เวลานี้โหลชีได้รับบาดเจ็บภายในแล้ว ยังมีการสะท้อนของการควบคุมฝัน ถึงวิธีนี้ของนางจะทำให้พวกเขาพยายามหลับก็ยังพอมีผลอยู่ แต่มันก็ไม่ใช่ประโยชน์ของการควบคุมฝัน และพวกเขาก็พอดีฝันแบบที่ในใจตนคิด
นางยิ้มเศร้า โดนเฉินซ่าสะเทือนจนลอยออกมา กำลังจะควักปลาดุกเทพมากินลูกหนึ่ง จู่ๆก็มีตาข่ายยักษ์คลุมลงมา
โหลชีตาเข้มขึ้นมาทันที ใจรู้เลยว่าของที่ผู้หญิงบ้านั่นเตรียมไว้ต้องไม่ใช่ของธรรมดาแน่ ตาข่ายยักษ์นี่พอมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่วัสดุในยุคนี้ ถ้าโดนครอบเข้าไป นางจะหนีคงไม่ง่ายขนาดนั้นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้นางยังได้รับบาดเจ็บภายในด้วย ก่อนหน้านี้ก็โดนบีบจนสติรางเลือนในโดมธนูนั่น หัวหมุนเวียนหัวไปหมด
ดังนั้นนางเลยรีบกลิ้งบนพื้น และไม่สนว่าบนพื้นจะเต็มไปด้วยธนูแหลมที่มีประกายไฟสีฟ้าเผาอยู่ด้วย
เฉินซ่ากับโหลฮ่วนเทียนได้สติขึ้นมาพร้อมกัน และเหลือบตามองไป ทั้งสองคนล้วนโกรธจนเบิกตาโพลง
"เสี่ยวชี!"
"ชีชี!"
เดิมโหลฮ่วนเทียนอยู่ด้านนอกโดมธนู ตอนโดมธนูโดนระเบิดเขาก็ถอยไปหลายก้าว ตอนนี้เลยอยู่ใกล้โหลชีกว่า เขารีบพุ่งไปหานาง อยากจะดึงนางขึ้นมา
ดวงตาดำขลับของเฉินซ่าพลันแดงขึ้น มองดูสี่มุมของตาข่ายนั่นยังมีคนคอยยื้อยุดอยู่ เพราะโหลชีกลิ้งคลุกคลานออกไป คนพวกนั้นยังพยายามจะเคลื่อนย้ายตามไป ความอาฆาตในใจเขายิ่งผุดขึ้นมาอย่างไร้ขอบเขต
ความอาฆาตนี้รุนแรงนัก ทำให้คนของลัทธิสิ้นโลกีย์ที่ยืนอยู่ในจุดที่มีมนต์พรางตาซ่อนตัวอยู่ผ่านค่ายกลใหญ่รู้สึกสะท้านเยือก
"ระวัง!"
คนหนึ่งในนั้นพึ่งจะส่งเสียงเตือน ไออำมหิตสีดำก็รัดคอเขาขึ้นมาแล้ว ประหนึ่งมังกรสีดำรัดคอเขาอยู่ และรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรัดยิ่งแน่น
เขาตาเหลือก ลิ้นโดนรัดจนแลบออกมา หัวเอียงไปอีกด้าน มุมตาข่ายในมือที่ถืออยู่ถูกปล่อยออก และหล่นลงมา
"พวกเจ้าล้วนสมควรตาย!" กระบี่ดื่มเลือดของเฉินซ่าถูกชักออก ข้อมือสะบัด รังสีกระบี่ของกระบี่มารล้างผลาญเพิ่มพูนตบะขึ้นไม่น้อย
พอกระบี่เขาสะบัด ไออำมหิตสีดำประหนึ่งมังกรออกทะเล และไม่ต้องการทะลวงค่ายกลไม่ต้องการเห็นศัตรูในค่ายกล จุดที่ไออำมหิตเหล่านั้นอยู่ ค่ายกลล้วนโดนทำลายราบเป็นหน้ากลอง ไออำมหิตสีดำเหมือนมีชีวิต เข้าบีบคั้นเหล่าคนลัทธิสิ้นโลกีย์
คนพวกนั้นถูกเฉินซ่าโจมตีจนไม่มีแก่ใจโจมตีโหลชี เหมือนเห็นเป็ดที่ต้มสุกแล้วบินหายไป พลันเดือดจัด แต่พวกเขาจะเดือดยังไง ก็ต้านทานความอาฆาตมหาศาลของเฉินซ่าในตอนนี้ไม่ไหว
"ชีชี!"
เฉินซ่าประดุจเทพสงคราม เสื้อคลุมสีแดงโบกสะบัดท่ามกลางพายุหิมะ ทำให้เขาที่อยู่ในชุดสีดำแดงและดวงตาดำมืดมีประกายแดงยิ่งดูเย็นชาไร้อารมณ์มากขึ้น
"ข้าไม่เป็นไร"
โหลชีถูกโหลฮ่วนเทียนพยุงขึ้นมา ประกายไฟที่ลามเลียเสื้อผ้าอยู่ถูกนางตัดทิ้งทั้งเสื้อผ้าและไฟแล้ว ถึงในนั้นจะมีเสื้อตัวใน แต่เฉินซ่ายังคงโกรธเดือดไม่ลดลงเลย เขากระชากเสื้อคลุมเหาะไปหานาง "คลุม แล้วพักผ่อนอีกด้าน ดูข้าฆ่าเจ้าพวกหนูสกปรกนี่ให้หมด!"
หลบๆซ่อนๆ ได้แต่ใช้วิธีสกปรกอยู่ในที่ลับ ไม่ใช่หนูสกปรกหรือไง?
"ดี ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือ!" โหลฮ่วนเทียนพยุงโหลชีไปอีกด้าน "ข้าเอาด้วย!"
เขาเองก็เดือดแล้ว!
น้องสาวตัวน้อยที่เขาอยากประคองทะนุถนอมไว้กลางฝ่ามือ กลับโดนบีบเค้นจนมีสภาพน่าอนาถขนาดนี้!
หลังจากนั้นก็เป็นการฆ่าล้างบางของเฉินซ่ากับโหลฮ่วนเทียน!
เลือดไหลนองคืนหิมะตก หิมะสีแดง หิมะสีแดง!
โหลชีหอบหายใจแรง นางรีบหยิบยาปลาดุกเทพที่อัดแน่นมากินก่อนหนึ่งเม็ด หัวนางมึนตึบมาตลอด ใจรู้ดีว่ามันไม่ค่อยดี ใต้โดมธนูก่อนหน้านี้ต้องฝังอะไรไว้แน่ ค่ายกลใหญ่ขนาดนี้ก็คือค่ายกลลอกวิญญาณที่โดนผู้หญิงบ้าคนนั้นปรับปรุงมาแล้ว!
แต่ผู้หญิงบ้าคนนั้นเดิมทีมาจากยุคปัจจุบัน นางเรียนรู้ของในยุคนี้ยังไงกันนะ? วิทยายุทธ์ของนางเรียนมาจากที่ไหนกัน?
สมองโหลชีปิ๊งวาบขึ้น นางมักรู้สึกว่าตัวเองกำลังจับความจริงอะไรบางอย่าง
"ไปตายซะ!"
ทันใดนั้น มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง โหลชีตาเข้มขึ้น ไม่ได้หันกลับไป เข็มพิษหลายเข็มแทงไปข้างหลังทันที
จากนั้นนางถึงหันกลับไปมอง และปะเข้ากับใบหน้าที่คล้ายเฉินซ่าอยู่หลายส่วน!
นางรู้สึกคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้อยู่หลายส่วน ใบหน้าเขากลับทำให้โหลชีแค้นใจนัก
เพราะเคยเห็นหลายคนใช้มนต์เปลี่ยนหน้ามาแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางเลยมองแวบเดียวก็มองออกว่า ใบหน้านี้ไม่ได้มีมาแต่เกิด ไม่ได้เป็นธรรมชาติ แต่จงใจทำให้ออกมาเป็นแบบนี้! ถึงจะคล้ายคลึงกับเฉินซ่าอยู่สามสี่ส่วน แต่ก็ดูออกได้ไม่ยากว่า ใบหน้านั้นแข็งเกร็งมาก มองแวบแรกยังได้ มองครั้งที่สองจะรู้สึกแปลกนัก
นี่เหมือนการศัลยกรรมใบหน้าระดับต่ำ!
นี่คือจงใจทำหน้าตาตามแบบฮ่องเต้เฉินล่ะมั้ง? แต่ถ้าเป็นคนที่คุ้นเคยกับฮ่องเต้เฉินมาก ไม่ควรจะคล้ายแค่สามสี่ส่วน คนนี้ต้องไม่คุ้นเคยกับฮ่องเต้เฉิน หรือไม่ก็ทำหน้าตามรูปฮ่องเต้เฉินกระมัง!
"ซู่ฝ่าง!"
โหลชีกัดฟัน เขายังไม่ตาย!
"เจ้าควรเรียกข้าว่าเจ้าลัทธิ! โหลชี ทำไมเจ้ายังไม่ตายอีก?" บนตัวซู่ฝ่างโดนแค่เข็มเดียว ในมือถือของประหลาดอย่างหนึ่ง เหมือนกล่องเล็กๆโบกเหนือหัวนาง
"ระหว่างทางไปปรโลก เจ้าไปก่อนเลย เจ้าแก่เจ้าตายก่อน!"
"เจ้าไปตายได้แล้ว!" ปลายแส้ปลิดวิญญาณเผยให้เห็นมีดแหลม แทงเข้าหัวใจเขาทันที
โหลชีไม่แม้แต่จะมองเขา สะบัดข้อมือ เหมือนได้ยินเสียงหัวใจแหลกละเอียด นางดึงแส้ปลิดวิญญาณออก ได้ยินเสียงลมแผ่วเบาข้างตัว แส้นั่นก็กลับมาเป็นแส้อ่อนอีกครั้ง สะบัดใส่ด้านข้าง
แส้หนึ่งเข้าเนื้อ อีกแส้เข้ากระดูก
เฉินซ่ากับโหลฮ่วนเทียนลงมายืนข้างนางพร้อมกัน ซ้ายคนขวาคน
โหลชีพลิกมือหยิบปลาดุกเทพสองเม็ดให้พวกเขา "คนละเม็ด กินซะ"
ลมหายใจทั้งคู่ขาดๆหายๆ เห็นได้ชัดว่า โดมธนูก่อนหน้านี้ทำร้ายตบะพวกเขาไป บวกกับพวกเขาพึ่งจะฆ่าล้างบางไป เห็นได้ชัดว่าจะไม่ไหวแล้ว
โหลชีรู้สึกว่าตนเองสามารถได้ปลาดุกเทพมาด้วยความบังเอิญ เป็นเพราะสวรรค์เมตตาจริงๆ
เหมือนนางตอนนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติแล้ว
เฉินซ่ากับโหลฮ่วนเทียนก็รู้ดีว่า เวลานี้สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดคือการฟื้นฟูร่างกาย ทั้งคู่เลยหยิบเม็ดยาในมือนางพร้อมกัน และกลืนลงไปอย่างไม่ลังเลเลย
"ชีชี เมื่อครู่ข้าทำร้ายเจ้าหรือไม่?" เฉินซ่าแตะมือบนไหล่นาง ประกายเลือดในดวงตาเขาค่อยๆถอยไป แต่โหลชีกลับมองออกถึงความหวาดกลัวและโทษตัวเองในใจเขา ถ้าเมื่อครู่เขาทำร้ายนางเข้าจริงๆ เขาคงไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่
นางรีบส่ายหน้าบอก "เปล่า ข้าไม่เป็นไร"
นางกำลังจะพูดเรื่องหุบเขาศักดิ์สิทธิ์กับพวกเขา เสียงครางยาวอย่างเจ็บปวดเสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบยามค่ำคืนขึ้นมา
"โหลชี!โหลชี!โหลชี----"
เหมือนเสียงหยุนเฟิง แต่ก็ไม่ใช่เสียงของหยุนเฟิง
ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อยพร้อมกัน ต่างมองสบตากัน และพุ่งร่างไปทางเสียงนั้นพร้อมกันทันที
โหลชีร้อนใจมาก ผู้หญิงบ้าคนนั้นร้ายกาจขนาดนั้น พวกนักพรตเลวคงไม่เกิดเรื่องหรอกนะ?
พอไปถึง พวกเขาก็ได้เห็นภาพที่ทำให้หัวใจพวกเขาหดตัวลงพร้อมกันทันที
เทียนยีพึ่งเข้าไปในค่ายเสาหิน เพราะพวกเขาอยู่ด้านบน สามารถมองเห็นได้ว่ามีหมอกดำผืนใหญ่ปกคลุมเหนือค่ายกลนั้นบางๆ พอร่างเทียนยีพุ่งเข้าไปก็แทบจะโดนหมอกสีดำกลืนกินมิดเลย
"เทียนยี!"
ตี้เอ้อร์ก็จะพุ่งเข้าไปดึงเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ