ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 614

โหลฮ่วนเทียนรู้ว่ามันผิดปกติ แต่ว่าในฐานะที่เป็นลูกชาย ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ท่านแม่นอนอยู่บนพื้นโดยใส่แค่เพียงเสื้อผ้าบางๆเช่นนี้ได้ บอกว่าหยุนฉ่ายบ้าคลั่งชั่วร้าย แต่นางก็คิดเรื่องความสัมพันธ์ทางสายเลือดเช่นนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งมาก ถึงแม้ว่าโหลฮ่วนเทียนจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าเรื่องราวมีความผิดปกติ เขาก็ไม่มีทางทนได้อย่างแน่นอน

ท้องฟ้ามีหิมะโปรยปรายลงมา

หยุนโยวน้ำตาไหลอย่างสิ้นหวัง เห็นเกล็ดหิมะเกล็ดแล้วเกล็ดเล่าโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ร่วงหล่นลงมาบนใบหน้าของนาง เหน็บหนาวเย็นยะเยือก ราวกับหัวใจของนาง

นี่เป็นหิมะแรกของปีนี้นี่นา ในที่สุดสวรรค์ก็รู้แล้วใช่ไหมว่านางอดทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ก็เลยมารับนางจากไปโดยเฉพาะ?

นางกล้ำกลืนความอัปยศมาหลายปีขนาดนี้ เพียงเพื่อวันหนึ่งจะได้เจอกับสามีและลูกสาวอีกครั้ง แต่ว่า ไม่สามารถรอจนถึงวันนั้นแล้วหรือ?

วิชามนต์ดำที่หยุนฉ่ายร่ายเอาไว้ จะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ผู้ชายสัมผัสร่างกายของนาง ตอนนี้สติของนางก็เลือนรางเล็กน้อยแล้ว แต่ประสาทสัมผัสของร่างกายกลับชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นางรู้สึกถึงความอัปยศอย่างไร้ที่เปรียบ ทั้งยังสิ้นหวังและโศกเศร้าไร้ที่เปรียบ

"ท่านแม่......"

โหลฮ่วนเทียนก็รู้สึกว่าบางส่วนของร่างกายค่อยๆผิดปกติขึ้นมาเช่นกัน เขาเข้าใจในทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ความโกรธนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย การกระทำที่อุ้มท่านแม่เอาไว้ก็แข็งทื่อขึ้นมาเล็กน้อย

เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมามากมาย

"ฮ่วนเทียน......"

จู่ๆโหลฮ่วนเทียนก็ได้ยินเสียงที่แผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยินของท่านแม่ที่อยู่ในอ้อมแขน ร่างกายสั่นเทาขึ้นมา ก้มหน้ามองลงไป กลับเห็นในดวงตาคู่ที่งดงามมากของท่านแม่คู่นั้นเผยความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างมาก ไม่เต็มใจ อาลัยอาวรณ์ เจ็บปวด คิดถึง หวาดกลัว แต่ก็ไม่เสียใจ

เขาไม่เคยเห็นสายตาเช่นนี้ของท่านแม่มาก่อน

ในเสี้ยววินาทีนี้ เขาเข้าใจในทันที เพราะอะไรท่านแม่ถึงไม่ใช่แม่ที่เข้มแข็งและใจกว้างอย่างที่จิตใต้สำนึกของเขาต้องการมาตลอด เป็นเพราะนางจนใจ ทำอะไรไม่ได้ เพราะในใจของนางมีความเจ็บปวดและคิดถึงอยู่ไม่น้อยอย่างแน่นอน

แต่ในขณะเดียวกัน โหลฮ่วนเทียนก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ท่าทางเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกว่า นาง----ไม่อยากจะมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

หรือพูดอีกอย่างคือ มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว

ถ้าหากพวกเขาแม่และลูกชายทำอะไรลงไปจริงๆ อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เขาเกรงว่าก็คงจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีก

"ไม่ๆๆ ท่านแม่! ท่านแม่ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ! ขอแค่ข้าพาท่านเข้าไปในบ้าน ข้าจะรีบไปตามเสี่ยวชีมา นางสามารถช่วยท่านได้แน่ๆ ท่านแม่ ขอร้องท่านล่ะ ได้โปรดอย่ายอมแพ้นะ!"

"บอกเสี่ยวชี......." หยุนโยวพยายามด้วยกำลังสุดท้ายที่เหลือเล็กน้อย ในที่สุดนางก็ทำลายวิชามนต์กุมขังได้สำเร็จ "ข้ารักนาง ข้ารักนางมาก......"

พูดจบ นางก็อยากจะร่ายวิชามนต์ปลิดชีพให้กับตัวเองต่อไป

ทันใดนั้นเกล็ดหิมะที่อยู่บริเวณโดยรอบก็ม้วนตัวขึ้นมา และลอยมาทางนาง ราวกับว่าถูกนางดึงดูดเข้ามา โหลฮ่วนเทียนเห็นมือข้างหนึ่งของนางกดตรงหน้าอกเอาไว้ และหลับตาลง ในใจรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในทันใด เบิกตากว้างและร้องตะโกนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด: "ท่านแม่! ขอร้องล่ะ อย่ายอมแพ้นะ! ท่านแม่!"

หรือว่าเขาหาท่านแม่พบ ก็เพื่อบีบให้นางไปตายหรือ?

ถ้าหากว่าเขาไม่มาจะดีกว่าใช่ไหม? เขาไม่มา อีกฝ่ายก็จะไม่คิดวิธีที่ชั่วร้ายเช่นนี้ออกมาใช่ไหม?

หัวใจของโหลฮ่วนเทียนในเวลานี้ กำลังหลั่งเลือด รู้สึกว่าคนทั้งคนของตนเองเจ็บปวดจนแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

"อ๊าก----"

เห็นเกล็ดหิมะปลิวไสวรวมตัวกันกลายเป็นมังกรหิมะขาวอย่างรวดเร็ว ล้อมอยู่บริเวณข้างกายของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้เขานึกขึ้นมาได้ว่า ตอนเด็กๆดูเหมือนท่านแม่เคยบอกกับเขาว่า เผ่ามนต์ขาวมีวิธีฆ่าตัวตายอย่างหนึ่ง ต้องใช้สิ่งที่ขาวสะอาดที่สุดระหว่างฟ้าดินมาชำระล้างความสกปรกของตนเอง สิ่งที่ขาวสะอาดที่สุดคือหิมะหรือ? คือหิมะนั่นแหละ

ดังนั้น นางตัดสินใจแน่แล้วว่าจะละทิ้งการมีชีวิตต่อไป

นี่จะไม่ให้เขาเจ็บปวดใจปางตายได้อย่างไร!

เขาก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปอีกแล้วใช่ไหม? ความรู้สึกสกปรกแบบนี้ในร่างกายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใกล้จะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

เขาไม่สามารถทำผิดกับท่านแม่ได้แม้แต่น้อย ไม่สามารถทำได้

แต่ว่าเวลานี้เขาก็ไม่สามารถทิ้งนางเอาไว้เช่นกัน ไม่สามารถทำได้

ดังนั้น เขาเองก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกแล้วใช่ไหม? เขาไม่อาจปล่อยให้ท่านแม่ตายไปอย่างโดดเดี่ยวเช่นนี้ บนเส้นทางไปยังปรโลก อย่างน้อยก็ต้องมีเขาไปเป็นเพื่อน

เสี่ยวชี----

"ท่านพี่!"

ราวกับมีเสียงที่สดใส ดังมาจากบนฟากฟ้าในทันใด ราวกับตอบรับความอาลัยอาวรณ์ที่มีมากที่สุดในใจของเขาในเวลานี้

โหลฮ่วนเทียนชะงักงัน นึกว่าตนเองคิดถึงมากจนเกินไป มุ่งหวังอย่างแรงกล้าเกินไป ถึงขนาดทำให้เกิดเป็นภาพหลอนขึ้นมาได้

"ท่านพี่! ปล่อยนางลง!"

เสียงตะโกนอย่างเร่งรีบดังขึ้นมาอีกครั้ง เวลานี้โหลฮ่วนเทียนถึงเพิ่งแน่ใจว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว อินทรีหิมะขาวยักษ์บินโฉบผ่านเหนือศีรษะเขาไป กระพือปีกของมัน พัดมังกรเกล็ดหิมะที่หยุนโยวรวบรวมขึ้นมากระจัดกระจายไปอย่างง่ายดาย เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงไป บนพื้นถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีขาวชั้นหนึ่งแล้ว

"เฉินซ่า เจ้าพูดว่าอะไรนะ? แน่จริงเจ้าก็พูดออกมาอีกรอบสิ? เจ้าเป็นน้องเขยของข้านะ ลำดับญาติอ่อนกว่าขั้นหนึ่งรู้หรือเปล่า?"

"อะแฮ่มๆ" ซวนหยวนคงที่อยู่ด้านข้างยืดตัวตรงขึ้นมาทันที กวักมือให้กับเขา: "หนูฮ่อนเทียน? รีบเข้ามาให้อาสามดูหน่อยเร็ว!"

"อาสาม?" โหลฮ่วนเทียนชะงักงัน: "ซวนหยวนคง? นักพรตเลว?"

ด้วยเหตุนี้ ซวนหยวนคงก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาเช่นกัน

"เจ้าหมอนี่ อย่านึกว่าเจ้าเป็นพี่ชายแท้ๆของเสี่ยวชี แล้วข้าจะไว้หน้าเจ้า! นักพรตเลวเจ้าก็เรียกได้หรือ? เจ้านึกว่าฐานะของเจ้ากับเสี่ยวชีจะเท่าเทียมกันงั้นหรือ? ไม่มีทาง! นางคือสิ่งล้ำค่า เจ้าเป็นหญ้า!"

อาสาม ท่านพูดอย่างกับว่ามีเพียงเสี่ยวชีเท่านั้นที่เป็นญาติสนิทของท่าน ข้าก็ใช่ตกลงไหม?

โหลฮ่วนเทียนหดหู่ขึ้นมาในทันที

"หากยังเอะอะกันอยู่ พวกท่านก็หายไปจากหน้าข้าเลย"

โหลชีรู้สึกว่าขมับเต้นตุ้บๆขึ้นมาโดยตรง

เมื่อครู่นี้ยังจะเป็นจะตายอยู่เลยไม่ใช่หรือ? คนยังนอนอยู่บนพื้นรอรับความช่วยเหลืออยู่เลย ก็สามารถเอะอะโวยวายกันขนาดนี้แล้ว?

ผู้ชายสามคนนั้นถึงได้จ้องมองกันไปมาครู่หนึ่ง ต่างคนต่างยอมแพ้ไป

"นี่คือท่านแม่จริงๆหรือ? ไม่ได้จำผิดใช่ไหม?" โหลชีนั่งยองๆลงไปข้างกายของหยุนโยว ก้มหน้ามองดูนาง ดูเหมือนจะใช่อยู่ หน้าตาเหมือนอย่างที่นางเคยเห็นในความฝัน......

ท่านแม่ช่างงดงามยิ่งนัก......

เพียงแต่ว่า "ใครเป็นคนวางยาพวกนี้ให้กับนางกัน?" โหลชีโกรธขึ้นมา

"ไม่รู้ ตอนที่ข้ามาถึงคนก็หนีไปแล้ว......" คำพูดของโหลฮ่วนเทียนไม่ไหลลื่น "ท่านแม่น่าจะรู้อยู่ แต่ว่า เสี่ยวชี ท่าทางของนางเช่นนี้......"

"ฮึ ยังไม่ได้เล่นฉากแม่กับลูกยอมรับกันและกันกับข้าเลย ตายอะไรกัน!" โหลชีกล่าวอย่างโกรธแค้น "นักพรตเลว! คนยังอยู่นี่นะ! จับไม่ได้ท่านไม่ต้องกินข้าวสามวันแล้วกัน!"

คำพูดนี้ทำให้โหลฮ่วนเทียนชะงักงัน

กลับเห็นซวนหยวนคงใบหน้าดำมืด สองมือทำเป็นท่าร่ายคาถานับไม่ถ้วนรวดเร็วราวกับผลิกดอกไม้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ