บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 10

เสียงของคนคนนั้นก็คือเย่เจียหยู นางตะโกนเรียกอ๋องเซ่อเจิ้งเอาไว้เพื่อคิดจะรั้งเย่จายซิงเอาไว้

แต่นางกลับพูดอะไรไม่ออก อ๋องเซ่อเจิ้งหันหน้ากลับมา เขาจ้องนางด้วยสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นนางจึงพูดอะไรไม่ออกอีก

จนกระทั่งเห็นกิเลนบินจากไปและองครักษ์ลับที่เคลื่อนไหวราววิญญาณหายตัวไปแล้ว แต่ทุกคนยังคงตกอยู่ในภวังค์

อ๋องเซ่อเจิ้งกลับมาแล้ว เมืองหลวงกำลังจะผลัดแผ่นดินอีกครั้ง

เย่เจียหยูขาอ่อนทรุดลงกับพื้น นางรู้สึกราวกับตัวเองออกจากปรโลกแล้วกลับมาสู้โลกมนุษย์อีกครั้ง

แผ่นหลังของนางมีเหงื่อเย็นๆ ผุดออกมา

นางกัดฟันแน่น ในใจของนางเกลียดแค้นเย่จายซิงอย่างที่สุด นางแอบกล่าวคำสาบานว่าจะต้องทำให้เย่จายซิงรู้สึกตายทั้งเป็น เพื่อล้างความอับอายของตนในวันนี้

……

เย่จายซิงหมดสติไปบนหลังกิเลน

ร่างของเจ้าของร่างเดิมหมดแรงไปนานแล้ว แต่เป็นตัวนางเองที่พยายามฝืนทนต่อมา

นางเรียกอสูรมาก็ยิ่งทำให้นางเสียแรงไปมาก ทั้งยังต้องรับพลังอันน่าหวาดกลัวของท่านหวงอีก ร่างกายของนางแทบจะทนต่อไปไม่ไหว ต่อมานางยังสังหารเถ้าแก่หอยาเสวียนอีก นี่เองทำให้แรงของนางหมดสิ้น

 “นางทนจนถึงตอนกลับจวนได้ น่าอัศจรรย์ยิ่ง”

ชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเห็นเย่จายซิงก็อดเอ่ยปากชมไม่ได้ เขาก็คือลั่วกูหยุนหมอเทวดาอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงทั้งแดนใกล้ไกลไปทั่วทั้งแผ่นดินเทียนเหย้า มีสมญานามว่า หมอเทวดาลั่ว ว่ากันว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงปรมาจารย์กลั่นยาเท่านั้น แต่ยังเป็นนายน้อยแห่งตระกูลลั่วหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเฉินตู

“พี่สาวของข้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”

เย่หยูหยางกล่าวถามอย่างร้อนรน ใบหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

“สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าเมื่อมีหมอเทวดาอย่างข้าอยู่ ข้ารับรองว่านางจะต้องปลอดภัยไร้กังวลแน่นอน”

ลั่วกูหยุนกล่าวอย่างคุยโว

“อย่าเอาแต่พูดเพ้อเจ้อ”

สีหน้าของจวินหยวนเย็นชา

“ไม่เคยเห็นท่านพาสตรีกลับมาเลย วันนี้ข้าประหลาดใจอย่างยิ่ง โถๆๆ วางใจเถิด ข้าลงมือเองนับว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว”

ลั่วกูหยุนพูดไม่หยุดราวกับคนป่วยระคายคอ พลางหยิบเข็มทองออกมา

“ถอยไปให้หมด ข้าจะฝังเข็มแล้ว ลองได้ฝังเข็มนี้ลงไปแล้ว รับประกันได้เลยว่าคืนนี้นางจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน”

ระหว่างพูดเขาก็นำเข็มทองฝังลงไปกลางศีรษะของเย่จายซิง

ในเวลาเพียงชั่วครู่นั้นเอง มือเรียวบางก็ยกขึ้นมาแล้วจับข้อมือของลั่วกูหยุนเอาไว้แน่น

“เจ้าทำอะไรน่ะ!”

มีไอสังหารออกมาจากเย่จายซิง แววตาของนางมืดครึ้มหนาวเหน็บ

“โอ๊ย! แม่นางคนนี้ทำไมแรงถึงเยอะนัก มือของหมอเทวดาอย่างข้าจวนจะหักแล้ว”

ลั่วกูหยุนร้องโวยวาย เขาเริ่มเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่แล้ว เมื่อครู่นี้เขายังพูดอยู่เลยว่าคืนนี้นางจะฟื้น แต่สุดท้ายนางกลับฟื้นขึ้นมาในตอนนี้

“น้องซิง เขากำลังทำการรักษาให้เจ้าอยู่”

จวินหยวนเปลี่ยนจากเสียงเย็นชาที่ใช้พูดกับลั่วกูหยุนเมื่อครู่นี้ มาเป็นเสียงทุ้มลึกอ่อนโยนในลำคอ

เขาผลักลั่วกูหยุนออกไปแล้วนั่งลงบนเตียงพลางถามนางว่า “ตอนนี้เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”

“ดีขึ้นมากแล้ว ข้าแค่รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรงเท่านั้น แต่บาดแผลบนร่างกายไม่มีอะไรต้องกังวล”

เมื่อเห็นเขา นางจึงรู้สึกตัว นางไม่ได้อยู่ในยุคปัจจุบัน แต่ย้อนมายังแผ่นดินเทียนเหย้าแล้วจริงๆ และกลายเป็นคุณหนูสี่ไร้ประโยชน์จากจวนเย่ของแคว้นหงส์แดง เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการ

“เหลวไหล อวัยวะภายในของเจ้าบอบช้ำ ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ บาดแผลของเจ้าอย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลารักษาอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะมียารักษ์จิตระดับ 5 ยาที่คุณภาพต่ำกว่านี้ไม่สามารถรักษาบาดแผลของเจ้าได้”

ลั่วกุหยุนลูบข้อมือพลางกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง

“ข้าไม่มียารักษ์จิตระดับ 5 “

เย่จายซิงกล่าว

“เช่นนั้นเจ้าก็รักษาให้ดี……”

“ข้ามี……”

ลั่วกูหยุนกับจวินหยวนกล่าวพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันนั้นเอง มือของเย่จายซิงก็ปรากฏยาสีเขียวออกมา “แต่ข้ามียารักษ์ทิพย์ขั้น 5”

ทั้งสองคนหยุดพูดทันที

“นี่คือยารักษ์ทิพย์ที่สูญหายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ เป็นไปไม่ได้”

สีหน้าของลั่วกูหยุนตื่นตะลึง พลางมองไปที่เม็ดยาที่อยู่ในมือของนาง

ที่นางมาก็เพียงเพราะว่าไม่อยากปฏิเสธเขาต่อหน้าคนอื่นๆ เขาจะได้ไม่เสียหน้า

จวินหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองไปที่นางด้วยสายตานิ่งสงบ

“หากเจ้าอยู่ต่อ ข้าจะเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบิดาของเจ้าให้เจ้าฟัง”

แววตาของนางแข็งทื่อ เขาหมายความว่าอย่างไร บาดแผลของนางหายแล้ว แต่เขากลับพยายามรั้งให้นางอยู่ต่อ เขามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่

“พวกเราย่อมรู้เรื่องเกี่ยวกับบิดาของเราดี ไม่ต้องให้ท่านอ๋องเซ่อเจิ้งเป็นคนบอก”

เย่ยู่หยางลุกขึ้นยืน แล้วมองไปที่จวินหยวนอย่างระแวดระวัง

“หากข้าบอกพวกเจ้าว่า บิดาของพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่ล่ะ”

คำพูดของจวินหยวนทำให้เย่ยู่หยางมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป “ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านพ่อยังมีชีวิตอยู่รึ เป็นไปไม่ได้ ท่านกำลังโกหก ตอนนั้นนายพลตั้งมากมายก็ได้เห็นกับตาว่าร่างของท่านพ่อถูกฝังในปากของอสูรปีศาจ”

ขอบตาของเขาแดงก่ำ เขาไม่อยากคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องนี้อีกแล้ว

เย่จายซิงก็แสดงออกต่อเรื่องนี้ด้วยความสงสัยเช่นกัน

“ข้ากับเทพเจ้าแห่งสงครามพอมีความสัมพันธ์ต่อกันอยู่บ้าง ตอนนั้นเจ้ายังเรียกข้าว่าเสด็จอาอยู่เลย เจ้าลืมแล้วหรือ หลังจากที่เกิดเรื่องกับเขา ข้าก็ได้ตามไปสืบเรื่องด้วยตัวเอง และข้าได้ผ่าอสูรปีศาจนั่นเรียบร้อยแล้ว และพบว่าไม่เหลือสมบัติใดๆ ที่เกี่ยวข้องเทพเจ้าแห่งสงคราม”

จวินหยวนกล่าวพลางมองไปที่นางอย่างแน่วแน่

เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เหลือสิ่งของใดอยู่เลย อสูรกายกินคนเข้าไป อย่างน้อยก็ต้องเหลืออะไรอยู่บ้าง เช่นป้ายหยก แหวนเพชรหรือของขลัง

ดวงตาของเย่ยู่หยางเป็นประกาย หรือว่าพ่อจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

“คนทั้งคนไม่สามารถหายตัวไปเฉยๆ ได้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ เวลาตั้งสามปี จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ปรากฏตัวออกมาเลย”

เย่จายซิงกล่าว

ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเขาก็คือ นางไม่เชื่อคำพูดของเขา

นางไม่อยากให้ความหวังเย่ยู่หยางและทำให้เขาต้องผิดหวัง

“แต่บิดาของพวกเจ้าทั้งสองยังไม่ตายแน่นอน น้องซิงเจ้าไม่อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดหรอกหรือ”

น้ำเสียงทุ้มลึกในลำคอของจวินหยวนแฝงไปด้วยเสน่ห์น่าค้นหา

 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา