พอเดินเข้าไปในตำหนักสาม สายตาโหลชีพลันเย็นเยียบลง
ค่ายกลที่ประตูตำหนักสามโดนถอนออกไปแล้ว
ระหว่างทางที่พวกนางเดินเข้ามา ไม่มีร่องรอยค่ายกลเลยสักนิด
รอจนนางเห็นร่างเหล่าคนที่อยู่ในสวนดอกไม้ พลันเข้าใจสาเหตุทันที
นางมองคนเหล่านั้น โหลชีหมุนตัวหันไปพูดกับเอ้อร์หลิง "ไป พวกเรากลับไปนอนที่ตำหนักข้างกัน"
"แม่นางโหล ฝ่าบาทอยู่ตรงนั้นนะเจ้าคะ ฝ่าบาทมองมาแล้วด้วย" เอ้อร์หลิงดึงชายเสื้อนางไว้
"เรื่องเขาสิ"
เชอะ นางวุ่นวายจัดการเรื่องให้เขา เขากลับดี ชมดอกไม้เป็นเพื่อนสาวงามองค์หญิง? คนนั้นไม่ใช่ เป่ยฝูหรงหรือไง? ยังมีอีกสองคน ใครกันล่ะ? นางไม่เคยเจอมาก่อน!
กำลังก้าวเดินไปได้สองก้าว นางแซ่หมิ่นนั่นก็มา และยังรีบก้าวเท้าไปด้านหน้าเฉินซ่า ดวงตาคู่นั้นมีน้ำตาคลอเบ้า พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือชวนน่าสงสาร "ฝ่าบาท ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับหมิ่นโหรวด้วยเจ้าค่ะ!"
ฮะ ให้ความเป็นธรรม ให้ความเป็นธรรมอีกแล้ว ยัยพวกนี้จัดการด้วยตัวเองไม่ได้หรือไง? แต่ละคนอาศัยคนอื่นจัดการให้ตลอด
เฉินซ่าเห็นร่างนั้นก้าวเดินไปอีกหลายก้าว เริ่มทนไม่ไหว "เกิดเรื่องอันใดขึ้น?"
"น้ำมันหอมอาบน้ำที่ฝ่าบาทประทานให้หมิ่นโหรวโดนคนทำแตกแล้วเจ้าค่ะ!"
พอคำนี้ออกมา แววตาของเป่ยฝูหรงและสาวงามอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆมีประกายขบขันและดีใจที่คนอื่นเดือดร้อน
เฉินซ่าพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม "ใครทำแตก?"
"ผู้นั้นบอกว่าเป็นนางกำนัลใหญ่ข้างกายฝ่าบาท หากหมิ่นโหรวมาตำหนักสามหลายครั้งกลับไม่เคยพบเห็นนางเลยนะเจ้าคะ"
"โหลชี!"
โหลชีกำลังจะเร่งฝีเท้าออกจากสวนดอกไม้ ก็ได้ยินเฉินซ่าเรียกชื่อนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ก็ได้ จะไปก็ไปไม่ได้ ทำไม อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้สนมในอนาคตเขางั้นสิ?
เชอะ ตอนนี้นางไม่กลัวหรอก เขาจะทำอะไรนางได้ล่ะ? อีกสองวันเป็นพิธีคัดเลือกพระสนมแล้ว และที่สำคัญไปกว่านั้น พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำ! พิษและหนอนพิษในตัวเขายังไม่ได้รับการถอน พรุ่งนี้ก็จะกลายร่างเป็นเจ้าตาแดงตัวเต็มเลือดอีกแล้ว ถ้าไม่มีนาง ดูสิว่าพรุ่งนี้เขาจะรับมือกับเหล่าปีศาจร้ายที่มารวมตัวกันยังไง! พรุ่งนี้จะเลือกสนมยังไง!
น่าขำจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าวันขึ้นสิบห้าค่ำตัวเองจะมีอาการแบบนี้กำเริบ ยังเอาพิธีคัดเลือกสนมมาจัดในวันแบบนี้ สมองโดนลาถีบแล้วล่ะมั้ง
เฉินซ่าเห็นนางเดินนวยนาดเข้ามา รู้สึกคันมือ อยากจะเข้าไปดึงนางเข้ามา "เจ้ากำลังนับจำนวนมดบนพื้นรึ?" เขาถามอย่างประชดประชัน
โหลชีเงยหน้ามองเขา ใบหน้าเย็นชาและรำคาญก่อนหน้านี้หายวับไป กลับกลายเป็นใบหน้าแน่งน้อยยิ้มร่า "นายท่านล้อเล่นแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่กินไม่อิ่ม เลยขาอ่อนเดินไม่ไหวเท่านั้นเอง"
"กินไม่อิ่ม?" สายตาเฉินซ่าจับจ้องไปที่ท้องของนาง
ทุกส่วนในตัวนางเขารู้ดี ต่อให้กินอาหารเต็มโต๊ะหมดคนเดียวได้ ท้องนางยังคงราบเรียบอยู่ พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็อดนึกถึงค่ำคืนเหล่านั้นที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับนาง คิดถึงความสงบยามโอบกอดนางหลับใหล
"ใช่ไงใช่ไง กินไม่อิ่มนะ นายท่านให้ข้าออกไปกินอะไรหน่อยได้หรือไม่?" โหลชียิ้มร่าต่อ
"แม่นางโหล ข้าว่ามิได้กระมัง เจ้ายังไม่ได้อธิบายเลยว่า ทำไมถึงตบนางกำนัลตำหนักสามจนหน้าบวม และเหตุใดยังทำน้ำมันหอมอาบน้ำที่ฝ่าบาทประทานให้ข้าจนแตกเล่า" หมิ่นโหรวยืนข้างเฉินซ่า ดวงตาคู่นั้นที่มีน้ำตาคลอเบ้าจ้องมองตรงมายังนาง
"นางกำนัลตำหนักสาม?" โหลชีกะพริบตาปริบๆถามกลับ "ใครล่ะ? ตำหนักสามไม่ได้มีข้าเป็นนางกำนัลคนเดียวหรือไร? น้ำมันหอมอาบน้ำ? น้ำมันหอมอาบน้ำอะไร ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย"
"ฝ่าบาท..." หมิ่นโหรวเอียงหน้าพลางเงยขึ้นมองเฉินซ่า ราวกับน้อยเนื้อต่ำใจนักหนา
โหลชีก็มองเฉินซ่า เบ้ปากขึ้นเล็กน้อย เลิกคิ้วเป็นเชิงบอก อ๋อ พรุ่งนี้เป็นวันขึ้นสิบห้าค่ำแล้วนะ
"ตำหนักสามมีโหลชีเป็นนางกำนัลเพียงคนเดียว" พอเฉินซ่าพูดแบบนี้ หมิ่นโหรวกับเอ้อร์อินที่ยืนอยู่ไม่ไกลพากันตะลึง
โหลชียิ้มกว้างพลางว่า "นั่นไง ดังนั้นข้าไม่ได้ตบนางกำนัลตำหนักสาม ข้าคงไม่มีทางตบตัวเองได้กระมัง?"
"ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้ท่านบอกเองว่าให้ข้ามารับใช้คุณหนูและองค์หญิงต่างๆที่ตำหนักสามนี่ โหลชีนางหน้าไม่อาย..." ทางด้านเอ้อร์อินร้องออกอย่างไม่อยากยอมรับ แต่ยังไม่ทันพูดจบ เฉินซ่าสะบัดชายเสื้อ ลมพายุแรงพัดไปทางนาง พริบตาเดียวพัดเอ้อร์อินลอยกระเด็นออกไปอย่างแรง และตกลงกระแทกพื้นราวกับตุ๊กตาผ้า
"ลากออกไป ตีจนตาย" คำสั่งสั้นๆแต่เย็นเยือกดุจน้ำแข็งของเฉินซ่าทำให้หมิ่นโหรวสั่นเทาไปทั้งร่างด้วยความเย็นเยือก นางมองโหลชีอย่างไม่เชื่อสายตา มิใช่บอกว่าโหลชีถูกไล่ไปคุก มิเป็นที่ต้องการแล้วรึ?
แล้วตอนนี้เพราะเหตุใดกัน?
"หมิ่นเฟยเป็นกระไรนี่? หนาวรึ?" สำหรับการจัดการของเฉินซ่า โหลชีพอใจอยู่ ถ้าเขาไม่ฆ่าเอ้อร์อิน นางก็จะลงมือเอง นางขี้เกียจลงมือ ตอนนี้นางถึงพึ่งอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย
พอนางพูดแบบนี้ หมิ่นโหรวรู้ว่าเสียการละ แต่นางยังไม่ทันทำอะไร ก็ได้ยินเฉินซ่าย้อนถามเสียงเย็นว่า "หมิ่น...เฟย?"
"แต่ฝ่าบาทรักใคร่แม่นางโหลยิ่งนัก ไม่น่าจะให้นางเป็นเพียงนางบำเรอเล็กๆเท่านั้น?"
"เขาเวิ่นเทียนมีมานานมากแล้ว ฐานะเหล่าผู้อาวุโสแห่งเขาเวิ่นเทียนสูงเพียงนั้น วิทยายุทธ์แก่กล้า ฝ่าบาทยังฟังคำเขาเลย มิเช่นนั้นอย่างวันขึ้นสิบห้าค่ำ เขาเวิ่นเทียนคิดออกมาว่าเป็นฤกษ์งามยามดีในการคัดเลือกพระสนม ฝ่าบาทยังมิปฏิเสธเลยนี่" นางกำนัลที่อยู่มานานและยังเคยได้เข้าตำหนักสามไปช่วยงานกระซิบกระซาบบอกด้วยน้ำเสียงเคารพ
เขาเวิ่นเทียน นั่นคือการคงอยู่ของสิ่งใดกัน ไม่ใช่อะไรที่พวกนางจะคุยออกความเห็นได้ ดังนั้นหลังจากพูดประโยคนี้แล้ว นางรีบบอกต่อ "เอาล่ะเอาล่ะ สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะออกความเห็นได้ รีบไปทำงานเถิด พรุ่งนี้ไม่รู้จะยุ่งสักเพียงไหนกัน!"
"ยุ่งหน่อยก็ดีนี่นา นี่เป็นเรื่องยินดีเรื่องแรกของตำหนักจิ่วเซียวเราเลยนะ"
"แต่พรุ่งนี้พวกเราพี่น้องก็ยังต้องจับฉลากเข้าตำหนักสาม?"
พอคำนี้ออกมา นางกำนัลคนอื่นสีหน้าซีดเผือด ปกติพวกนางคิดหัวแทบแตกเพื่อจะเข้าตำหนักสาม แต่พอถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ พวกนางกลับหาทางหลบหลีก! ถึงฝ่าบาทน้อยนักที่จะเรียกนางกำนัลเข้าไปในวันขึ้นสิบห้าค่า แต่ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยยังคงจัดหาคนมารับใช้ด้านนอกตำหนักสาม เผื่อฝ่าบาทจะต้องการคนรับใช้ทันควัน
แต่พวกคนที่เคยโดนให้ไปรับใช้ด้านนอกตำหนักสาม ไม่มีผู้ใดไม่เคยตกใจจนจับไข้เลย พอกลับมาล้วนแล้วแต่ไม่สบายเสียหลายวัน
แถมพอเอ่ยถึงเรื่องคืนนั้นทีไรก็พากันตัวสั่นเทา
ที่จริง แต่แรกมีเพียงนางกำนัลสองคนเคยไปรับใช้ พอข่าวลือออกมา ก็สลักลึกในใจนางกำนัลคนอื่นลบไม่ออกแล้ว
สรุปแล้วตำหนักสามทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำทำให้คนสีหน้าเปลี่ยนทันที"
"พรุ่งนี้ดูท่าคนของตำหนักสามจะมากเป็นพิเศษ ยังไงก็เป็นพิธีคัดเลือกพระสนม พวกเจ้าว่า พรุ่งนี้จะมีพระสนมคนใหม่ได้เข้าตำหนักสามหรือไม่?"
"เอาล่ะ! เรื่องพวกนี้พวกเจ้าสมควรพูดหรือไรกัน? รีบไปทำงาน!" นางกำนัลที่ทำมานานตีหน้าถมึงทึงตะคอกออกมา
ข่าวซุบซิบของผู้หญิงพวกนี้โหลชีไม่รู้เลย นางกำลังอยู่กลางพายุร้อน เผชิญหน้าความโกรธที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุและโผล่มาเอาดื้อๆของฝ่าบาท
ทั่วทั้งสวนดอกไม้กลายเป็นสภาพเละเทะขาดวิ่น โดนทำลายไปมากพอดูแล้ว
เขาโกรธจนหน้าอกขึ้นๆลงๆ แล้วจ้องมองนางเขม็ง สองตาวาวโรจน์ประกายไฟ ท่าทางเหมือนจะจับนางฉีกกินเป็นชิ้นๆ
"นายท่าน เป็นกระไรรึ? ข้าไม่ได้ทำผิดอะไรนะ เอ้อร์อินท่านก็เป็นคนออกคำสั่งตีจนตายเอง ถ้าไง ให้ข้าช่วยท่านเลือกนางกำนัลมาอีกสักสองคนไหม?" โหลชีเลิกคิ้วถามเขาอย่างไม่กลัวตาย
เอ้อร์หลิงถูกเทียนยีพาตัวออกไปนานแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ