

สาวใช้สองคนคอยยื่นน้ำชาขนมให้นาง อีกด้านเป็นจ้าวหยุนเฟิงที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว

เมื่อก่อนหยุนรั่วหวาไม่เคยเจอจ้าวหยุนเฟิงจังๆมาก่อน เมื่อครู่ตอนเห็นเขาก็อยู่ในสภาพอนาถนัก แต่ตอนี้จ้าวหยุนเฟิงที่แต่งตัวเสร็จแล้วกลับทำให้นางรู้สึกงดงามนัก

งดงามแต่ดวงตาดูชั่วร้าย แค่เหล่ตามา ในการเคลื่อนไหวของดวงตานั้นมีความงามที่สะท้านสะเทือนจิตใจคนอยู่ บุรุษเช่นนี้กลับทำให้นางใจกระตุก หายใจรัวเร็วเสียแล้ว

"พรืด" โหลชีหลุดหัวเราะออกมาด้านหลังเฉินซ่า ขัดจังหวะกลสาวงามของจ้าวหยุนเฟิง

"ข้าว่านะ ต้องดีใจที่ช่วยออกมาได้คือเจ้า ไม่ใช่หยุนเฟิง" จ้าวหยุนเฟิงมุมปากกระตุก หันไปมอง แต่กลับสบเข้ากับดวงตามาดร้ายของเฉินซ่า รู้สึกเซ็งในใจนัก ชายผู้นี้ช่างงกเสียจริง ถึงจะให้เขาขึ้นรถม้า แต่กลับกันโหลชีไว้เสียมิดชิด ไม่อยากให้พวกเขามองเห็นกัน

ปัญญาอ่อนเสียจริง

"เจ้านั่นดีกับเจ้า กลัวเจ้าเห็นเขาตกอยู่ในสภาพนี้แล้วจะรู้สึกผิด อีกอย่างเขาก็กลัวเสียหน้า เลยซ่อนตัวเอาไว้เลย" จ้าวหยุนเฟิงยักไหล่ "ข้ากลับไม่รู้สึกอะไร ยังไงซะเสียหน้าก็ดีกว่าเสียชีพ"

ดูท่าทางเขาเหมือนไม่รู้สึกอะไร ถึงโหลชีจะโดนเฉินซ่าบังไว้มองไม่เห็น แต่ฟังจากน้ำเสียงเขาแล้วก็พอเดาได้ว่า สีหน้าจ้าวหยุนเฟิงตอนนี้เป็นยังไง นางหัวเราะพรืดออกมาอีก ไม่ได้พูดอะไรต่อ

อันที่จริงเป็นจ้าวหยุนเฟิงออกมา นางก็แอบโล่งอกเหมือนกัน นางไม่อยากเห็นหยุนเฟิงที่อ่อนน้อมถ่อมตนดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิปรากฏตัวต่อหน้าตนด้วยสภาพน่าอัปยศอย่างนั้น นางเชื่อว่าหยุนเฟิงเองก็คงไม่อยาก

ในตอนที่เห็นเขาโดนจับมัดอยู่ในหลุมอย่างนั้น ไฟโกรธในใจนางลุกโชนขึ้นมาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหานเสี่ยวซื่อตายแล้ว นางต้องให้หานเสี่ยวซื่อทรมานเพิ่มอีกแน่

หยุนเฟิงตอนนั้นพูดออกมาแค่ประโยคเดียวก็เป็นลมสลบไปเลย พอตื่นมาก็กลายเป็นจ้าวหยุนเฟิง

แบบนี้ก็ดี

แต่ว่าปฏิกิริยาของเฉินซ่ากลับทำให้นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เฉินซ่ารู้ว่าไม่สามารถฆ่าจ้าวหยุนเฟิงได้ อย่างน้อยนางยังมีเรื่องต้องถามเขา แต่ในใจก็ถือสา เลยคิดวิธีแบบนี้ออกมา ต่อให้นั่งรถม้าคันเดียวกัน ก็จะใช้ร่างกายตัวเองบังนางไว้ด้านหลัง ไม่ยอมให้นางเผชิญหน้ากับจ้าวหยุนเฟิง

นางไม่รู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้จะปัญญาอ่อนได้ถึงขั้นนี้ แต่พิงแผ่นหลังแข็งแรงกว้างขวางของเขาแล้ว นางก็รู้สึกใจอ่อนยวบ ความรู้สึกครอบครองแรงกล้าชนิดนี้ นางมีหรือจะไม่มี? ในด้านความรัก พวกเขามักมีทัศนคติที่ไม่ปกติเท่าไหร่เหมือนกัน ก็คือหวังว่าในสายตาอีกฝ่ายจะมีแค่ตนเองเป็นเพศตรงข้ามเพียงคนเดียว คนอื่นห้ามมองเลยสักนิด

แต่เฉินซ่ากลับรู้สึกแบบนี้ไม่มีอะไรไม่ดี อันที่จริงโหลชีก็ไม่อยากเปลี่ยน

แต่จ้าวหยุนเฟิงนี่เหมือนจะยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นแล้ว ดูท่าสิ่งที่พบเจอมาในระยะนี้จะกระตุ้นเขาไม่มากก็น้อย ทำให้นิสัยเขามีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

ได้ยินว่าคนพวกสองบุคลิกนี่จะโดนกระทบได้ง่าย และยังอาจจะทำให้เกิดนิสัยที่สามหรือสี่ออกมาอีกด้วย เมื่อก่อนตอนอยู่เมืองลั่วหยาง นางไม่รู้สึกว่า จ้าวหยุนในตอนนั้นจะชั่วร้ายอย่างนี้

หยุนรั่วหวาขึ้นรถมากลับพบว่าไม่มีใครสนใจนาง

เดิมนางคิดว่าจ้าวหยุนเฟิงจะขอร้องนาง และคิดว่าจ้าวหยุนเฟิงกับโหลชีเคยมีสัมพันธ์อะไรกันมาก่อน แต่ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น

"นายน้อยจ้าว อ้อจริงสิ ท่านโดนขับไล่จากตระกูลจ้าวแล้ว ตอนนี้ต้องเรียกว่าคุณชายจ้าว" ไม่มีใครสนใจนาง นางย่อมหาหัวข้อพูดเอง เพียงแต่นางพูดไม่ค่อยเก่งเท่านั้นเอง

พอพูดคำนี้ออกมา สายตาจ้าวหยุนเฟิงเหล่มา แฝงไปด้วยรังสีอำมหิต

"บุตรสาวหัวหน้าเผ่าเผ่ามนต์ขาว? เก่งมากรึ?"

เดิมหยุนรั่วหวาคิดว่าเขาจะขอร้องตน ไม่คิดว่าจะพูดจาไม่แยแสเยี่ยงนี้ พลันโกรธขึ้งขึ้นมา แค่นเสียงหึว่า "หรือว่าท่านเก่งกาจเล่า? ท่านเก่งกาจจะโดนหานเสี่ยวซื่อจับตัว แล้วขังไว้ในหลุมอย่างหมาอย่างนั้นรึ?"

ความกดอากาศในรถม้าพลันต่ำลงมาอีก

จ้าวหยุนเฟิงยืดตัวขึ้น เสียงเพี๊ยะดังขึ้น สะบัดมือตบหยุนรั่วหวาไปหนึ่งที

ทุกคนพากันเงียบงัน

ขนาดโหลชียังไม่คิดว่าจ้าวหยุนเฟิงจะลงมือกับหยุนรั่วหวา

แก้มหยุนรั่วหวาปูดโปนรอยฝ่ามือสีแดงขึ้นฉับพลัน จ้าวหยุนเฟิงไม่ได้ใช้กำลังภายใน แต่แรงผู้ชายเดิมทีก็มากอยู่แล้ว ตบไปเต็มแรงแบบนี้นางคงเจ็บน่าดู

"เจ้า เจ้ากล้าตบข้า?" หยุนรั่วหวากุมแก้มด้านหนึ่งที่ร้อนผ่าว ถลึงตาใส่จ้าวหยุนเฟิงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

"ถ้าเจ้ายังไม่เชื่ออีก ข้าจะตบให้อีกข้าง ให้เจ้าจำได้แม่นยิ่งขึ้นอีก" จ้าวหยุนเฟิงพูดอย่างเย็นชา

โหลชีขมวดคิ้ว โผล่หัวออกมาจากหลังเฉินซ่า มองจ้าวหยุนเฟิงหนึ่งที ตอนนี้ความเย็นชาบนหน้าเขาเป็นอะไรที่นางไม่เคยเห็นบนหน้าหยุนเฟิงมาก่อน

เฉินซ่ากลับสายตาวูบไหว

หยุนรั่วหวาแสดงสีหน้าตระหนกออกมา "งั้นตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?"

ทำอย่างไร?

เมืองจิ่นหยางนี้ มีแค่ประตูตะวันออกประตูตะวันตก พวกเขาเข้ามาทางประตูตะวันออก ต้องออกจากประตูตะวันตกแน่ แต่ประตูเมืองโดนปิดตายจากด้านนอกแล้ว กำแพงสูงนัก พวกเขาออกไปไม่ได้แน่

ทันใดนั้น มีธนูไฟยิงเข้ามาจากด้านนอกเต็มท้องฟ้า พาประกายไฟลอยผ่านท้องฟ้า พริบตาเดียวส่องสว่างไปทั่วความมืดไร้ขอบเขตนี่

ธนูบินที่มีประกายไฟสีฟ้าแดง และยังมีควันสีดำเขียว

ธนูพวกนั้นตกลงบนหลังคาบ้านเรือน ตกลงบนพื้น พริบตาเดียวก็เผาไหม้ประกายไฟสีแดงขึ้นมา

"หลังคาบ้านเรือนและพื้นมากมายเทน้ำมันเอาไว้!" มีกองราชาอสูรเทพร้องขึ้นมา

ลมพัดมา ไฟเผาไหม้เร็วมาก ควันก็ยิ่งผุดขึ้นมาแน่นหนามาก มีประกายไฟหลายลูกตกลงข้างม้าพวกเขา ม้าร้องเสียงหลง โชคดีที่ม้าชั้นดีที่พวกเขาเลือกมาอย่างดี ไม่ถึงกับตกใจจนเตะดีดมั่วไปหมด

แต่ว่า แค่แสงไฟแค่นี้ก็ทะลุท้องฟ้า ถ้าไม่ออกไปอีก พวกเขาอาจจะโดนเผาตายในเมืองร้างไร้ผู้คนที่มีการจัดวางกลไกไว้นี่ก็ได้

โหลชีได้กลิ่นควันหนาด้านนอก คิ้วขมวดขึ้นมา "ควันนั่นมีพิษ"

ไฟเผายังไม่น่ากลัว แต่พวกเขาไม่น่าจะมีลูกไม้แค่นี้ ธนูไฟ ควันพิษ อีกเดี๋ยวจะเป็นอะไร?

จ้าวหยุนเฟิงบอก "ดังนั้นข้าเลยให้หยุนรั่วหวามา"

"ข้า? ข้าจะทำอะไรได้?" หยุนรั่วหวาชี้มาที่ตนเอง ถลึงตาใส่จ้าวหยุนเฟิงอย่างเคียดแค้น สำหรับชายผู้นี้ แวบแรกนางรู้สึกว่างดงาม แต่ฝ่ามือฉาดนั้นปลุกนางให้ตื่นขึ้น นางเหล่มองเฉินซ่าอีก ชายผู้นี้ดูเย็นชานัก แต่อย่างน้อยคงไม่ลงมือทำร้ายสตรีกระมัง?

ไม่นานนางก็จะได้รู้จักถึงความโหดร้ายของเฉินซ่า ไม่ใช่อะไรที่ตบเดียวจะเทียบติดเลย

"เผ่ามนต์ขาวมีมนต์ เรียกว่ามดพันหมื่นบุกทำลาย" จ้าวหยุนเฟิงมองนาง

พอได้ยินคำนี้ หยุนรั่วหวาสีหน้าเปลี่ยนทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ