ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง บางทีนางอาจจะคิดหาหนทางไปหาพวกเขาที่นั่นก็ได้ เพื่อถามถึงวิธีควบคุมหมอกดำนี่
เฉินซ่าสบตากับซวนหยวนจ้าน
"ไม่ใช่ที่ที่เจ้ากับอาสามเคยใช้ชีวิตอยู่รึ?" ซวนหยวนจ้านถาม
โหลชีส่ายหัวบอก "ไม่ใช่ เป็นอีกที่หนึ่ง" ในจักรวาล ช่องว่างของเวลาไม่รู้มีมากแค่ไหน คนที่ไปมาระหว่างช่องว่างของเวลากุมวิชาลับไว้ระดับหนึ่ง...
วิชาลับ....
โหลชีพลันนึกถึงอาจารย์ปู่ วิชาลับที่พวกเขาควบคุมไว้จะได้รับสืบทอดจากคนในห้วงเวลาอื่นหรือเปล่านะ?
"เจ้าห้ามคิดวุ่นวายนะ" เฉินซ่าพลันตัดบทความคิดนาง โหลชีเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นสีหน้าดำทะมึนของเขา อดตะลึงไม่ได้
นางคิดวุ่นวายอะไร?
"อย่าคิดจะข้ามผ่านช่องว่างของเวลาอีก ไปไหนก็ไม่ได้ ตอนนี้ในท้องเจ้ายังมีลูกของพวกเรา" ไปแล้วไม่แน่ว่าจะกลับมาได้ เรื่องนี้ใครสามารถรับประกันได้เต็มร้อยกันล่ะ?
โหลชีเงียบไป
เอ่อ รู้ใจนางเสียจริง
"แต่พวกเราน่าจะลงไปดูใต้แม่น้ำกันนะ ในแม่น้ำต้องมีของอยู่แน่" นางพูดอย่างจริงจัง
"ข้าให้คนลงไป "เฉินซ่าจุดพลุสัญญาณ
"วู๊วู!"
ตอนนี้เอง วู๊วูพลันร้องใส่แม่น้ำอย่างร้อนรน
โหลชีขมวดคิ้ว ดึงมือออกจากการเกาะกุมของเฉินซ่า เดินเข้าใกล้แม่น้ำ พลางว่า "ข้าไปดูหน่อย..."
นางยังพูดไม่ทันจบ เสียงตัดผ่านอากาศแรงกล้าอันหนึ่งพลันยิงมาที่ด้านหลังนาง
เฉินซ่ากับซวนหยวนจ้านสีหน้าเปลี่ยนทันที ปราดร่างเขาไปขวางหน้าโหลชีไว้พร้อมกันทันที ซวนหยวนจ้านซัดฝ่ามือปัดอาวุธลับที่ยิงมาออกไป
อาวุธลับนั่นถูกเขาสกัด เสียงระเบิดดังขึ้นกลางอากาศ เกิดฝุ่นผงเหลืองกร้านกลุ่มใหญ่
โหลชีกำลังจะหันกลับไป หางตากลับเห็นเหมือนมีเงาอะไรวาบผ่านหมอกดำฝั่งตรงข้าม นางอึ้งไป
"วู๊วู วู๊วู!" วู๊วูร้อนรนขึ้นมาอีก และจะพุ่งไปทางแม่น้ำอีก
"วู๊วู กลับมา" โหลชีจับมันไว้ และด้านหลังก็มีเสียงแหวกอากาศมาอีก อาวุธลับลอยมา ระหว่างทางโดนฝ่ามือซวนหยวนจ้านสกัดไว้อีกครั้ง และมีฝุ่นผงเหลืองกร้านออกมาอีก
"ข้าจะไปจับคนออกมา พวกเจ้าระวังตัวหน่อย!" ซวนหยวนจ้านโกรธแล้ว สะบัดชายเสื้อ พุ่งไปทางทิศที่มีอาวุธลับยิงมา
ในใจโหลชีรู้สึกแปลกพิกล นางจ้องมองหมอกดำของฝั่งตรงข้ามเขม็ง อยากจะดูว่าจะเห็นเงาเมื่อครู่อีกไหม แต่ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าหมอกดำนั่นเหมือนไอนรกที่ชั่วร้ายจะกลืนกินคน ทำให้รู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
นางเริ่มอยากอาเจียน
พอหลุบตาลงเล็กน้อย นางเลยพลาดเงาร่างหลายร่างที่เคลื่อนไหวในหมอกดำชัดกว่าเมื่อครู่ นั่นเป็นเงาคนชัดๆ
"ชีชี อยู่ห่างจากแม่น้ำหน่อย..."
ฝนไม่รู้หยุดตกตั้งแต่เมื่อไหร่ วู๊วูถูกโหลชีอุ้มไว้ในอ้อมกอด ยังคงร้องไม่หยุด ท่าทางอยากจะโผเข้าแม่น้ำมาก
เฉินซ่ารู้สึกผิดสังเกตทันที เขาส่งพลุสัญญาณออกไปได้ครู่หนึ่งแล้ว ทำไมพวกอวิ๋นกับเฉิงสิบถึงยังไม่มา? อย่าว่าแต่ทั้งหมด นี่ไม่มาแม้แต่คนเดียว
และซวนหยวนจ้านที่พุ่งไปจับคนยิงอาวุธลับเมื่อครู่พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
สายตาเฉินซ่าไหวหวั่น รู้สึกไม่ชอบมาพากล รีบยื่นมือออกไปจะดึงรั้งตัวโหลชีที่อยู่ข้างแม่น้ำ
เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในพริบตานี้
โซ่เหล็กเส้นหนึ่งในนั้นกลับลอยทะลุน้ำขึ้นมา รัดขาของโหลชีไว้ และดึงนางอย่างแรง โหลชีกำลังคลื่นเหียน เริ่มอาเจียนแห้งออกมา มันส่งผลกระทบต่อความเร็วและปฏิกิริยาของนางจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นางเสียหลัก และโดนดึงกระชากลงแม่น้ำอย่างแรง
"ชีชี!" เฉินซ่าสีหน้าเปลี่ยนทันที โผตามลงไปอย่างไม่คิดเลยสักนิด
น้ำแตกกระเซ็น
น้ำในแม่น้ำเย็นเยียบได้คลุมร่างพวกเขาแล้ว
เฉินซ่าพยายามลืมตาขึ้น มองเห็นโหลชีแขนสั่นโยนวู๊วูขึ้นฝั่งไป
พวกเขาไม่รู้ว่าวู๊วูว่ายน้ำเป็นไหม แต่ตามหลักแล้ว จิ้งจอกว่ายน้ำไม่เป็น โหลชีเลยคิดจะช่วยวู๊วูก่อน ดังนั้นเลยไม่ทันได้ตัดโซ่เหล็กที่รัดขานางไว้
เดิมพิชิตวันอยู่บนตัวนาง
และโซ่เหล็กนี่ยาวมาก แถมยังอยู่ในน้ำ เขาเห็นแค่มีเงาร่างหนึ่งด้านหน้ากำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ทิศทางนั้นคือไปทางฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
ทางนั้นคือหมอกดำ
เฉินซ่าใจร้อนดุจไฟเผา ชักกระบี่ดื่มเลือดออกมา สายตาเย็นเยียบ สะบัดมือ กระบี่ดื่มเลือดโผล่ทะลุน้ำไปทางเงาร่างเบื้องหน้า
เวลานี้โหลชีได้สติกลับมาหลังโยนวู๊วูออกไป เห็นกระบี่ดื่มเลือดเฉียดร่างนางไป และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เลยคิดจะยื่นมือออกไปจับ เกือบจับกระบี่ดื่มเลือดไว้ในมือได้
เฉินซ่าสองตาเบิกโพลง ร้อนใจดุจไฟเผาผลาญ
แรงของเขาเมื่อครู่ใส่ไปเต็มสิบ ถึงในน้ำจะมีแรงดัน แต่จู่ๆยื่นมือออกไปจับกระบี่ดื้อๆแบบนี้ มือนางต้องได้รับบาดเจ็บแน่!
"ชีชี!"
เพราะจู่ๆชีชีทำการอุกอาจ บอกเหตุผลไม่ถูก ดังนั้นเฉินซ่าเลยคิดว่านางคงอยากคว้ากระบี่ดื่มเลือดมาตัดโซ่เหล็ก
ในน้ำถึงพวกเขาจะไม่สามารถเปิดปากพูดได้ แต่สามารถส่งกระแสจิตได้
"อย่าฆ่าคนนั้น ข้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด!"
โหลชีบอกกับเขา
แต่ก็ทันแค่พูดประโยคนี้ เพราะอีกฝ่ายเร็วยิ่งนัก พริบตาเดียวโหลชีก็โดนดึงข้ามแม่น้ำไป
ทางนั้นน่าจะมีคนรอรับ พวกเขาหายไปจากสายตาเฉินซ่า
ไม่ถูก แม่น้ำนี่แปลกพิกล
เฉินซ่าได้ยินเสียงรายงานเป็นระยะ สีหน้าดำจนใกล้จะมีน้ำหมึกหยดออกมาแล้ว
"หาต่อไป!"
"ขอรับ!"
ทุกคนดำลงไปน้ำอีกครั้ง
เฉินซ่าหันมองซวนหยวนคง "เมื่อครู่ชีชีไม่ยอมให้ข้าลงมือ บอกว่ารู้สึกคุ้นเคยกับอีกฝ่าย" นี่คือนักพรตเลวของชีชี ในเวลาเช่นนี้ เขาควรจะเชื่อใจเขา เชื่อเขาที่สุด
ซวนหยวนคงได้ยินอย่างนั้นกลับอึ้ง จากนั้นหัวเราะร่วนออกมา "ไม่เป็นไร ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เสี่ยวชีฉลาดที่สุด หากนางบอกอย่าลงมือ ต้องรู้แน่ว่าไม่มีอันตราย"
เหลวไหล
เฉินซ่าสีหน้าเย็นเยียบแล้ว
โดนกระชากลงน้ำก็อันตรายแล้ว ตอนนี้นางไม่เหมือนก่อน! นักพรตเลวนี่พึ่งไม่ได้เลย มิน่าเมื่อก่อนชอบโยนชีชีออกไปข้างนอกคนเดียว
เฉินซ่ากัดฟัน รีบดำลงน้ำไปอย่างเร็ว เขาจะหาเอง หาเอง
ซวนหยวนฮ่วนเทียนถลึงตาใส่ซวนหยวนคง "วางใจได้ลงจริงนะ!"
พูดจบก็ดำน้ำลงไป
ไม่สนว่าคุ้นเคยหรือไม่ ให้เขาจับได้จะฆ่าทิ้งเลย! ถ้าน้องสาวสุดที่รักของเขาเป็นอะไรไป เขาจะนำทัพมาทลายที่นี่ให้ราบเป็นหน้ากลอง สูบน้ำในแม่น้ำให้แห้งเหือดสิ้น!
ทุกคนในที่นี้จะบ้ากันหมดแล้ว ส่วนโหลชีได้ออกจากน้ำแล้ว นางปาดน้ำบนหน้าออก และเดินพลังขับไล่ความหนาวเย็นออกไปก่อนเลย น้ำในแม่น้ำเย็นยะเยือก อยู่ในน้ำนานขนาดนั้น เป็นคนธรรมดาคงแข็งตายไปนานแล้ว
เมื่อครู่นางแค่กลั้นหายใจไม่ได้ดำน้ำ แต่ไม่ขยับ ยอมให้อีกฝ่ายลากไป แบบนี้จะรักษาแรงเอาไว้ได้ ในสายตาโหลชี สถานการณ์แบบนี้ ดิ้นรนไม่สู้ยอมตาม จะร้ายยังไง ยังจะร้ายกว่าทำอะไรหมอกดำไม่ได้อีกรึ?
อีกฝ่ายไม่กลัวหมอกดำ ยังมาจัดหลุมพรางไว้ที่นี่ นางรู้สึกว่านี่เป็นจุดสำคัญของเรื่อง
ดังนั้น มาก็มาแล้ว
เพียงแต่ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นจะบ้าหรือเปล่า
ด้วยความเย่อหยิ่งของเฉินซ่า สตรีที่ตนรักที่สุดโดนจับไปต่อหน้าต่อตาตนเอง เขาไม่มีทางรับได้แน่
ที่นี่เป็นหินประหลาดทั้งนั้น โผล่เหนือน้ำ แสงมืดมน ไอน้ำหนักมาก เหมือนอยู่ในรอยแยกของกำแพงภูเขาที่อยู่ข้างแม่น้ำ ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านนอกเลย เงียบมาก ด้านบนมีเสียงน้ำหยดเป็นระยะ มีเสียงสะท้อนเบาๆ
นางนั่งอยู่ด้านนี้ น้ำยังไหลมาบนก้อนหิน แต่ด้านหน้าเป็นพื้นที่ค่อนข้างเรียบ และยังมีดอกไม้ที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่เคยได้เห็นในบทตำนานประหลาดเล่มนั้นของนักพรตเลวด้วย
คนที่ดึงนางลงมายืนอยู่ตรงนั้น พอมือสั่น โซ่เหล็กที่รัดเท้านางก็พลันถูกดึงกลับไป เขาสะบัดมือเล็กน้อย มันก็กลับไปแขวนอยู่บนก้อนหินที่โผล่ออกมาจากผนังด้านหน้า
จากนั้นคนคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้น มองนางอย่างสงบ
เขาใส่ชุดดำ ไม่มีเครื่องประดับบนตัวเลยสักชิ้น ผมรัดเกล้าขึ้นมา แน่นอน ทั้งตัวเปียกปอนไปหมด
นั่นเป็นใบหน้าเรียบธรรมดา ธรรมดาจนมองลักษณะพิเศษไม่ออก ต่อให้เคยเจอก็ลืมได้ง่าย
โหลชีมั่นใจว่าตนไม่เคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน แต่ความคุ้นเคยประหลาดนั่นมันเรื่องอะไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ