ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 600

เฉินซ่าเดินมาถึงด้านหลังนาง มองดูถ้ำแห่งนั้นพร้อมกับนาง

"จัดการเรียบร้อยหมดแล้วหรือ?" โหลชีไม่ได้หันกลับมา

"อืม" ก็แค่คนไม่กี่คนเท่านั้น ถึงแม้จะมีอาวุธลับที่เรียกว่าปืนนั่น ได้ยินมาว่ามันทรงพลังมาก แต่ขอเพียงเร็วกว่าพวกเขาก็พอแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะยิงปืนก็ยิงไม่ถูกเขา

ในป่ายังมีศพผู้ชายร่างเปลือยเปล่าที่ถูกทรมานจนตายอีกคนหนึ่ง ซึ่งเขาจะไม่บอกนางเรื่องพวกนี้หรอก

"เจ้าเคยมาที่นี่?" คำพูดนี้ของเฉินซ่าคือประโยคยืนยัน โหลชีต้องเคยมาถ้ำแห่งนี้แน่นอน มิเช่นนั้นจะไม่ยืนอยู่ที่นี่ด้วยสีหน้าท่าทางเช่นนี้หรอก

เขาไม่ชอบ

เพราะเขารู้สึกว่าท่าทางเช่นนี้ของนางคือกำลังคิดถึงอยู่ อดีตที่นางคิดถึงอยู่ มีคนอีกคนที่ผู้ชายพวกนั้นเอ่ยถึงเมื่อครู่นี้ ถึงแม้โหลชีจะบอกว่าไม่มีอะไรระหว่างคนคนนั้น แต่ต้องมีมิตรภาพที่มากกว่าคนทั่วไปอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า นั่นคืออดีตของนาง

ปัจจุบันกับอนาคตของนางเขาสามารถครอบครองเอาไว้ทั้งหมดอย่างเผด็จการ ขจัดสิ่งกีดขวางทุกอย่างออกไป แต่ว่าอดีตของนางเขาไม่สามารถมีส่วนร่วมได้เลยนี่นา

ไม่รอให้โหลชีตอบคำถาม เขาก็กล่าวต่อไปอย่างราบเรียบอีก "เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นหน่อย"

โหลชีได้สติกลับมา หันกลับมามองเขา กลับเห็นสีหน้าท่าทางของเขาสงบนิ่งมาก ดวงตาลึกล้ำ ดูไม่ออกว่ามีท่าทางที่หึงอย่างบ้าคลั่ง ถึงขั้นดูไม่เหมือนว่ากำลังหึงอยู่เลยด้วยซ้ำ

นี่มันดูไม่ค่อยเหมือนฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ที่นางคุ้นเคยเลย

นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่หากฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ได้ยินเรื่องผู้ชายข้างกายของนางแล้วจะไม่หึง เขาเป็นผู้ใหญ่ในชั่วข้ามคืนอย่างนั้นหรือ?

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เวลานี้โหลชีกลับรู้สึกหดหู่เหมือนขาดอะไรไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็แอบหัวเราะออกมาเงียบๆ หรือว่านางถูกทารุณจนชิน เขาไม่หึงยังไม่พอใจ?

"เทียนอิ่งใหญ่จัดการปากถ้ำหน่อย"

"พ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากที่เทียนอิ่งไปจัดการทำความสะอาดปากถ้ำแล้ว โหลชีเอามือของตนเองยัดเข้าไปในมือของเฉินซ่า กล่าวออกมาอย่างสับสนเล็กน้อย: "ซ่า จู่ๆข้าก็รู้สึกว่า ที่เรามาถึงสถานที่แห่งนี้ในครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป" ถึงแม้พวกเขาจะไม่ระวังเข้าไปในรูหนอนแห่งกาลเวลา มาถึงที่นี่ แต่นางรู้สึกว่าในโชคชะตา ห้วงเวลานี้กับฝั่งโน้นจะต้องมีความเชื่อมโยงกันอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงไม่ไปตกที่อื่น หรือบางทีอาจจะเป็นช่องว่างระหว่างเวลา?

หรือว่าระหว่างสองสิ่งมีบางสิ่งที่เป็นกุญแจที่สำคัญมาก และนางก็ยังหาไม่พบ?

โชคชะตากำหนด นางถึงขั้นยังรู้สึกว่าส่งนางกลับมายังถ้ำที่เคยอยู่กับหมิงเลี่ยนานที่สุดแห่งนี้ ก็มีสาเหตุเช่นกัน

"เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น"

โหลชีชะงักงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เม้มปากยิ้มออกมา นางก็ว่าอยู่แล้วเขาจะไม่หึงได้อย่างไรกัน? แต่ว่าตอนนี้หึงแบบค่อนข้างสงบนิ่งเล็กน้อยนี่เอง

"หมิงเลี่ย เมื่อก่อนข้าก็เคยเล่าให้ท่านฟังไม่ใช่หรือ? ตอนแรกข้าเป็นคนช่วยเขาจากเงื้อมมือของเท็ดดี้ ในตอนนั้นเพราะเขาได้รับบาดเจ็บถึงได้ถูกจับถูกย่ำยี ต่อมาเขาก็สมัครใจติดตามอยู่ข้างกายของข้า......" พูดถึงตรงนี้ นางก็ยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย หมิงเลี่ย ผู้ชายคนนั้น เมื่อก่อนนางเคยคิดว่า ถ้าหากไม่ใช่เพราะตอนแรกที่เจอกันแล้วเขาก็อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น บางทีนางก็อาจจะมีความรู้สึกกับเขาเล็กน้อย...... "แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้ว บางทีที่หมิงเลี่ยติดตามอยู่ข้างกายของข้าอาจจะเพราะมีจุดประสงค์"

"ติดตามข้างกายของเจ้าทำไม?" เฉินซ่าเหลือบมองนางครู่หนึ่ง: "เขาติดตามอยู่ข้างกายของเจ้าก็ไม่ใส่เสื้อผ้าเช่นนั้นอยู่บ่อยๆหรือ?"

เขากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะช่วยนางล้างตาอะไรพวกนั้นหรือไม่ ผู้ชายที่นี่ทำให้คนไม่ชอบจริงๆด้วย เสื้อผ้าไม่ใส่กันดีๆ จะเปลือยกายทำไมกัน?

เดิมทีโหลชีรู้สึกสับสนและหดหู่เล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินคำพูดหึงหวงของเขา นางก็อดที่จะหัวเราะมีความสุขขึ้นมาไม่ได้: "ไม่ เขาใส่เอาไว้ตลอด อีกอย่าง เขาก็ยังค่อนข้างชอบชุดโบราณด้วย"

พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา: "ข้ารู้แล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเดิมทีหมิงเลี่ยก็เป็นคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยินอยู่แล้ว? เขาก็ข้ามเวลามาจากฝั่งโน้น ดังนั้นเขาถึงได้ชอบชุดโบราณขนาดนั้น!"

นึกออกมาแล้ว เมื่อก่อนหมิงเลี่ยก็ไม่ชอบให้นางใส่กางเกงขาสั้นเสื้อแขนสั้นเช่นกัน แต่ว่าในเวลานั้นนางไม่เคยคิดไปถึงเรื่องย้อนเวลาทะลุมิติเลย อย่างไรเสียนี่มันก็เรื่องแปลกประหลาดมากเกินไป

ตอนนี้คิดย้อนกลับไป หมิงเลี่ยเข้ากันไม่ได้กับยุคปัจจุบันเล็กน้อยจริงๆ!

"แต่ว่า ถ้าหากว่าเขามาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน และพุ่งเป้ามาที่ข้า เช่นนั้นก็แสดงว่าข้าถูกใครบางคนจ้องมองอยู่ตลอดอย่างนั้นใช่ไหม? ถึงแม้ว่าข้ากับนักพรตเลวจะมาถึงยุคปัจจุบัน อีกฝ่ายก็รู้ และยังส่งหมิงเลี่ยข้ามมาอีกด้วย?"

โหลชียิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าน่ากลัวและโกรธมากขึ้น นางใช้ชีวิตอยู่ในสายตาของคนที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่ตลอด? "ตอนนั้นในถ้ำแห่งนี้แหละ หมิงเลี่ยเคยมีเจตนาจะฆ่าข้า แต่ว่าต่อมาเขาก็บอกกับข้าอีกว่า ให้ข้าปกป้องตัวเองให้ดี คำว่าปกป้องตัวเองให้ดีนี้ หมายความว่าอย่างไร?"

ลมหายใจของเฉินซ่าก็เย็นยะเยือกลงมา: "จำสิ่งที่ซวนหยวนจื้อพูด เกี่ยวกับเรื่องปีศาจคนนั้นได้ไหม? ข้ารู้สึกว่า มีปีศาจอยู่จริงๆ"

มีปีศาจอยู่จริงๆ

คำพูดนี้มันไม่ใช่อย่างที่ซวนหยวนจื้อกล่าว ที่อ้างว่าโหลชีเป็นปีศาจ

"ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นมาจากปีศาจนั่นทั้งนั้น และข้าก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญ"

ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ต่างก็มองเห็นความหนักแน่นและความโกรธจากสายตาของอีกฝ่าย

เวลานี้ เสียงของเทียนอิ่งดังมา: "ไท่จื่อ ไท่จื่อเฟย จัดการทำความสะอาดเรียบร้อยหมดแล้ว"

"เข้าไปดูกันก่อน ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าเราจะได้รับอะไรบางอย่างจากการมาครั้งนี้" โหลชีเม้มริมฝีปาก ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ปากทางเข้าถ้ำแห่งนี้น่าจะสูงแค่ประมาณคนหนึ่งคนเท่านั้น ด้วยความสูงของเฉินซ่าจะเข้าไปยังต้องโค้งตัวเล็กน้อย

หลังจากที่เข้าไปแล้ว กลิ่นเชื้อราหญ้าภูเขาลอยมาปะทะจมูก

โหลชีก็กระวนกระวายใจขึ้นมา

มีหลายครั้งที่พวกเขาเห็นรอบนอกมีทหารรับจ้างคนอื่นๆเดินผ่านไปแท้ๆ แต่ว่าอีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นพวกเขาเลย ราวกับว่าพวกเขาอยู่ในม่านวงกลมที่มองไม่เห็น ตัดขาดจากภายนอก

และก่อนหน้านี้เท็ดดี้และคนอื่นๆก็โชคร้ายถูกครอบเอาไว้ในห้วงเวลานี้พอดีล่ะมั้ง

ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดมิด ในป่าดูเหมือนจะมีเงาผีเคลื่อนไหวไปมา พวกเขาย่อมไม่กลัวสิ่งที่เรียกว่าผีอยู่แล้ว แต่ว่าออกไปไม่ได้เช่นนี้ ไม่มีน้ำไม่มีอาหาร ใครจะรู้ว่าจะสามารถอยู่ได้ถึงเมื่อไหร่?

สิ่งที่ทำให้โหลชีหงุดหงิดมากที่สุดก็คือ ในใจของนางมีการคาดเดาบางอย่างไว้ จำเป็นต้องรีบกลับไป มิเช่นนั้นสายเกินไปเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

"บอกข้ามา เจ้านึกอะไรขึ้นมาได้?"

ในเมื่อยังไม่สามารถออกไปได้ ก็ได้แต่สงบสติอารมณ์ลงมารอ เฉินซ่าดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน ลูบแผ่นหลังของนางอย่างปลอบประโลม

โหลชีกัดริมฝีล่าง ถอนหายใจออกมาเบาๆ บังคับให้ตนเองสงบสติอารมณ์ลงมา "จำได้ไหมว่าท่านฝันถึงข้าสวมชุดฝึกวรยุทธอยู่บนเรือเล็กบ่อยๆ?"

เฉินซ่าไม่รู้ทำไมจู่ๆนางถึงเอ่ยนึกเรื่องนี้ขึ้นมา ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า: "อืม"

"ความจริงในเวลานั้นนักพรตเลวเคยบอกกับข้า ในช่วงปีแรกๆที่เพิ่งพาข้าข้ามมา เขามักจะรู้สึกว่าร่างกายของข้าอ่อนแออย่างอธิบายไม่ถูก แต่มันไม่ใช่กลไกของการเกิดโรค ดังนั้นตอนนั้นเขาก็เลยให้ข้าฝึกวิชาหมัดมั่นคงจิตเสริมความแข็งแรงของร่างกายทุกวัน ทุกครั้งที่ฝึกวิชาหมัดแบบนั้นเสร็จในทุกคืนข้าก็จะเหนื่อยมาก นอนหลับอย่างสนิทมากตื่นมาวันรุ่งขึ้นก็จะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก ในเวลานั้นข้าไม่ได้คิดอะไรมาก ยังเด็กอยู่ ถึงจะคิดก็คิดอะไรไม่ออก แต่ว่าตอนนี้เมื่อย้อนคิดกลับไป" จู่ๆโหลชีก็เงยหน้าขึ้นมาจากอ้อมแขนของเขา มองดูเขา: "เป็นไปได้ไหมว่าที่ท่านฝันถึงข้าในตอนนั้นมันก็มีเหตุผลเช่นกัน เพราะในเวลานั้น ข้าใช้วิธีอะไร เช่นการใช้วิธีควบคุมฝันกับท่าน?"

คำกล่าวนี้ฟังแล้วช่างน่ากลัวและแปลกประหลาดเสียจริง!

"ในเวลานั้นเจ้าเพิ่งจะมีอายุเท่าไหร่?" เฉินซ่าสีหน้าเคร่งขรึมลงมา "คนที่ข้าฝันถึง คือเจ้าตอนที่ยังเป็นเด็กทั้งนั้น"

โหลชีขัดจังหวะการพูดของเขา: "แต่ท่านอย่าลืมนะ ตอนที่ซวนหยวนจื้อบอกว่าข้าเป็นปีศาจ ข้าน่าจะยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำ" เวลานั้นอายุไม่น้อยยิ่งกว่าหรือ?

คำพูดนี้ทำให้เฉินซ่าพูดไม่ออกไปชั่วขณะเช่นกัน

โหลชีกล่าวต่อไปอีก: "ท่านลองคิดดู ไม่มีที่มาที่ไป ข้ามห้วงเวลาเลยนะนั่น ทำไมอยู่ดีๆท่านถึงฝันเห็นข้าอย่างไม่มีเหตุผลได้ล่ะ?"

ให้เขาฝันเห็นนาง แล้วมันมีความหมายอะไร?

"ถ้าหากนี่คือฝีมือของมนุษย์ จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร?" เฉินซ่ากอดนางเอาไว้แน่นโดยสัญชาตญาณ

โหลชีก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างกาย ใช่แล้ว จุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร? "หลังจากที่ฝันเห็นข้าแล้ว สิ่งที่มีอิทธิพลต่อท่านมากที่สุดคืออะไร?"

"ถ้าหากตอนที่เจอกัน เจ้าก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าก็คือสาวน้อยในฝันของข้า ไม่ว่าข้าจะรักเจ้าหรือไม่ ก็จะไม่มีวันปล่อยมือ อีกอย่าง จะไว้วางใจในตัวเจ้า" ใช่แล้ว ความเชื่อใจ หลายปีนั้น สาวน้อยในฝันคนนั้นก็คือความอบอุ่นในใจของเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ