หนึ่งเดือนผ่านไป…
“เพตรา” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาจากงานที่ได้รับมอบหมายตรงหน้า ก่อนจะหันไปขานรับมือขวาคนสนิทของผู้เป็นเจ้านายเธอ
“คะพี่เจสัน”
“ควีนให้ขึ้นไปพบข้างบน”
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“…” เจสันพยักหน้าเป็นคำตอบ ก่อนที่เพตราจะมองซ้ายมองขวาดูพนักงานคนที่อื่นจ้องจะเล่นงานเธอในเวลาทำงาน เมื่อเห็นว่าไม่มีคู่อริอยู่ตรงนี้ เพตราจึงรีบเก็บเอกสารลงลิ้นชักแล้วหยัดตัวลุกขึ้นยืน
“พี่เจสันนำไปเลยค่ะ” เจสันไม่ได้ตอบอะไรเขาทำแค่เพียงหันหลังเดินนำลิฟต์เพื่อพาเด็กสาวมายังห้องของควีนที่อยู่ชั้นบนสุดของตึกแห่งนี้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก~ เจสันเคาะประตูสองสามครั้ง แล้วจัดการเปิดประตูเข้าไปทันทีโดยไม่ได้รอให้คนข้างในอนุญาต
เพตราเดินตามหลังมือขวาหนุ่มเข้ามาด้านในแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าควีนไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีโชแปงที่นั่งไขว่ห้างมองเธออยู่ด้วยอีกคน
“พี่ควีนมีอะไรกับเพย์รึเปล่าคะ” เพตราแสร้งทำเมินมาเฟียหนุ่มแล้วเดินไปยืนหน้าโต๊ะทำงานของควีน
“พี่ไม่มีแต่หมอนั่นมี” ควีนส่ายหัวตอบปฏิเสธ ก่อนจะชี้นิ้วไปหาร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟา โชแปงมองหน้าเพตราเชิงสั่งให้เธอเดินเข้าไปหาเขา ถ้าหากว่าเป็นที่เพนต์เฮาส์หรือคอนโดของเธอก็คงทำอย่างนั้นได้ แต่นี่เป็นสถานที่ทำงานและยังมีคนอื่นอยู่ด้วย มันคงจะไม่ส่วนตัวนัก
“พี่มีอะไรกับเพย์เหรอคะ”
“เดินมานี่”
“…” เพตรายังคงยืนนิ่งหันมองหน้าควีนและโชแปงสลับกันด้วยความลำบากใจ ถึงแม้จะรู้ว่าเรื่องของเธอมันไม่ได้เป็นความลับต่อใครแล้วแต่มันก็ยังดูแปลกๆ อยู่ดี
“จะเดินมาหรือให้ฉันเดินไปเอง” เสียงเข้มของโชแปงทำให้เพตราทำหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะยอมเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่าย
“จะมาเฝ้าเพตราทุกวันเลยรึไง ถ้าคิดถึงมากก็เอาไปเลย ฉันจะเซ็นผ่านฝึกงานให้จะได้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว”
“อย่าคืนคำแล้วกัน” พูดจบโชแปงก็หยัดตัวลุกจากโซฟาแล้วจับมือบางเดินออกมาจากห้องทำงานของควีนทันที ดูเหมือนว่าเจ้าของเรื่องนี้จะไม่ได้ออกความคิดเลยแม้แต่น้อย
“ทำไมพี่เอาแต่ใจขนาดนี้เนี่ย!” เพตราสะบัดมือให้หลุดจากเกาะกุมของชายหนุ่ม ก่อนจะแวดขึ้นมาเสียงดังในขณะที่ยืนอยู่ในลิฟต์
“หรืออยากไปฝึกงานที่บริษัทฉันแทน?”
“มันน่าเบื่อนะ”
“ที่อยากอยู่ที่นี่เพราะมีคนคอยเอาข้าวเอาน้ำมาประเคนรึไง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ”
“ก็ไม่ได้คิดจะปิดบัง” เพตรายกมือกอดอกแล้วพึมพำออกมาเบาๆ เพราะตอนเวลาหลายอาทิตย์ที่ผ่านมามีหนุ่มๆ แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบให้เธออยู่บ่อยครั้งหรืออาจจะทุกวันเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นความลับ แต่ก็ไม่มีทางที่คนนอกอย่างโชแปงจะรู้เรื่องนี้เลย หากว่าไม่มีใครเอาไปบอก
“…”
“หนูไม่อยากไปฝึกงานที่บริษัทพี่…”
“ก็ไม่ต้องไปแต่ก็ไม่ต้องมาฝึกงานที่นี่แล้ว” น้ำเสียงดุๆ ของโชแปงทำเพตราเบะปากคว่ำลงเมื่อถูกขัดใจ สำหรับคนอื่นการผ่านฝึกงานโดยไม่ได้ฝึกงานมันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่หรอก แต่ไม่ได้แปลว่าเธอจะได้อยู่เฉยๆ หลายวันที่เธอไปนั่งเฝ้าเขาที่ทำงานเกือบทั้งวัน ถูกเขาแทะโลมทางร่างกายเกือบทุกวัน ไม่ใช่แค่ตอนกลางคืนเหมือนทุกครั้ง
“กลายเป็นมาเฟียเอาแต่ใจตั้งใจเมื่อไหร่คะ”
“ไม่มีอะไรคะ” เพตราตอบปฏิเสธก่อนจะยกมือปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มตัวเองช้าๆ ชายหนุ่มทำได้แค่ยกมือลูบหัวปลอบโยนเด็กสาวอย่างแผ่วเบา
ถึงแม้ว่าเธอจะเสียใจที่รู้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดจากโลกนี้ไป แต่เธอก็รู้สึกโกรธเคืองที่แม่ทิ้งเธอไปใช้ชีวิตสุขสบายโดยไม่เคยคิดจะติดต่อกลับมาหาเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
“หนูอยากกลับบ้านแล้ว” เพตราซบหน้าลงบนแผงอกแกร่งของโชแปงเล็กน้อย ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งในรถโดยมีโชแปงเข้ามานั่งทีหลัง
มาเฟียหนุ่มไม่ได้ถามสถานะความสัมพันธ์ระหว่างเพตราและพินตราเพราะเขาให้แดร็กสืบประวัติเกี่ยวกับเธอมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ชายหนุ่มอุ้มเพตราขึ้นมานั่งบนตั้งแล้วลูบหลังเบาๆ
“อยากร้องก็ร้อง”
“นะ…หนูไม่ได้อยากร้องสักหน่อย ฮึก!”
“ไม่ได้อยากร้องแล้วร้องทำไม”
“ฮึก! ก็อย่าปลอบหนูสิ” เพตราโน้มตัวซุกหน้าเข้าซอกคอหนาแล้วส่งเสียงสะอื้นจนตัวโยน น้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสายจนปกเสื้อเชิ้ตของชายหนุ่มจนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาอุ่นชื้น
“ขี้แย”
“ฮึก! ลองแม่ตายดูบ้างไหม”
“แช่งแม่ฉันเหรอ” มาเฟียหนุ่มแกล้งทำเสียงดุเมื่อคนตัวเล็กยอกย้อน ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาผ่านม่านน้ำตา
“หนูแค่เปรียบเปรยเฉยๆ ไม่ได้แช่งแม่พี่ตายสักหน่อย” เพตรารีบแก้ตัวทันทีเพราะกลัวว่าโชแปงจะเข้าใจผิดแล้วพาลโกรธเธอเข้า
“เลิกร้องได้แล้ว หน้าเลอะหมด” มาเฟียหนุ่มจูบซัมน้ำตาที่ไหลลงมาบนแก้มนวลเบาๆ พร้อมกับลูบหลังเธอไปด้วย น้ำเสียงและท่าทางที่อ่อนโยนของโชแปงทำให้แดร็กที่มองจากกระจกหลังเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดูเหมือนว่าเพตราจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยของเจ้านายเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: BAD NIGHT คืนร้ายคืนรัก