"ฝ่าบาท! พวกข้าไม่เต็มใจ พวกข้าไม่เต็มใจ!" สาวงามคนหนึ่งตะโกน หันหลังกลับและทรุดตัวลงกับพื้นแล้วคุกเข่าลง จากนั้นเงยหน้าขึ้นและจ้องเขม็งไปที่โหลชีอย่างโกรธเคือง "นางเป็นใครกันแน่? ถ้านางเป็นสาวใช้ของฝ่าบาท แล้ว ในฐานะสาวใช้คนหนึ่ง สามารถหยิ่งยโสได้ขนาดนี้เลยเหรอ? นี่จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับคนอื่นๆในตำหนักสาม?
โหลชีพยักหน้า ถูกต้อง สาวงามคนนี้ถามได้ถูก มีสาวใช้ไหนที่ทำแบบนี้ได้? ถ้างั้น นางคือนางบำเรอเหรอ?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ องครักษ์เสวี่ยก็ช่วยนางกับเฉินซ่าแก้ไขสถานการณ์ "สามารถยกตำแหน่งแม่นางโหลให้เป็นนางบำเรอของฝ่าบาท"
บำเรอแม่มึงสิ
โหลชีไม่ยอมรับเรื่องนี้
นางบำเรอคืออะไร? หากพระสนมถือได้ว่าเป็นเมียน้อยเท่านั้น ถ้างั้น นางบำเรอก็ถือได้ว่าเป็นของเล่นของผู้ชายเท่านั้น!
นางอย่างโหลชีจะกลายเป็นของเล่นของผู้ชายตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าข่าวแพร่ออกไป ไอ้พวกผู้ชายเหล่านั้นที่เคยพ่ายแพ้ให้กับนางคงจะหัวเราะจนฟันร่วง! นางกลอกตา และพูดกับองครักษ์เสวี่ย "ใต้เท้าองครักษ์เสวี่ยพูดผิด ข้าไม่เคยเป็นนางบำเรอ และจะไม่มีวันกลายเป็นนางบำเรอของฝ่าบาท"
เสวี่ยโกรธจัด จ้องที่นาง และพูดด้วยเสียงเคร่งขรึม "ปกติแล้วเจ้าจะชอบทำตัววุ่นวายก็แล้วแต่เจ้า แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าควรทำตัวให้สำรวมหน่อยดีกว่า! มิฉะนั้น เจ้าจะเอานายท่านไปไว้ที่ไหน?"
"ผู้หญิงของข้า ไม่จำเป็นต้องสำรวม" เฉินซ่าพูด "โหลชียังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กล่าวไปนั้น ต่อจากนี้ไป นางจะอยู่ข้างกายข้าไม่ยอมให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว ติดตามข้าไปสู้รบทั่วสารทิศ เหมือนข้าทุกอย่าง อนุญาตให้หลั่งเลือดได้ แต่ห้ามหลั่งน้ำตา เมื่อนางได้สร้างผลงาน ข้าจะแต่งตั้งให้นางขึ้นเป็นพระสนม โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังของนาง"
"แค่กแค่กแค่ก"
โหลชีเกือบสำลักผลไม้ที่เอ้อร์หลิงยื่นมาให้เมื่อสักครู่นี้
มันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ใช่แบบนั้น! ส่วนนี้ ไม่ได้อยู่ในแผนการที่ก่อนหน้าพวกเขาเคยตกลงกันไว้! แค่บอกว่าทำให้สาวงามเหล่านั้นล้มเลิกความตั้งใจและจากไป ทำให้พวกนางรู้ถึงความลำบากและล่าถอย
นางไม่เคยพูดว่าตัวเองจะเข้าร่วมด้วย เต็มใจที่จะติดตามเขา และปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นผู้ชายของตัวเอง ให้คนรู้กันทั่ว ต่อหน้าชาวโลกทุกคนพูดออกมาอย่างชัดเจน และยังบ่งบอกว่าจากนี้ไปนางจะอยู่กับเขาไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว สู้รบทั่วสารทิศ เสียเลือดไม่ยอมเสียน้ำตา นางไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้!
จิ้งจอก! ฉลาดแกมโกง! เห็นแก่ตัว! เอาแต่ใจ!
นางจ้องไปที่เฉินซ่า ภายในใจดุด่าเขาอย่างแรง
รู้ไหมว่าสิ่งนี้มีความหมายต่อนางว่าอย่างไร?
หมายความว่าทุกคนในโลกนี้รู้ถึงการดำรงอยู่ของนาง! สถานะของนาง ผู้คนทั่วโลกจะถือว่านางเป็นผู้หญิงของเฉินซ่า! คนที่ต้องการกำจัดเขา อาจจะกำจัดนางไปด้วย! เมื่อเห็นนางก็เหมือนกับเห็นเฉินซ่า! ศัตรูทั้งหมดของเขา และ ผู้หญิงเหล่านั้นที่รักเขา จะกลายเป็นศัตรูของนาง! ชั่วขณะ นางก็ถูกเขาผลักไปในจุดที่ต่อสู้กันดุเดือดที่สุด!
ตอนนี้ พูดได้เลยว่านางยืนอยู่ในที่สูงกว่าเขา และลมที่พัดมากระทบกับนางนั้นแรงกว่าเขา!
ไอ้บ้า ไอ้สารเลว ไม่ควรเล่นงานนางแบบนี้ นางไม่เคยสัญญาแบบนี้ ไม่มีเลย!
นอกจากนี้ แม้ว่าในอนาคตนางจะอยู่กับเขาจริงๆ ทุกครั้งที่ได้สร้างผลงาน ผู้คนจะพูดว่า อ๋อ เพื่อต้องการจะเป็นพระสนม สู้เต็มที่ สู้สุดชีวิตเพื่อสร้างผลงาน!
ไอ้บ้า ไอ้สารเลว นั่นมันจะทำให้คนอื่นคิดว่านางอยากแต่งงานกับเขามาก?
โหลชีเม้มริมฝีปาก มองเฉินซ่าอย่างอัดอั้นตันใจ "นายท่าน ช่วยถอนคำพูดกลับคืนได้ไหม?"
สายตาเย็นชากวาดมองมา และนางก็หุบปากทันที นางเข้าใจความหมายในแววตาของเขา นางเข้าใจ ว่าชายผู้นี้จะไม่ยอมรับอารมณ์ต่อต้านจากนาง นางควรยอมรับเขาเป็นสวรรค์!
บ้าเอ้ยยอมรับเขาเป็นสวรรค์ สักวัน คอยดูสิสักวันนางจะดึงสวรรค์ลงมาทุบตีอย่างแรง!
ทันใดนั้นคำพูดของเฉินซ่าอุดปากของสาวงามเหล่านั้น ถ้าโหลชียินยอมปฏิบัติตามกฎนี้ พวกนางจะพูดอะไรได้? เดิมทีพวกนางยังมีโอกาส ขอเพียงพวกนางต้องการ!
มีเพียงบางคนเท่านั้นที่ค้นพบปัญหาลึกลับซับซ้อน
เดิมที สถานะตัวตนของโหลชีนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นพระสนม แต่ตอนนี้ด้วยกฎดังกล่าว นางจึงมีโอกาส หากนางได้สร้างผลงานจริงๆ ถ้าเช่นนั้นเฉินซ่าจะต้องแต่งตั้งให้นางเป็นพระสนม กษัตริย์ตรัสแล้วห้ามคืนคำ หากนางสามารถสร้างผลงานได้จริงๆ เชื่อว่าคนในพั่วอวี้ก็ต้องยอมรับนาง และจะไม่คัดค้านในการแต่งตั้งให้นางเป็นพระสนม!
ยกเว้น เขาเวิ่นเทียน
เฉินซ่าแต่งตั้งพระสนมสองสามคนอย่างไม่เป็นทางการ ในเขาเวิ่นเทียนคนนั้นคงไม่มีปัญหาใดๆ แต่ว่า คนที่โหดเหี้ยมและเย็นชาอย่างเฉินซ่าจู่ๆก็โปรดปรานผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมา ในเขาเวิ่นเทียนคนนั้นจะยังนิ่งนอนใจได้หรือไม่?
"อย่าว่าแต่คนนั้นในเขาเวิ่นเทียน แม้แต่ศิษย์พี่สาวของเฉินซ่าคนนั้น เฮ้อ" ในมุมหนึ่ง มีคนหัวเราะอย่างมีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น เดิมทีกำลังคิดว่าจะจัดการกับนางยังไง เป็นเช่นนี้แล้ว นางยังไม่ได้ทำอะไร ก็มีศัตรูที่เก่งกาจมากมายอยู่แล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมือทำอะไร ไม่จำเป็นจริงๆ
คนที่อยู่ในมุมนั้น สายตาที่มองโหลชีราวกับว่ากำลังดูคนตาย
ใจของโหลชีสั่นไหวเล็กน้อย และกวาดสายตาไปทางนั้นโดยไม่ตั้งใจ มีเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น มีเพียงความผันผวนชั่วขณะ สายตาแปลกๆนั้นนางดูไม่ผิดจริงๆ
คือใคร?
ดูเหมือนว่า ในตำหนักจิ่วเซียว ในพั่วอวี้ มีเรื่องร้ายๆแปลกๆมากมายจริงๆ
นางเศร้ามาก นี่มัน เพิ่งพูดจบ นางรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังมา ไม่ให้นางมีชีวิตสงบสบาย? ปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่กินไปวันๆไม่ได้เหรอ?
เฉินซ่ากอดเอวของนางไว้แน่น โดยไม่สนใจความคับข้องใจของนาง " ในฐานะผู้หญิงของฝ่าบาท ควรยืนเคียงข้างฝ่าบาท"
"แต่ว่า......"
"ไม่มีคำว่าแต่"
"ถามได้" น่าหลานตันเอ๋อร์แหงนหน้าขึ้น
"นายท่านของข้าเป็นคนยึดครองพั่วอวี้ หรือเขาเวิ่นเทียนส่งคนมายึดครองได้?"
"แน่นอนก็ต้องเป็นพี่เฉินซ่าที่เป็นคนยึดครองได้"
"ข้าเป็นสาวใช้ของนายท่าน หรือสาวใช้ของเขาเวิ่นเทียน?"
"แน่นอนก็ต้องเป็นสาวใช้ของพี่เฉินซ่า"
"ถ้าอย่างนั้นขอถามแม่นางน่าหลาน เจ้าเป็นแขกตำหนักจิ่วเซียว หรือเป็นเจ้านาย?"
ตั้งแต่คำถามแรกของนางก็รู้สึกแฝงด้วยความประชดประชัน ทุกคนในสถานที่ต่างเงียบ และเสียงของหญิงสาวทั้งสองก็ชัดเจนและผิดปกติ ถึงตอนนี้ น้ำเสียงของน่าหลานตันเอ๋อร์เริ่มมีความเย็นชา "แน่นอนก็ต้องเป็นแขก"
นางกำลังคิดว่าโหลชีจะพูดคำต่อไปอย่างไร หากนางกล้าดูหมิ่นเขาเวิ่นเทียนนางจะเฆี่ยนตีนางต่อหน้าทุกคนทันที ดูซิว่าเฉินซ่าจะกล้าขัดขวางหรือไม่!
แต่ก่อนที่นางจะมีโอกาสจับผิดโหลชีและเตรียมระบายอารมณ์ โหลชีก็ระบายอารมณ์ก่อน
"ในเมื่อพั่วอวี้เป็นของนายท่านของข้า ในเมื่อเจ้าเป็นแค่แขก ในเมื่อข้าเป็นสาวใช้ของนายท่าน เช่นนั้น นายท่านจะปฏิบัติต่อข้ายังไง" นางนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จ้องมองน่าหลานตันเอ๋อร์อย่างเย่อหยิ่ง แล้วพูดว่า "เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ?"
เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ? เกี่ยวอะไรกับเจ้าล่ะ!
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ!
โหลชีคนนี้ โหลชีคนนี้เอาความกล้ามาจากไหน? ใครให้ท้ายนาง! นางกล้าดียังไง ทำไมกล้าพูดกับคนของเขาเวิ่นเทียนแบบนี้ คนคนนี้ คือน่าหลานตันเอ๋อร์มีนามว่านางรากษส ซึ่งเป็นศิษย์ก้นกุฏิที่ผู้อาวุโสใหญ่เอ็นดูท่สุด!
โหลชีกล้าดียังไง?
แม้ว่าเทวดาบนสวรรค์มา นางก็กล้า!
น่าหลานตันเอ๋อร์โกรธจนตัวสั่น ไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับนาง ไม่เคยมีเลย!
"โหลชี! ถ้าเจ้ามีความสามารถก็พูดอีกครั้ง!"
"ในเมื่อน่าหลานตันเอ๋อร์อายุยังน้อยก็หูไม่ดี ถ้างั้นข้าก็พูดอีกครั้ง" นางยืนขึ้น ส่วนสูงของโหลชีจะสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปเล็กน้อย ทันทีที่นางยืนขึ้น ดวงตาของนางก็เหมือนต้องมองลงต่ำเล็กน้อย นางวางมือข้างหนึ่งบนไหล่เฉินซ่า ดวงตาทั้งคู่มองตรงไปที่น่าหลานตันเอ๋อร์ไม่ได้หลบเลี่ยงเลยสักนิด "ข้าพูดว่า เรื่องทั้งหมดในตำหนักจิ่วเซียว เกี่ยวอะไรกับเจ้า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ