แม้ว่าจะรับตำแหน่งเป็นพิธีเท่านั้น และไม่ต้องยุ่งเกี่ยวเรื่องภายในของแผนกรักษาความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม หลินฮ่าวก็ได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหน่วยสาม แล้วจึงจากไป
เมื่อเขากลับมาที่ห้องทำงานของประธานอีกครั้ง มีโต๊ะวางอยู่ข้างๆ โต๊ะของเลขานุการเสี่ยวเยว่ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับเขา
ในเวลานี้ อวี้หยูเฉินเสร็จสิ้นการประชุมแล้ว เธอกลับมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และเริ่มเขียนและดูเอกสารต่างๆ
“ชู่...” เมื่อเห็นหลินฮ่าว เดินเข้ามา เสี่ยวเยว่รีบทำท่าให้หลินฮ่าว เงียบ
เธอรู้ดีว่าเมื่อ อวี้หยูเฉินทำงานอยู่ เธอไม่ชอบให้ใครมารบกวน ทางที่ดีคือห้ามมีแม้แต่เสียงรบกวน
“อืม...” หลินฮ่าวพยักหน้าเล็กน้อย และเขาก็ไม่อะไรจะพูดมากมาย เขานั่งกลับไปที่ของตนเองอย่างเงียบๆ
เขาเบื่อหน่ายจึงนั่งบำเพ็ญขึ้นมาอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปเร็วมาก ได้เวลาเลิกงานแล้ว
"ตุงตุงตุง..." จู่ๆก็มีเสียงเคาะโต๊ะดังขึ้นจากด้านหน้า
แม้ว่าหลินฮ่าวจะฝึกฝนอยู่ แต่เขามองและสังเกตรอบตัวตลอดเวลา เขารู้ตัวตั้งแต่อวี้หยูเฉินเดินเข้ามาใกล้เขา เมื่ออวี้หยูเฉินเคาะโต๊ะ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่อวี้หยูเฉิน
“ไอ้หนุ่มนี่ คนสวยขนาดนี้นั่งอยู่ตรงหน้า นายไม่แม้แต่มองเลย หรือว่านายไม่มีสิ่งที่ผู้ชายเขามีกัน?” เมื่อเห็นหลินฮ่าวเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ อวี้หยูเฉินแอบคิดเช่นนี้อยู่ในใจ
“ทำไม คุณจะกลับไปเหรอ? ให้ผมไปกับคุณ?” หลินฮ่าวลืมตาขึ้นมาแล้วพูดเบา ๆ
เขาพูดน้อยและตรงมา เขาถามเข้าเรื่องสำคัญในทันที ราวกับว่าไม่อยากพูดอะไรมากไปกว่านี้
“ไม่ใช่ วันนี้นายมาทำงานครั้งแรก ถือว่าฉันเลี้ยงคุณที่มาทำงานแล้วกัน เราไม่ต้องกินที่โรงอาหารบริษัทแล้ว ออกไปข้างนอกกัน ฉันพาไปกินของอร่อย!” อวี้หยูเฉิน ยิ้มอย่างมีเสน่ห์และกล่าว
ต้องยอมรับว่า สมแล้วที่อวี้หยูเฉิน เป็นหนึ่งในสี่สาวงามแห่งปินเจียง ทุกการเคลื่อนไหว ทุกรอยยิ้มมีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมาก
แม้แต่หลินฮ่าวมองแล้วก็รู้สึกว่า หัวใจของเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว แต่เขามีสติมั่นคง จึงไม่ได้มีความรู้สึกเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่
“ได้ ขอบคุณครับ…” หลินฮ่าวตอบเบา ๆ และเดินตามอวี้หยูเฉิน ออกไป
อวี้หยูเฉินรู้สึกไม่เข้าใจอย่างมาก ไม่รู้จริงๆว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่ชายแท้ หรือว่าแค่ซื่อบื้อ มาเจอกับตนที่สวยขนาดนี้ ยังทำหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ไม่กลัวว่าหน้ากลายเป็นไม้ที่ไร้ความรู้สึกหรือไง?
ถิงหยูโหลว นี่คือร้านอาหารจีนในปินเจียง เป็นร้านอาหารติดอันดับ
หลินฮ่าวเดินตามอวี้หยูเฉิน ไปที่ชั้นบนสุด และกำลังจะเดินเข้าไปในห้องอาหาร
“หยูเฉิน…” ทันใดนั้นเสียงที่เต็มไปด้วยตื่นเต้นดังขึ้น
ดวงตาของ หลินฮ่าวและ อวี้หยูเฉิน มองไปยังที่มาของเสียง
หลินฮ่าวมีสายตาที่เฉียบคมและฟังเสียงจากทุกทิศทางได้ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่า แววตาของอวี้หยูเฉินเผยความรังเกียจออกมา รู้ได้เลยว่าเธอไม่ชอบคนที่เรียกเธอเท่าไหร่นัก
และคนที่เรียกอวี้หยูเฉินนั้นเป็นชายหนุ่มอายุประมาณ24ถึง25 เขาร่างสูงใหญ่ ใส่ชุดสูทดูอกผายไหล่ผึ่ง เขาเก็บผมได้เรียบเนียน ดูจากบุคลิกแล้ว รู้ได้ว่าเขาเป็นผู้ดีคนหนึ่ง
หากมีคนคุ้นเคยกับหลินฮ่าวอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องรู้ว่าบางอย่างในใจของหลินฮ่าว ถูกสะกิดอีกแล้ว
หลินฮ่าวไม่ตอบสนองใดๆ แต่อวี้หยูเฉิน ไม่ยอม เธอเลิกคิ้วขึ้นและพูดว่า “ตู้หยาง คุณหมายความว่ายังไง? คุณดูหมิ่นแขกของฉันเช่นนี้ คิดว่าน่าภูมิใจมากเหรอ?”
ตู้หยาง ส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม "อย่าเข้าใจผมผิด หยูเฉิน อย่าเข้าใจผิดนะ ผมแค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไรได้บ้าง จึงสามารถปีนมาถึงจุดนี้ได้ ได้นั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับคุณ เขามีสิทธิ์นั้นจริงไหม?”
“นาย...” อวี้หยูเฉินโกรธ
“หึหึ ไม่ต้องสงสัยเลย ผมเป็นแค่คนขับรถ เป็นคนขับรถของประธานอวี้ ยินดีที่ได้รู้จัก!” อย่างไรก็ตาม ก่อนที่อวี้หยูเฉินจะโกรธเคืองอย่างมาก หลินฮ่าวก็เอ่นปากพูด และยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“นี่ คนขับรถ นายกำลังจะจับมือกับฉันเหรอ? นายก็แค่คนขับรถ มีสิทธิ์มาจับมือกับฉันเหรอ?” ตู้หยาง พูดพร้อมกับเยาะเย้ย
ผู้ชายคนนี้มีรอยยิ้มบนใบหน้าตลอดเวลา แต่เวลาพูดกลับแซะคนอื่นตลอดเวลา เสือหน้ายิ้มของแท้เลย
“ไม่ครับ คุณคิดผิดไปแล้ว ผมไม่ได้จะจับมือกับคุณ เพราะคุณไม่สมควร ผมแค่รู้สึกว่า คนที่ปากหมาอย่างคุณ ถ้าไม่ตบสักหนึ่งที มือของผมคงจะคันจนทนไม่ได้!” หลินฮ่าวพูดด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
หลังจากพูดจบ มือของเขาที่กำลังจะจับมือกับตู้หยาง ก็เก็บกลับมาแล้วเปลี่ยนไปตบที่หน้าเขา
“เพี๊ยะ …” เสียงที่ดังชัดดังขึ้น ตู้หยาง ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ก็ถูกตบอย่างแรง ฟันของเขาหลุดออกไปทันที
เขาล้มลงกับพื้นและตกอยู่ในความงุนงง
“ไม่เคยเห็นใครที่กวนตีนขนาดนี้มากก่อน จะจับมือแต่ไม่เอา ดันอยากโดนตบซะงั้น สนุกไหม?” ใบหน้าที่ยิ้มเล็กน้อยของหลินฮ่าวในที่สุดก็แสดงรอยยิ้มออกมาอย่างชัดเจน และกล่าวด้วยความเย็นชาเล็กน้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บอดี้การ์ดเนื้อหอม ออกโรง!